ชีวิตคือการต่อสู้.. วันนี้บินมางานเปิดตัว Galaxy Note 7 ที่โรงละคร Hammersteine ในมหานคร New York ที่ทุกๆ คนน่าจะได้นั่งดูถ่ายทอดสดไปพร้อมกันหมดแล้ว สเปคของ Galaxy Note 7 ก็คงจะทราบกันหมดแล้ว คงไม่ต้องย้ำว่า หน้าจอ 5.7 นิ้ว, ชิป Exynos, RAM 4GB, ROM 64GB (แล้วจะทวนทำไม) เพราะฉะนั้นเลยจะขอเล่าบรรยากาศและประสบการณ์ที่ได้มาลองสัมผัสตัวเครื่องในงานเปิดตัวของ Note 7 แทน แน่นอนว่าในงานนอกจากตัวเครื่องแล้วพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็มากันครบด้วย มาครับ แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตคือการต่อสู้ที่ผมโปรยไว้มันคืออะไร..

นี่แหละครับ ชีวิตคือการต่อสู้ของแท้ เพราะมีทั้งสื่อจากประเทศต่างๆ มากันเต็มไปหมด และข้างล่างโรงละครนั่นก็เหมือนกับสงครามย่อยๆ ที่เราต้องลงไปซัดกัน เพราะสื่อจากแต่ละที่ก็จะใช้เวลาพอสมควรในการเก็บรายละเอียดของ Note 7 ให้ได้มากที่สุด และด้วยเวลาที่มีจำกัดแค่ 2 ชั่วโมงเราก็ต้องรีบนิดนึง แต่เนื่องจากเรานั่งอยู่ชั้นบนสุดของในงาน กว่าจะลงไปถึง… ดูภาพแล้วคงเข้าใจ

เดินลงมาถึงชั้นล่างแล้วสายตาก็โดนดึงความสนใจไปที่โต๊ะเดโมครับ (เพราะตอนนั้นเครื่องลองนั้นไม่ว่างเลย บางจุดมีต่อแถวกันด้วย ฮ่าๆ) แต่ไปดูแล้วมันน่าสนใจจริงๆ เป็นหน้าจอทัชสกรีน แล้วก็มี Galaxy Note 7 วางอยู่เครื่องนึง เอาไว้ทำโน่นทำนี่กับโต๊ะ ผมเลยสงสัยว่ามันทำอะไรได้บ้าง เลยให้เค้าลองให้ดู

พอลากเอา Note 7 ไปไว้ตรงกลางมันก็จะมีฟีเจอร์หลักๆ ออกมาให้เราลองเข้าไปเล่นดูได้ โดยตัวเครื่องก็จะทำงานแบบ interactive กับโต๊ะไปพร้อมๆ กัน 

แต่ในนี้ขอยกอันที่คิดว่าโดนสุดๆ มาอันนึงและเห็นภาพได้ชัดหรือฟีเจอร์ Video HDR ที่ทาง Samsung ย่อชิปจาก TV มาใส่ในเครื่องครับ 

เลือกเข้ามาแล้วเราจะเห็นภาพบนหน้าจอแบบปกติ แต่ภาพบน Note 7 นั้นจะเป็นแบบที่ถูกปรับให้สดงผลแบบ HDR โดยไม่ว่าจะเลื่อนเครื่องไปตรงไหนก็จะเป็นการเอาภาพส่วนนั้นมาแสดงแบบ HDR บนหน้าจอ 

หรือจะลองเปลี่ยนภาพก็ได้ มีให้ลองเล่นหลายภาพเลย แล้วก็เลื่อน Galaxy Note 7 ไปเรื่อยๆ เออ สนุก เพลิน

ถ้าใครยังจินตนาการความเจ๋งของโต๊ะตัวนี้ไม่ออกขอเชิญดูคลิปนี้ครับ แล้วเดี๋ยวจะว้าวเหมือนกับผม

