ในยุคที่สมาร์ทโฟนมีราคาสูงขึ้นทุกปีๆ ทำให้การตามเปลี่ยนมือถือรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในแต่ละปีเริ่มจะทำให้หลายๆ คนต้องคิดกันหนักขึ้น (เพราะมันแพง) และอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทุกปีเหมือนเดิม.. ทำให้ตอนนี้ได้มีบริการ “ยืมมั้ย” ผุดขึ้นมาให้เราสามารถยืมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ มาใช้ได้โดยเสียค่าเช่าเป็นรายเดือน และเมื่อครบตามสัญญาเช่าแล้วเรายังได้ค่ามัดจำคืนแบบเต็มจำนวนอีกด้วย
อะไรคือยืมมั้ย?
ยืมมั้ย คือผู้ให้บริการยืมสินค้ามือถือออนไลน์ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ชอลเปลี่ยนมือถือบ่อยๆ หรือกลุ่มคนทันสมัยที่ชอบตามเทคโนโลยี โดยที่ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากนัก เพราะเราแค่ทำสัญญาเช่ามือถือเป็นรายปี แต่จ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือนแค่ 10 เดือนเท่านั้น พอครบกำหนดตามสัญญาเราก็จะได้ค่ามัดจำคืนเต็มจำนวน (ค่ามัดจำรวมอยู่ในค่ายืมแล้ว)
นอกจากจะให้ยืมโทรศัพท์ไปใช้แล้ว ยืมมั้ย ยังมอบสิทธิประโยชน์มากมายตลอดระยะเวลาที่ยืมสินค้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าโทร ค่าเน็ต หรือค่าประกันโทรศัพท์กรณีเกิดการชำรุดหรือเสียหาย โดยผู้ใช้งานจะเสียค่าใช้จ่ายเพียง 10% จากค่าซ่อมทั้งหมดเท่านั้น
วิธีใช้งาน ยืมมั้ย
- ติดตั้งแอป ยืมมั้ย จาก Google Play Store หรือ Appstore
- เลือกมือถือที่ต้องการยืม
- ลงทะเบียนยืนยันตัวตน กรอกที่อยู่ในการจัดส่ง และเบอร์มือถือ
- ชำระเงินค่ายืมรายปีแบบเต็มจำนวนหรือผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต 0% นาน 10 เดือน ก็ได้
- รอรับมือถือตามที่อยู่ในการจัดส่ง โดยเขตกทม. ใช้เวลา 1 – 3 วัน ส่วนต่างจังหวัด 3 – 5 วัน (ค่าส่งฟรี)
เดี๋ยวนี้คนซื้อเขาไม่โง่แล้ว ของห่วยราคาแพงมันก็เลยขายไม่ออก ก็ต้องใช้มุกยืมใช้กันแบบนี้ไง
ไม่คุ้มครับ … ลองเข้าไปอ่านเงื่อนไขดูแบบเต็มๆ ถ้าจะกันวงเงินเต็มจำนวนก็ซื้อแบบไม่ยืมดีกว่า
ไม่คุ้มแน่นวลคับ ถ้าไม่มีกำไรเค้าคงไม่มำหรอก แต่ถ้าชอบเปลี่ยนมือ ถือ ใช้ครบปีขี้เกียจขาย ก็น่าสนครับ
ถ้าเป็นมือถือแอปเปิ้ล ค่านิยมราคานี้ ถ้าคุณไม่ใช่คนใช้ ios ดูแล้วเป็นค่ายืมที่แพง จบปีต้องคืนเครื่อง และเงื่อนไขต้องศึกษาดีๆ ถ้าเป็นคนไม่ละเอียด ตัดใจซื้อสบายใจกว่า และถ้าเป็นคนใช้ android ราคานี้÷2 คุณก็ยังได้มือถือดีๆไปใช้เป็นของตัวเอว
ระบายของ
แลดูจะไม่ค่อยคุ้มนะ 🙂 🙂
สำหรับตัวเองโคตรไม่คุ้มอะ ใช้ครบปีโดนยึดเครื่องไปอีก ขนาดคนที่เปลี่ยนมือถือทุกปียังมองว่าไม่คุ้มเลย ซื้อขาดแล้วปล่อยมือสอง คุ้มกว่าอีก เพราะคุณสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่หรือจะไป
อ่านเรื่องนี้จากหลายเว็บและหลายรอบ ก็ยังคงงงเหมือนเดิม
โอกาสทางธุรกิจคืออะไร เจ้าของธุรกิจได้อะไร ลูกค้าได้อะไร
สำหรับคนที่เปลี่ยนทุกปี… แอบคิดว่าไม่คุ้มครับ ถ้าเป็นไอโฟน เอาไปขายมือสอง มีโอกาสได้มากกว่ามัดจำคืน
