จากหลักฐานต่าง ๆ ที่หลุดออกมาจนถึงตอนนี้ คงชัดเจนแล้วว่า Samsung จะเปิดตัวแก็ดเจ็ตใหม่หลายอย่าง ควบคู่ไปกับ Galaxy Z Filp6 และ Galaxy Z Fold6 ในงาน Galaxy Unpacked เดือนหน้า ซึ่งแก็ดเจ็ตที่ว่าก็จะมีทั้ง Galaxy Buds3, Galaxy Buds3 Pro, Galaxy Watch7, Galaxy Watch Ultra รวมถึง Galaxy Ring ที่แฟน ๆ รอคอยมานาน – แต่ละอย่างมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง DroidSans รวบรวมข้อมูลไว้แล้วในบทความนี้

Galaxy Buds3 และ Galaxy Buds3 Pro

Galaxy Buds2 และ Galaxy Buds2 Pro เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2021 และ 2022 ตามลำดับ และวางขายลากยาวมาจนปัจจุบัน ยังไม่มีรุ่นใหม่มาสานต่อ ดังนั้น Galaxy Buds3 และ Galaxy Buds3 Pro ที่กำลังจะมา จึงถือเป็นการคัมแบ็กในรอบ 2 ปี ของซีรีส์หูฟังไร้สายตัวท็อปจาก Samsung

Galaxy Buds3 และ Galaxy Buds3 Pro จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางดีไซน์ คือเดิมที หูฟังตระกูล Galaxy Buds ทุกรุ่นจะเป็นหูฟังทรงกลม ๆ รี ๆ คล้ายเมล็ดถั่ว พร้อมเคสที่มีลักษณะคล้ายตลับแป้ง ส่วนนี้เป็นความตั้งใจในการออกแบบของ Samsung ที่ต้องการให้หูฟังแต่ละรุ่นสามารถใช้งานอุปกรณ์เสริมร่วมกันได้ และประสบการณ์การใช้งานก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

แต่คราวนี้ Galaxy Buds3 และ Galaxy Buds3 Pro จะมาเป็นทรงหูฟังแบบมีก้าน เรียกได้ว่าฉีกไปจากแนวเดิมอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่เคสก็ถูกออกแบบให้มีลักษณะโปร่งแสงบริเวณฝาปิด มองเห็นหูฟังได้จากภายนอก

แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า บริเวณสันบนก้านของ Galaxy Buds3 Pro จะมีแถบไฟ LED เรียกว่า ‘Blade Lights’ แม้ยังไม่จัดเจนว่าสามารถทำอะไรได้ แต่สื่อต่างประเทศเดาว่าอาจมีไว้สำหรับแสดงสถานะแบตเตอรี่ และแสดงเอฟเฟกต์ visualization ขณะฟังเพลง ซึ่งข้อสันนิษฐานแรกนั้นดูสมเหตุสมผล เมื่อพิจารณาว่า Samsung เลือกดีไซน์เคสแบบโปร่งใส และก้านหูฟังเองก็หันออกมาด้านนอกแบบพอดิบพอดี

ฟีเจอร์เด่น Galaxy Buds3

  • ไดรเวอร์เดี่ยว
  • ฟีเจอร์ด้านเสียง และการตัดเสียงรบกวน
    • Adaptive EQ และ ANC
  • แบตเตอรี่
    • 6 / 24 ชั่วโมง (ปิด ANC)
    • 5 / 24 ชั่วโมง (เปิด ANC)
  • รองรับเพลง Hi-Res สูงสุด 24-bit 96KHz
  • รองรับการค้นหาบน SmartThings Find
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP67
  • มีสีเงิน และสีขาว

ฟีเจอร์เด่น Galaxy Buds3 Pro

  • ไดรเวอร์คู่
  • ไฟ Blade Lights บนก้านหูฟัง
  • ฟีเจอร์ด้านเสียง และการตัดเสียงรบกวน
    • Adaptive Noise Control
    • Adaptive EQ และ ANC
    • Ambient Sound
  • แบตเตอรี่
    • 7 / 30 ชั่วโมง (ปิด ANC)
    • 6 / 30 ชั่วโมง (เปิด ANC)
  • รองรับเพลง Hi-Res สูงสุด 24-bit 96KHz
  • รองรับการค้นหาบน SmartThings Find
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP67
  • มีสีเงิน และสีขาว

ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างหูฟังสองรุ่นนี้ คือ Galaxy Buds3 Pro มีไฟ Blade Lights บนก้านหูฟัง ฟีเจอร์ด้านการตัดเสียงรบกวนครบเครื่องกว่า และแบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า ทั้งการใช้งานต่อเนื่อง และการใช้งานโดยรวม (ร่วมกับเคส) ส่วน Galaxy Buds3 รุ่นมาตรฐาน ถึงจะได้ฟีเจอร์มาไม่ครบเท่ารุ่นใหญ่ แต่ฟีเจอร์สำคัญก็ดูจะไม่ได้ตกหล่นจนห่างกันเกินไป อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้งาน Adaptive Noise Control และ Ambient Sound


Galaxy Watch7

รอบนี้ Galaxy Watch7 ยังมีหน้าปัดให้เลือก 2 ไซซ์ตามเดิม คือ 40 มม. และ 44 มม. เท่ากับ Galaxy Watch 6 ของปีก่อน หน้าจอสว่าง 2000 นิต เท่าเดิมอีกเช่นกัน แต่จะมีการอัปเกรดวัสดุเป็น Armor Aluminum 2 ที่แข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น ปิดทับด้วยกระจก Sapphire Crystal รูปวงกลม ในขณะที่ฐานของตัวเรือนเองก็ดูบึกบึนขึ้นเล็กน้อย โดยมีปุ่มควบคุมทั้งหมด 3 ปุ่ม

ตัวเรือน Galaxy Watch7 กันน้ำลึกระดับ 5ATM ผ่านมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่น IP68 และผ่านมาตรฐานความทนทาน MIL-STD-810H ที่ออกโดยกองทัพสหรัฐฯ

การอัปเกรดที่สำคัญของ Galaxy Watch7 อยู่ตรงไส้ใน ที่จะเปลี่ยนจากชิป Exynos W930 มาเป็น Exynos W1000 ซึ่งเป็นการขยับจากเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร สู่ 3 นาโนเมตร ทรงพลังมากขึ้น กินแบตน้อยลง โดยเฉพาะข้อหลังที่ถือว่าสำคัญมากสำหรับอุปกรณ์กลุ่มนี้

ข้อมูลอื่น ๆ ตามที่มีรายงานออกมาคือ Galaxy Watch7 จะมีความจุ 32GB สำหรับลงแอปในเครื่อง รุ่นหน้าปัด 40 มม. ให้แบตมา 300mAh ส่วนรุ่นหน้าปัด 44 มม. ให้แบตมา 425mAh

ฟีเจอร์เด่น Galaxy Watch7

  • หน้าปัด 40 มม. และ 44 มม.
  • หน้าจอสว่าง 2000 นิต
  • วัสดุ
    • ตัวเรือน Armor Aluminum 2
    • กระจก Sapphire Crystal
  • ปุ่มควบคุม
    • ปุ่มโฮม
    • ปุ่มย้อนกลับ
  • ทนน้ำ 5ATM
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP68
  • ทนการกระแทก MIL-STD-810H
  • ชิป Exynos W1000
  • สตอเรจ 32GB
  • แบตเตอรี่ 300mAh และ 425mAh
  • มีรุ่น BT และ LTE + BT

Galaxy Watch Ultra

ถัดมาเป็นสมาร์ชวอทช์ซีรีส์ใหม่แกะกล่อง Galaxy Watch Ultra ที่ถูกวางไว้เป็นเซกเมนต์บนสุด คาดว่า Samsung ตั้งใจทำมาแข่งกับ Apple Watch Ultra 2 ของ Apple แบบจริง ๆ จัง ๆ สังเกตได้จากทั้งการตั้งชื่อที่มาชนกันตรง ๆ ประกอบกับการขยายหน้าปัดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 47 มม. แถมยังเลือกใช้วัสดุเป็นไทเทเนียมเหมือนกัน และมีหน้าจอความสว่าง 3000 นิต เท่ากันอีก