นอกจากนั้นก็มีฟังก์ช่นโชว์การสแกนม่านตารวมถึงการทำงานของ S Pen แปลภาษาที่เป็นฟีเจอร์ใหม่ด้วย แต่เดี๋ยวจะยาว ขอตัดจบตรงนี้ เอาไว้ไปดูในคลิป Hands-On แล้วกันเนอะ (ซึ่งตอนนี้กำลังตัดต่ออยู่ เดี๋ยวมาอัพให้) 

หันไปข้างหลัง เห็น Galaxy Note 7 สี Coral Blue กำลังว่างพอดี เลยไปลองจับดูสักหน่อย หยิบขึ้นมาแล้วสังเกตุเห็นว่าตัวเครื่องจะทรงเหลี่ยมกว่า S7 edge อยู่นิดหน่อย เพราะ S7 / S7 edge มันจะดูมนกว่านี้ แต่ลักณะความโค้งของขอบจอ dual edge นั้นเทียบแล้วพอๆ กัน

สีฟ้าของ Galaxy Note 7 นั้นจะว่าไปก็ไม่ใช่สีใหม่ของ Samsung ซะทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีทั้ง S5 (รุ่นพลาสเตอร์ยา) รวมถึง S6 ก็เคยมีสีฟ้า Blue Topaz แต่ไม่ได้ขายในบ้านเรา ซึ่งสี Blue Coral นั้นจะอ่อนกว่าหน่อย แต่ก็เหลือบเล่นแสงตามมุมตกกระทบ เลยอาจจะเห็นในภาพนี้สีดูเข้ม

บริเวณขอบรอบตัวเครื่องของสีฟ้านั้นจะเป็นสีทอง เรียกว่าเป็นการเล่นสีแบบทูโทนก็ได้ แต่แค่ 2 สีก็พอแล้วเนอะ ถ้ามากไปจะกลายเป็น 3 โทน ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ~ ฮิ้ว~

เอ่อ.. ขอพัก Galaxy Note 7 ไว้ตรงนี้แป้บ เพราะสื่ออีกเจ้าบอกว่าเค้าถ่ายอยู่ แต่พอดีวางเครื่องนี้เอาไว้ ผมเลยต้องขอโทษแล้วคืนเครื่องให้เค้าไปก่อน ขอแว่บไปดูฝั่งอุปกรณ์เสริมกัน

เคส flip cover แบบคลาสสิคก็มาด้วย งานนี้คงไม่ต้องขออธิบายอะไรมาก เพราะทุกคนคงรู้จักฟังก์ชั่นและการทำงานของมันอยู่แล้ว ดูภาพประกอบไปเพลินๆ ละกัน

มาถึงอุปกรณ์เสริมชิ้นที่ 2 อย่างเคส Samsung BackPack Battery ที่ออกแบบมาให้กันน้ำได้ด้วย วัสดุเป็นพลาสติกแข็งปั๊ก หนาพอประมาณ

พลิกมาด้านในหลายคนอาจจะงงว่า.. เห หน้าตามันเหมือนเคสฝาหลังเฉยๆ ไม่เห็นจะมีช่องเสียบชาร์จแบตเข้าเครื่องเลย แล้วมันจะเป็นพาวเวอร์แบงค์ได้ไง อันนี้บอกเลยว่ามันเป็น wireless charge ประกบปุ๊บก็ชาร์จแบตให้ Note 7 ปั้บ

Samsung BackPack Battery Case นั้นมีแบตเตอรี่ภายใน 3100 mAh เช็คแบตเหลือกี่มากน้อยได้ด้วยปุ่มกดด้านบนพร้อมไฟ LED 4 หลอดแสดงปริมาณแบตที่คงเหลือ ส่วนเวลาจะชาร์จตัวมันเองก็ใช้ USB Type C เสียบปลั้ก 

