หลังจากได้ลองเล่นเจ้าเคนมา 2 วันเต็มๆ วันนี้ก็ได้เวลาปล่อย รีวิว i-mobile IQ X Ken แล้วครับ ซึ่งในรอบแรกนี้ขอพูดถึงเรื่องของตัวเครื่อง ฟีเจอร์ต่างๆ และตัวอย่างภาพถ่ายก่อน ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเนื่องจากเจ้าเคนนั้น Made in Japan ผลิตโดย Kyocera เพราะฉะนั้นอะไรที่เคยเห็นเคยคุ้นตาใน i-mobile รุ่นก่อนๆ นั้นไม่มีให้เห็นนะครับ  

นั่นก็เพราะว่าตัว ROM หรือซอฟต์แวร์ของเครื่องนั้นทาง Kyocera เป็นคน OEM มาให้ รวมถึง Hardware และทุกสิ่งอย่างนั้นขอบอกว่าดีขึ้นกว่าเดิมมาก เพื่อนๆ อาจจะได้เห็นว่ากล้องของ IQ X Ken ที่ความละเอียด 13MP นั้นถ่ายรูปได้สวยกว่า IQ X รุ่นอื่นๆ ที่โม้ว่าเป็นกล้อง 18MP ซะด้วยซ้ำ มามะมาดูกันว่ามันสมราคา 16,900 บาท หรือเปล่า

 

หน้าตากล่องของ IQ X Ken นั้นก็เป็นสไตล์ญี่ปุ่นเลย ใครที่เคยซื้อมือถือญี่ปุ่นมาเล่นนั้นน่าจะคุ้นตากันดี กล่องทำจากกระดาษลูกฟูก ส่วนตัวเครื่องนั้นก็ดีไซน์ญี่ปุ่นเลยครับ เพราะทาง i-mobile นั้นเลือกเอารุ่น DIGNO M ของ Kyeocera มาปั้มยี่ห้อ ในส่วนสเปคนั้นมาพร้อม

  • Android 4.2 Jelly Bean
  • CPU Qualcomm MSM8974 (Snapdragon 800) 2.2GHz Quad-Core
  • หน้าจอ 5 นิ้ว Full HD
  • กล้องความละเอียด 13MP
  • กล้องหน้าความละเอียด 1.2MP
  • ROM 32 GB ใส่ micro SD เพิ่มได้ถึง 64GB
  • RAM 2 GB
  • แบตเตอรี่ 2,600 มิลลิแอมป์
  • ราคา 16,900 บาท
  • ใช้ nano SIM
  • ทนน้ำทนฝุ่น มาตรฐาน IP58
จากที่สเปคบอกไว้ว่ามันใช้นาโนซิม ในกล่องเลยมีซิม 3GX ที่เป็นนาโนแถมมาให้ด้วย
 

แกะลงไปอีกชั้นนึงก็จะเจอพวกฟิล์มกันรอย, ชุดหูฟัง, สาย micro USB, หม้อแปลง

 

ตัวเครืองด้านหน้าไม่มีปุ่มแล้วนะครับ ย้ายไปใช้ปุ่มบนหน้าจอตามมาตรฐานจาก Google เป็นปุ่ม back, home , recent apps 3 ปุ่มหลัก หน้าจอนั้นไม่ใช่จอฟ้าหรือจอขาวที่หลายๆ คนชอบกันนะครับ แต่เป็นจอสีเหลืองนวล ซึ่งอันนี้ทาง i-mobile บอกมาเลยว่าจอเป็นสีโทนนี้ทั้งหมด

 

