หลังเมื่อสัปดาห์ก่อนมีวงในออกมาเผยว่า Apple จะโดนคณะกรรมาธิการยุโรปลงโทษเป็นแบรนด์แรกจากฎหมายใหม่ที่มีชื่อว่า Digital Markets Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่ป้องกันการผูกขาดทางตลาดดิจิทัลจากเหล่าบริษัท Big Tech ทั้ง Meta, Apple, Google, Amazon และอื่น ๆ โดยทาง EU ได้ระบุว่า Apple ได้พยายามตั้งกฎกีดกันและควบคุมเหล่านักพัฒนาแอป ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดระบบแล้วก็ตาม

คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกมาเผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการ โดยมีเนื้อความว่า “Apple ได้ละเมิดกฎ Digital Markets Act เพราะพยายามออกแบบรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เอาเปรียบทั้งนักพัฒนาแอป และผู้ใช้งานจากกฎหมาย DMA อีกทั้งทาง EU ได้ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า Apple จะต้องอนุญาตให้ร้านค้าแอปอื่น ๆ ที่ไม่ใช้ App Store ได้มีที่ยืนบนแพลตฟอร์ม รวมถึงแจ้งให้ผู้ใช้งานรับทราบว่ามีร้านค้าแอปอื่น ๆ นอกเหนือจาก App Store อย่างชัดเจน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งานอย่างอิสระ ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขใดก็ตาม”

โดยทาง EU ต้องการให้ Apple อนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถเพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง ร้านค้าแอป หรือระบบการจ่ายเงินนอก App Store ได้โดยตรง และห้ามมีการชาร์จค่าบริการเพิ่มเติมใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่อย่างไรก็ตามกฎของ Apple ไม่อนุญาตให้นักพัฒนาแสดงรายละเอียดราคา หรือแนะนำให้ผู้ใช้งานใช้บริการจ่ายเงินผ่านระบบทางเลือกอื่น ๆ ที่ถูกกว่า และไม่ได้จ่ายผ่าน App Store โดยตรง

แถมเมื่อแทรกลิงก์ลงบนแอป เพื่อนำผู้ใช้งานไปยังช่องทางการจ่ายเงินอื่น ๆ Apple ก็ยังตามไปเก็บเงินค่าบริการการซื้อสินค้าดิจิทัลทุกรายการหลังทำการซื้อ 7 วันกับทางนักพัฒนา อีกทั้งยังต้องจ่ายค่าใช้เทคโนโลยี core technology fee ที่เมื่อแอปมีผู้ใช้งานเกิน 1 ล้านคนแล้ว รายที่ 1 ล้าน 1 เป็นต้นไป Apple จะชาร์จเงินค่าติดตั้งครั้งแรกรายละ 50 เซนต์ หรือราว ๆ 18 บาทด้วย

ทาง EU มองโมเดลธุรกิจเหล่านี้เป็นการกระทำที่ “เกินไป” จึงได้ทำการตั้งข้อหาเบื้องต้น และให้เวลา Apple ในการปรับแก้ไขเงื่อนไขต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับกฎ DMA ภายในเดือนมีนาคม 2025 หากไม่ทำตามจะมีโทษปรับสูงถึง 10% ของรายได้บริษัททั่วโลก ประมาณ 3.8 หมื่นล้านเหรียญฯ หรือเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท และหากยังทำการละเมิดซ้ำอีกก็อาจจะถูกปรับเป็นจำนวนเงินที่สูงขึ้นเป็น 20% เลยทีเดียว

ที่มา: MacRumors | European Commission