เวลาเอามาประกบกับ Galaxy Note 7 หน้าตาก็จะออกมาเป็นแบบนี้แหละ อารมณ์โกคูกับคูริรินสมัครเป็นลูกศิษผู้เฒ่าเต่าแล้วได้กระดองมาฝึกวิชายังไงยังงั้น

สำหรับใครที่คิดว่ามันเป็นเคสกันกระแทกได้ด้วยมั้ย อันนี้คงบอกว่าไม่ได้ เพราะมันจับล็อคถึงแค่กลางตัวเครื่องเท่านั้น ไม่ได้ปิดมุมทั้ง 4 บริเวณด้านหน้าเลย เอาไว้ชาร์จแบตอย่างเดียวเนอะ

พอประกบเข้าด้วยกันแล้วมันก็จะทำการชาร์จแบตให้เลยทันทีครับ

อุปกรณ์เสริมของ Galaxy Note 7 บางอย่างที่ตามมาจากรุ่นก่อนๆ เช่น Lens Cover และ Keyboard Cover ก็รอสอยกันได้ หวังว่ารอบนี้ Samsung จะเอา Lens Cover มาขายในไทยนะครับ

มาถึงตัวเครื่องกันอีกสักที เฮ อันนี้ก็เป็นสีเงิน สีฟ้า แล้วก็สีดำ ยังขาดสีทองอีกอันนึง เหมือนจะติดคิวถ่ายแบบที่อื่นอยู่ เลยไม่สามารถมาร่วมถ่ายภาพพร้อมกันได้

ช่องใส่ซิมการ์ดด้านบน เผอิญว่าเป็นเครื่องอเมริกา รองรับซิมเดียวเนอะ แต่ของไทยจะรองรับ 2 ซิม ซึ่งเป็น nano ทั้งคู่ และช่องที่ 2 ก็เลือกเอาว่าจะใส่ micro SD แทนมั้ยกับ ROM 64GB ที่มีให้ยังไม่เป็นที่พอใจ

มาถึง S Pen ที่ตอนนี้มีการออกแบบใหม่ หัวเล็กลงกว่าเดิม เหลือเพียง 0.7 มิลลิเมตร เขียนเส้นได้เล็กและคมขึ้นแน่นอน

แต่อีกฟีเจอร์นึงที่ซ่อนอยู่คือ S Pen บน Galaxy Note 7 มันไม่สามารถเสียบกลับด้านได้แล้วจ้า หลังจากรอบ Note 5 หลายๆ คนลองเสียบเล่น เสียบกันเพลิน เสียบมิดด้าม เสียบคารู รอบนี้ไม่มีทาง เพราะรูตันตั้งแต่ยังไม่ถึงนิ้วแรก เข้าไปได้หน่อยเดียวก็ติดแล้ว ต้องดึงกลับออกมาแล้วเสียบให้ถูกด้านถึงจะสุด

ฟีเจอรืใหม่ๆ ของ S Pen นอกจากจะหัวเล็กลง มี Samsung Note เป็นแอพหลักและการระบายสีน้ำที่มันสีผสมกันเองได้แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์ก็คือ Translate ที่แปลงภาษาง่ายๆ แค่เอา S Pen ไปจ่อๆ หรือลอยๆ เหนือคำนั้นๆ

โดยสามารถเลือกแปลเป็นภาษาอะไรก็ได้ และแน่นอนว่ามีไทยด้วย อย่างเช่นอ่านข่าวเจอคำนี้แปลไม่ออก ก็เอา S Pen ไปลอยๆ ค้างเอาไว้ มันก็แปลให้แล้ว Catastrophic = เป็นภัยพิบัติ จากที่สอบถามกับพนักงานเค้าบอกว่าตอนนี้ใช้ได้แค่การแปลเป็นคำๆ ไป คือไม่สามารถลากยาวๆ หรือแปลเป็นประโยคได้นั่นเอง