หลายคนอาจจะตกใจ “เอ้ย! ทำไมมันไม่มีช่องลำโพงสนทนา แล้วแบบนี้จะคุยกันยังไง?” สำหรับ IQ X Ken นั้นใช้เทคโนโลยี Smart Sonic Receiver ซึ่ง Kyocera เป็นคนคิดค้นขึ้นมาครับ คือจะใช้การส่งคลื่นเสียงออกมาจากตัวเครื่องแล้วเข้าไปที่หูของเราโดยตรง ลองไปอ่านข่าวเก่าดูได้ที่ Kyocera เปิดตัว Urbano Progresso มือถือรุ่นใหม่ พร้อมเทคโนโลยี Smart Sonic Receiver ไม่ต้องมีลำโพงสนทนา ส่วนรูอืนๆ นั้นก็มีทั้งกล้องหน้า (ความละเอียด 1.3MP) แล้วก็พวก light sensor, proximity sensor ประมาณนั้น

 อ้อ IQ X Ken นั้นมีสีเดียวคือสีขาวนะครับ ไม่ได้มีหลายๆ สีแบบที่ทางญี่ปุ่นผลิตออกมา

ผิวด้านหน้าเป็น glossy ขาวมันงาก็จริง แต่ด้านหลังเป็นดีไซน์โค้ง สีขาวเหลือบมุก เป็นผิวมัน ไม่ใช่ผิวด้านเพราะฉะนั้นไม่มีการเก็บริ้วรอยคราบแน่ๆ แล้วก็ไม่เก็บรอยนิ้วมือด้วย กล้องหลังความละเอียด 13MP ปุ่มกลมๆ ข้างๆ กล้องคือปุ่ม power ส่วนริมด้านโน้นเป็นปุ่มปรับเสียง ส่วนสามจุดสีทองด้านล่างที่เห็นนั่นคือจุดที่ใช้เชื่อม่อกับ docking ซึ่งจะชาร์จแบตได้ไวขึ้น i-mobile ไม่นำเข้ามาจำหน่ายนะครับ

 

เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมาชาร์จกับ micro USB ตามปกติ อันนี้หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่มีจุกอุดหรือปิดช่อง micro USB ถ้ามันลงน้ำจุ๋มไปแล้วจะไม่เสียเหรอ ทาง i-mobile บอกว่าไม่เสียครับ เพราะมีการออกแบบมาอย่างดี ปัองกันน้ำได้เหมือนกับช่องหูฟัง 3.5 มม เลย ส่วนที่ต้องปิดเอาไว้ก็มีแต่ช่องใส่ nano SIM และช่อง micro SD เท่านั้น

 

ตอนเปิดกล่องมาครั้งแรก ผมก็เห็นว่าทำไมต้องมีแท่งพลาสติกเล็กๆ แถมมาด้วย เอาไว้ทำอะไรหนอ พอแกะช่องใส่ซิมแล้วถึงได้รู้ว่ามันเอาไว้เกี่ยวถาด nano SIM ออกมานั่นเอง จริงๆ ผมเอาเล็บเข้าไปเกี่ยวออกมามันก็พอได้นะ แต่มีไอ้แท่งนี่ก็สะดวกและถนัดกว่าเดิมเยอะ

 

เปิดเครื่องมาปั้บ โอ้ว นี่มันไม่ใช่ i-mobile ที่เคยรู้จัก! อย่างที่บอกครับว่า ROM IQ X Ken นั้นเป็นของ Kyocera เพราะฉะนั้นมันจะมาแบบญี่ปุ่นจ๋าสุดๆ หน้าจอ lock screen จะไปแตะตรงไหนของจอก็ได้ แล้วเลื่อนนิ้วไปตามลูกศร เลื่อนขึ้นปลดล็อก เลื่อนซ้ายเข้าโหมดการโทร เลื่อนลงเข้ากล้อง

 

ส่วนของ App Drawer นั้นจะมีตัวแบ่งหมวดหมู่ทางด้านขวามาด้วย พอไปแตะแล้วก็จะมีการกรองแอพให้เราเปิดหาได้ง่ายๆ แต่พอมีแถบนี้เข้ามาตัวแอพก็จะโดนบีบให้กระจุกอยู่ทางด้านซ้ายนิดนึง