ให้ยืมยังไงเสียเงินมากมายควรตั้งชื่อว่าให้เช่ามือถือมากกว่าครับไม่คุ้มเลยสักนิดเงื่อนไขเยอะแยะใช้ไประแวงไปเพราะไม่ใช่ของเราตอนคืนคงโดนหักค่าสึกหรอต่างๆนาๆจะเหลือไหมค่ามัดจำ5555
ทำธุรกิจ แต่ไม่ชัดเจนหรือป่าว ไม่บอกว่า ค่ายืมเท่าไร ต้องมาบวก ลบ คูณ หาร เอาเอง พอได้ราคา ค่ายืมแล้ว สรุป ก็ไม่คุ้มอยู่ดี แล้วคนมีเงินผ่อนขนาดนั้น ก็ผ่อนซื้อไปเลยดีกว่า ถ้าราคายังแบบนี้ ผมว่า ธุรกิจนี้ ไม่น่ารอด
IPHONE มันก็ไม่ได้ราคาตกขนาดนั้นมั้ย อย่างน้อย 1-2 ปี ถึงจะขายเป็นมือสองราคาก็ยังสูงกว่าอยู่ดี
ซื้อเครื่องเป็นของตัวเองดีกว่า แบบนี้
ไม่คุ้มอย่างแรง
เสียปีละเกือบสองหมื่นแต่สุดท้ายไม่ได้เครื่องไว้ใช้ สู้เอาเงินไปซื้อขาด หรือผ่อนเรือธงแอนดรอยด์ยังจะดีกว่า อันนี้มันไม่ใช่ธุรกิจทางเลือกแล้ว มันคือการหากินกับคนไม่รู้มากกว่า
มีให้ยืมนาฬิกาใหม่
อันนี้พุ่ง 555
ในแง่ไอเดียดีครับ คิดต่าง แต่โมเดลเรื่องราคา สอบตกอย่างแรง กล้าฟันธงว่าไปไม่รอด
iPhone 7 32 GB ไม่มี Jet Black แต่ใน App ไม่มีให้เลือก ผมเดาว่าน่าจะลงข้อมูลผิด ถ้าข้อมูลถูกต้อง ก็แน่นอนว่าเป็น เครื่อง LL รีฟับมา เอาง่ายเลย กำไรบานราก
สักพักก็จะมีเครื่องตกลง เทรกเอ้าส์ออกมาขาย
ผมว่าวิธีการเปรียบเทียบราคาของคุณ matthatthan น่าจะใช้ราคาเครื่องเปล่าเทียบกันนะครับ
เช่น xs max ถ้าราคาซื้อคือ 43,890
ราคาของยืมคือ 2,599*10=25,990 ครบปีได้คืน 17,900 เท่ากับค่ายืมจริง 25,900-17,900=8,000บาท/ปี
ผมว่าก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผลกับคนชอบเปลี่ยนมือถือทุกปีนะครับ เพราะถ้าซื้อเอง ไม่แน่ว่าใช้ไปครบปีจะขายเป็นมือสองได้ถึง 43,890-8,000=35,890 หรือป่าว
ผมมองว่ามันเป็นธุรกิจที่ win win นะ
คนยืม เสียส่วนต่างเหมือนค่าเสื่อมในเรทที่ไม่สูง (ลองคิดของ7+ค่ายืม=4,000/ปี)
คนให้ยืมได้เงินไปหมุนลงทุน และได้ส่วนต่างจากการดีลเหมาซื้อบิ๊กลอตจาก apple ได้เครื่องราคาถูกลง หรือเป็นเครื่อง refurbished
ปล. แต่ผมยังคงใช้ Android เครื่องละ 5000ต่อไป ใช้แพงไม่ได้ ลูกเล่น ทำตกบ่อย 5555
อันนี้ไม่ใช่นะครับ คือเป็นแบบนี้
ยืมมั้ยยื่นข้อเสนอให้ยืม iPhone XS Max เนี่ย เราต้องจ่ายรวมๆ แล้วตลอดทั้งสัญญา (12 เดือน) 43,890 บาท ซึ่งถ้าหมดสัญญา ให้โทรศัพท์เขาคืนไป เราก็จะได้เงินมัดจำคืนมา 17,900 บาท เท่ากับว่าตลอด 1 ปีที่เราไปยืมเขามาเนี่ย เราต้องจ่ายไปทั้งหมด 25,990 บาท จะเอาไปลบค่ามัดจำอีกไม่ได้แล้ว เพราะลบไปก่อนหน้านี้แล้ว..
ล่าสุดเข้าไปดูที่แอปมา มี S10e เข้ามาแล้วครับ รวมๆ แล้วหักค่ามัดจำโน่นนี่ เราเสียค่ายืมไปประมาณ 15,480 บาท
งั้นโฆษณาอันนี้ค่อนข้างไม่เคลียร์นะผมว่า
ถ้าค่ายืมสูงขนาดนี้ ซื้อเถอะ เบื่อแล้วขายต่อร้านตู้ยังน่าจะได้เยอะกว่าไหมน่ะ 555
2599 x 10 = 25990
25990 – 17900 = 8090
เท่ากับว่า 12 เดือนเสียค่าเช่าไป 8,090 บาท ตกเดือนละ 674 บาทครับ
ถูกหรือแพงก็ลองชั่งใจดูเอาเองครับ แต่เงื่อนไขการส่งคืนคงจะมีเยอะแน่นอนครับ
และที่สำคัญคำว่ายืม ผลทางจิตใจไม่ค่อยจะดีครับสำหรับผม เพราะมันเป็นเครื่องยืมไม่ใช่เครื่องผม