ส่วนอีกฟีเจอร์นึงก็คือ S Pen ของ Note 7 ทำงานได้แม้อยู่ใต้น้ำ คือบอกตามตรงผมก็ไม่รู้จะเอา S Pen ไปเขียนอะไรใต้น้ำหรอกนะ แต่ถ้าบอกว่าเอาลงไปแตะแทนนิ้วมือเวลาถ่ายภาพก็โอเค เพราะเวลาลงน้ำเราใช้นิ้วแตะหน้าจอไม่ได้แล้วไง ซึ่งในงานเค้าก็มีโชว์เล่นเกมแงะหอยให้ดู พอเอา Note 7 จุ่มลงไปมันก็จะมีเกมงมหอยด้วย S Pen ให้เล่น เออ ตลกดี

มาถึง iris scanner ที่บอกตามตรงตั้งแต่แรกว่าไม่รู้สึกว้าวเลย แต่พอมาลองจริงๆ นี่มัน ว้าว ว้าว ว้าว ชัดๆ (ให้ไปเลย 3 ว้าว) มีที่ไหนสแกนได้ทะลุแว่นดำ! (หรือจริงๆ เราหล่อทะลุแว่น) คือมันเป็นแสงอินฟราเรดยิงเข้ามาแล้วจับเอาสภาพดวงตาของเราไปทำ mapping เพื่อเปรียบเทียบกับครั้งต่อไป ตอนสแกนเก็บก็ทำแค่ครั้งเดียวก็จำได้ทันที

จากภาพนี้เลย จะเห็นว่ามันมองทะลุแว่นได้ครับ และการปลดล็อดของมันก็เร็วมาก บางทียังไม่ทันขึ้นภาพสแกนก็ผ่านเข้าหน้าจอได้ทันที อันนี้อะเมซิ่งซัมซุง

ว่าแต่มันทำงานได้เร็วแค่ไหน ลองมาชมกันได้ในคลิปนี้ครับ

หน้าตา Grace UX ที่เปลี่ยนไอคอนต่างๆ ให้มีความกลมมากขึ้น การทำงานเท่าที่ได้ลองนั้นมีความลื่น มีความเนียนตา

ส่วนการตั้งค่าหลังจากที่ Samsung เอาไปทำเป็น tab เล่นเอาหลายคนงงมาหลายรุ่น บน Grace UX กลับมาเป็นหน้าเดียวยาวๆ แถมมีความคล้าย Stock android แล้ว งานนี้ดูง่าย หาอะไรก็เจอแน่นอน

มาถึงอีกฟีเจอร์ของ Galaxy Note 7 ที่พ่อบ้านได้ยินแล้วหูผึ่ง (แต่ถ้าแม่บ้านรู้อาจจะกลายเป็นหูยาน) นั่นก็คือ Secure Folder ที่สามารถเล่น LINE หรือ Facebook ได้ 2 account ในเครื่องเดียวกัน โดยอีก Account นึงจะถูกซ่อนเอาไว้ใน Secure Folder นั่นเอง แล้วมันทำงานยังไง ลองมาดู

Secure Folder มองผ่านๆ เผินๆ ก็เหมือนกับ folder ทั่วไป แต่ข้างในนี้มีการเข้ารหัสเอาไว้ เมื่อเปิดเข้ามาแล้วก็ต้องใส่ password ให้เรียบร้อยก่อน

พอรหัสผ่านถูกต้องเข้ามาข้างใน Secure Folder ได้แล้ว เราก็จะเห็นแอพต่างๆ อยู่ในนี้อีก 1 ชุด ซึ่งแอพเหล่านี้จะเป็นคนละชุดกับแอพที่อยู่บนเครื่อง Note 7 นะครับ ถ้าใครงงๆ ก็ให้นึกว่า Note 7 คือบ้านใหญ่ และ Secure Folder คือประตูสู่บ้านเล็ก (ฟังดูแหม่งๆ) คือมันทำงานแยกกันโดยสมบูรณ์ เหมือนเป็นคนละแอพ มาจากคนละที่อะไรแบบนั้น