 

IQ X Ken มาพร้อม Android 4.2 Jelly Bean แล้วจะได้อัพมั้ย อย่างที่บอกครับว่าขึ้นอยู่กะทาง i-mobile นั่นแหละ

แต่ถ้าถามประสบการณ์ตรงของผมเนี่ย มือถือฝั่งญี่ปุ่นปกติเค้าจะออกอัพเดทให้เรื่อยๆ นะครับ แต่จะช้าหน่อยถ้าเทียบกับการอัพเดทปกติจากค่าย Inter brand รายอื่นๆ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าทาง i-mobile ได้มีการคุยเรื่องนี้ไว้หรือเปล่า

 

Features : ลูกเล่นต่างๆ ของ IQ X Ken

คราวนี้มาดูลูกเล่นของ IQ X Ken กันบ้าง อันนี้เรียกว่า TonTo-On เป็นศัพท์จากทางญี่ปุ่น ฟังก์ชั่นเคาะแล้วจอติดนั่นแหละ แต่จะแปลกตรงที่การเคาะครั้งที่ 2 นั้นต้องแตะจอค้างเอาไว้ หน้าจอมันถึงจะติดขึ้นมา

 

นอกจากนั้นในเครื่องยังมี Pedometer หรืออุปกรณ์นับก้าวเดินติดมาด้วย ซึ่งเราก็ต้องเข้าไปตั้งค่าให้เสร็จก่อนถึงจะเปิดใช้งานได้ ส่วนที่เห็นด้านล่างนั่นคือ E-Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานนั่นเอง

 

ลองมาดู E-Saving Mode กันก่อน อันนี้เราก็สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้โหมดประหยัดพลังงานเริ่มทำงานช่วงไหน อาจจะเปิดใช้งานเลยก็ได้ หรือให้มันเริ่มทำงานเองเมื่อแบตลดลงไปเหลือ 20-30% ก็ได้ซึ่งหลักการทำงานของโหมดนีก็จะมีการปรับลดความสว่างหน้าจอ ตัดการเชื่อมต่อเน็ตในตอนที่หน้าจอดับ และปิดการทำงานบางอย่างลงไปเพื่อให้มือถือของเราสามารถ standby ได้นานขึ้นนั่นเอง

 

ต่อมาคือตัว Pedometer ที่เอาไว้ใช้นับก้าวเดินของเราในแต่ละวัน แล้วก็จะมีการเอามาคำนวนเป็นแคลอรี่ที่เราได้เผาผลาญไปเรียกว่ามาตอบโจทย์เทรนด์เรื่องสุขภาพ โดยก่อนจะใช้งานเราต้องไปกำหนดเพศ อายุ ส่วนสุง น้ำหนักให้เรียบร้อยซะก่อน

 

โดยจะมีการเก็บสถิติให้ดูแบบละเอียดเป็นรายวันเลยทีเดียว ทั้งยังามารถจำแนกได้ว่าเราเดินหรือวิ่งไปเป็นระยะทางเท่าไหร่

 

 

ส่วนนี่เป็นโหมดเสริมของการสนทนาครับ บางทีเราคุยกับปลายสายแล้วฟังไม่ค่อยได้ยินก็สามารปรับ Heard effect ตัดเสียงรบกวนจากปลายสายออก ให้เหลือแต่เสียงพูดก็ได้ หรือปรับให้เสียงนุ่มลงหากบางทีเค้าตะโกนมาเสียงดัง นอกจากนั้นยังมี slow down ที่ช่วยยืดเสียงที่ปลายสายพูดมาเร็วจนเราฟังไม่รู้เรื่องให้ช้าลงได้ด้วย เออแปลกๆ ดี เหมือนกัน เท่าที่ลองมันก็ช้าลงนะครับ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่

 