กรณีเกี่ยวกับไทเทเนียมที่เป็นวัสดุตัวเรือน Galaxy Watch Ultra เป็นไทเทเนียมเกรด 4 ส่วน Apple Watch Ultra 2 ไม่ได้ระบุเกรด โดยบอกเพียงแค่ว่า ‘เกรดอากาศยาน’ ทำให้มีการเดากันว่าน่าจะเป็นเกรด 5 ข้อแตกต่างเป็นดังนี้

  • ไทเทเนียมเกรด 4 เหนียวกว่า ขึ้นรูปง่ายกว่า เบากว่า
  • ไทเทเนียมเกรด 5 แข็งกว่า ทนการสึกกร่อนมากกว่า

Galaxy Watch Ultra ขับเคลื่อนด้วยชิปขนาด 3 นาโนเมตร มีแนวโน้มจะเป็น ชิป Exynos W1000 แบบเดียวกับ Galaxy Watch7 พ่วงมากับสตอเรจ 32GB ตัวเรือนมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ เทา เงิน และเบจ ทั้งหมดเป็นโทนเมทัลลิก มีคำว่า ‘ไทเทเนียม’ พ่วงท้ายชื่อสี ตามเทรนด์

ฟีเจอร์เด่น Galaxy Watch Ultra

  • หน้าปัด 47 มม.
  • วัสดุ
    • ตัวเรือน ไทเทเนียมเกรด 4
    • กระจก Sapphire Crystal
  • หน้าจอสว่าง 3000 นิต
  • ปุ่มควบคุม
    • ปุ่มโฮม
    • ปุ่มย้อนกลับ
    • ปุ่มชอร์ตคัต
  • ทนน้ำ 10ATM
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP58
  • ทนการกระแทก MIL-STD-810H
  • ชิป Exynos W1000
  • สตอเรจ 32GB
  • แบตเตอรี่ 590mAh
  • มีเฉพาะรุ่น LTE + BT

Galaxy Ring

แหวนอัจฉริยะ Galaxy Ring เป็นอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวจากในนี้ที่ Samsung เปิดตัวไปก่อนแล้ว ตั้งแต่ในงาน MWC 2024 ช่วงต้นปี แต่เป็นเพียงการเผยทีเซอร์ และนำแหวนรุ่นโปรโตไทป์มาโชว์เป็นน้ำจิ้มเฉย ๆ ส่วนในงาน Galaxy Unpacked เดือนหน้า ถึงจะเป็นการเปิดตัวเต็มรูปแบบ

Galaxy Ring เป็นอุปกรณ์สวมใส่ (wearable) ที่มีฟีเจอร์ด้านการติดตามสุขภาพ เช่น การวัดอัตราการเต้นหัวใจ การวัดอัตราการหายใจ การตรวจจับคุณภาพการนอนหลับ การตรวจจับการไหลเวียนของเลือด และการวัดระดับความเข้มออกซิเจนในเลือด (SpO2) เป็นต้น นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานร่วมกับแอป Samsung Food เพื่อแนะนำอาหารที่เหมาะสมสุขภาพของผู้ใช้งานควบคู่ไปด้วย

ข้อมูลของ Galaxy Ring ค่อนข้างคลุมเครือในหลาย ๆ จุด นอกเหนือจากที่กล่าวมา เบื้องต้นทราบเพียงว่า Galaxy Ring จะมีให้เลือกหลายขนาด บางแหล่งข่าวว่า 12 บางแหล่งข่าวว่า 13 ตั้งแต่ไซซ์ 5 ไปจนถึงไซซ์ 13 โดยที่ตัวแหวนต้องชาร์จผ่านเคส คล้าย ๆ กับหูฟังไร้สาย

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ บางฟีเจอร์ของ Galaxy Ring อาจยังไม่เปิดให้ใช้งานในช่วงแรก เพราะฟีเจอร์บางส่วนต้องรอการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา หรือ FDA ก่อน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ากระบวนการตรวจสอบและอนุมัติต้องใช้เวลานาน อาจกินเวลานานได้ถึงหลายเดือน

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า Galaxy Ring จะมีราคาอยู่ในช่วง 300 – 350 ดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 11,000 -13,000 บาท

อ้างอิง : Android Headlines (1, 2)