เช่นถ้าคุณใช้ LINE บน Galaxy Note 7 อยู่แล้ว เป็น account ประจำ แต่มี LINE อีก account นึงที่ใช้ขายของออนไลน์ หรืออะไรก้ว่าไป เราก็สามารถเพิมเข้าใน Secure Folder ได้ โดยมันจะมองเป็นคนละแอพ และต้องทำการ log in ใหม่

เราก็ใช้ LINE ID ที่เราขายของนั่นแหละ ล็อคอินเข้าไปเลย เท่านี้ก็จะมี LINE 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียวได้แล้ว โดยอันนึงอยู่บน Note 7 อีกอันอยู่ใน Secure Folder ซึ่งสามารถทำกับ Facebook, Whatsapp หรือ Instagram ก็ได้ด้วย

ส่วนของกล้องคงไม่ต้องพูดอะไรมากมาย เพราะกล้อง S7 / S7 edge ถ่ายออกมาสวยยังไง Note 7 ก็เป็นยังงั้นแหละ เพราะใช้ module กล้องเดียวกันนะฮะ ส่วนนี่ก็เป็นโหมดกล้องที่มีมาในตอนแรก แล้วก็สามารถโหลดเพิ่มได้อีก

กล้องหน้ามีความกว้าง เลนส์ไวด์น่าพอใจเหมือนเดิม ใครกลัวว่าเจอเลนส์ไวด์แล้วถือแนวตั้งหน้าจะยืด ถือแนวนอนหน้าจะบานอันนี้เค้ามี Shape correction แก้ไขให้ ส่วนสายบิวตี้ทั้งหลายอยากได้ความวิ้งขาวใส ก็ไปไถเลื่อนๆ บาร์ทางขวาได้ตามสะดวก

มาต่อกันที่ Motion Wallpaper ที่มันจะมีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเวลาเราเอียงเครื่องไปมา อันนี้เป็นแค่ 1 ในหลายๆ แบบที่เราสามารถเลือกมาใช้งานได้ แล้วก็สามารถหาดาวน์โหลเพิ่มได้จาก Theme ครับ

Galaxy Note 7 นั้นจะใช้ได้กับเฉพาะ Gear VR รุ่นใหม่ที่เป็น USB Type C เท่านั้น แต่ Gear VR รุ่นใหม่นี้จะสามารถใช้กับ Galaxy รุ่นเก่าได้ ด้วยตัวแปลง Type C – micro USB ครับ ส่วนใครที่คิดว่าเอา Gear VR รุ่นเก่ามาใส่หัวแปลง Type C จะได้ไหม อันนี้ถามมาแล้วเค้าบอกว่าใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เปลี่ยนแค่ Type C อย่างเดียว มีการเพิ่มปุ่ม Home เข้ามาใหม่ และมีช่อง USB Type C ด้านล่างเอาไว้ต่อกับ USB OTG เพื่อเชื่อมกับจอยเกมหรือ USB ได้

นี่คือรวมๆ ทั้งหมดที่มีเวลาไปลองเล่น Galay Note 7 มาครับ เพราะเค้าเปิดให้ลองประมาณ 2 ชั่วโมงได้ กว่าจะไปแย่งๆ กันต่อสู้กับสื่อต่างชาติมาก็เสียเวลาไปพอสมควร (แถมยังเสียเวลานานมาก กว่าจะไปเจอคนแนะนำสวยๆ ให้อธิบายให้ฟังอีก) เลยได้มาประมาณนี้ ส่วนใครที่อยากดูคลิปยาวๆ หน่อยอันนี้กำลังตัดต่ออยู่ คือคอมพ์ที่เอามาด้วยนี่เน้นเบาๆ พกสบายๆ แล้วมันเป็น Core M ไง กว่าจะ edit กว่าจะเรนเดอร์ได้นี่รอกันเงิบเลย แหะๆ รอนิดนึงนะครับ