Camera : โหมดกล้องของ IQ X Ken

อย่างที่บอกไปเมื่อตอนต้นครับ แฟนๆ i-mobile เปิดมาเจอกล้องของเคนอาจจะเกิดอาการงงเล็กน้อย เพราะหน้าตามันดูดีขึ้นมาก มีโหมดต่างๆ ให้เลือกเพียบ แุถมภาพในจอก็ดูดีสีสวยอีกต่างหาก

 

นั่นเป็นเพราะซอฟต์แวร์ที่ทาง Kyocera พัฒนาขึ้นมาใช้กับกับกล้องนั้นดีกว่าของ MTK เป็นไหนๆ แถมตัวเซนเซอร์กล้อง 13MP ที่ใช้ก็คุณภาพดีกว่ากล้อง 18MP ที่ i-mobile เคยใช้ในรุ่น IQ X ก่อนหน้านี้มากมาย

 

โหมดกล้องดูฉลาดมากขึ้น มีการปรับซีนให้อัตโนมัติ เช่นถ้าเราถ่่ายภาพวิว มันก็จะโชว์สัญลักษณ์ต้นไม้ว่าเป็น Lanscape ถ่ายมาโครระยะใกล้ ก็โชว์รูปดอกไม้ รวมถึงมีโหมด effect สีต่างๆ และสามารถถ่ายวิดีโอแบบ slow-motion ได้ด้วย

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก IQ X Ken

 

 

ในส่วนของภาพขนาดเต็มเดี๋ยวผมจะคัดเอาบางส่วนไปอัพไว้ แล้วจะมาแปะ link ให้ไปดูกันอีกทีนะครับ

 

สรุปทิ้งท้ายรีวิว

ต้องบอกเลยว่างานประกอบ วัสดุ และฮาร์ดแวร์ที่ OEM มาจากญีุ่ปุ่นนั้นฉีกความเป็น i-mobile เดิมๆ ที่เราคุ้นกันมากมาย ตัวซอฟต์แวร์ไหลลื่นอย่างไม่เคยรู้สึกกับ i-mobile มาก่อน เพราะก่อนหน้านี้ขนาด OCTO 8 หัวยังมีอาการสะอึกสะดุดให้เห็นบ้าง แต่เจ้า Ken เท่าที่เล่นมายังไม่เจอ ทัชสกรีนตอบสนองได้ดีไม่มีติดขัด เอาเป็นว่าถ้าถือไปให้ใครลองเล่นคงไม่เชื่อว่ามันคือ i-mobile แน่ๆ

เรื่องดีไซน์และหน้าตาของตัวเครื่องนั้นผมคงจะไม่ไปวิจารณ์มากนัก มันอยู่ที่ใครจะชอบสไตล์ไหนมากกว่า เพราะปกติมือถือญี่ปุ่นหน้าตามันก็แปลกๆ อยู่แล้วเหมือนจะล้ำ หรือบางทีก็เหมือนจะประหลาดๆ แล้วแต่คนมองครับ ส่วนตัวผมว่ามันถือกระชับมือดี

เรื่องราคา 16,900 บาท ผมว่ามีกลุ่มคนที่พร้อมจะจ่ายอยู่แล้ว กับมือถือสเปคดีๆ Snapdragon 800, รองรับ 4G, ROM 32GB, ใส่เมมเพิ่มได้, แถมยังกันน้ำกันฝุ่นอีกต่างหาก แต่ปัญหาจะเกิดก็ไอ้ตอนที่เห็นว่ายี่ห้อเป็น i-mobile อาจมีการชักเงินกลับแบบเร็วที่สุดชีวิตหนะสิ

นั่นคือโจทย์ที่ i-mobile ต้องพยายามแก้ให้ได้ หากคิดจะขยับขึ้นมาขายสมาร์ทโฟนในตลาดพรีเมี่ยมครับ ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ของตัวแบรนด์ และเรื่องของบริการหลังการขาย