เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ Huawei Mate 10, Mate 10 Pro และ Mate 10 Porsche Design ซึ่งรอบนี้ก็มีการอัพเกรดมาจากตอน Mate 9 เยอะอยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ แต่ก็ยังคงจุดเด่นของความเป็น Mate อยู่เหมือนเดิม นั่นก็คือ หน้าจอใหญ่ แบตอึด และประสิทธิภาพการใช้งาน ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ นั้นจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย!

1. ดีไซน์และวัสดุแบบใหม่

รอบนี้เป็นครั้งแรกที่ทาง Huawei ได้มีการนำวัสดุที่เป็นกระจกและโลหะมาใช้กับตระกูล Mate โดยขนาดตัวเครื่องของ Mate 10 และ Mate 10 Pro นั้นมีขนาดที่ลดลงจากตอน Mate 9 อยู่พอสมควร เนื่องจากว่าขอบด้านบนและด้านล่างที่เล็กลงนั่นเอง

Huawei ได้มีการใส่ Signature Stripe เข้ามาที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยเป็นแถบที่รวมกล้องหลังคู่ ไฟแฟลช LED และตัว Autofocus อยู่ในแถบเดียว ซึ่งก็เป็นจุดหนึ่งที่มองปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นตระกูล Mate 10 อย่างแน่นอน

สำหรับสีของ Mate 10 ก็จะมีสี Black, Champagne Gold, Mocha Brown และ Pink Gold โดยที่รองรับมาตรฐาน IP53 ส่วน Mate 10 Pro ก็จะมีสี Titanium Grey, Midnight Blue, Mocha Brown และ Pink Gold โดยรองรับการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67

 

2. หน้าจออินเทรนด์ 18:9

Huawei Mate 10 Pro มีการปรับอัตราส่วนของหน้าจอให้อินเทรนด์เป็น 18:9 ตามยุคสมัยที่ทาง Huawei นั้นเรียกว่า เทคโนโลยี Full view ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6 นิ้ว และมีความละเอียดอยู่ที่ FHD+ 2160 x 1080 พิกเซล

ส่วน Mate 10 รุ่นธรรมดานั้นยังใช้เป็นหน้าจอ 16:9 อยู่เช่นเคย แต่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียด QHD 2560 x 1440 พิกเซล โดยหน้าจอของทั้งคู่นั้นยังรองรับมาตรฐาน HDR10 อีกด้วย

 

3. เสริมความฉลาดด้วย AI ในชิป Kirin 970

ก่อนหน้านี้ Huawei ได้มีการเปิดตัวชิป Kirin 970 ออกมาก่อนแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็ได้มีการอวดว่านี่คือชิปตัวแรกของ Huawei ที่มีการฝังชิป Neural Processing Unit หรือ NPU เข้ามาด้วย โดยหน้าที่ของมันก็คือการเรียนรู้การใช้งานของผู้ใช้งานเพื่อให้เหมาะสมด้วยระบบ machine learning ทำให้ไม่ว่าเราใช้งานมานานเท่าไหร่ความเร็วก็จะยังไม่ตกเลย

สเปคของชิป Kirin 970 นั้นเป็นแบบ 4*Cortex A73 2.36GHz + 4*Cortex A53 1.8GHz นอกจากนี้ชิปประมวลผลกราฟฟิกที่ติดมาด้วยก็คือ Mali-G72 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลกราฟฟิกตัวแรกที่มีถึง 12-core โดยทั้งหมดนี้ถูกพัฒนาบนสถาปัตยกรรมขนาด 10 นาโนเมตร ทำให้ประสิทธิภาพนั้นสูงขึ้น แต่ว่ากินไฟน้อยลง

 

4. กล้องหลังคู่ Dual f/1.6 รุ่นแรกของโลก

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า Huawei มีการจับมือกับทาง Leica มาซักพักแล้ว โดยในรอบนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นเช่นเคย แถมยังมีการอัพเกรดขึ้นจากเดิมด้วย ซึ่งทั้ง Mate 10 และ Mate 10 Pro มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ 12MP RGB (OIS) + 20MP Monochrome และใช้เป็นเลนส์ SUMMILUX-H แบบเดียวกับตอน P10 Plus

แต่จุดที่มีการอัพเกรดขึ้นมาก็คือ เลนส์ทั้งสองตัวนี้มาพร้อมกับรูรับแสงกว้าง f/1.6 ทั้งสองตัวเลย โดยเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ทำแบบนี้ ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอนั้นทำได้ดีขึ้น รวมไปถึงการเก็บแสงเวลาถ่ายในที่แสงน้อยก็สามารถทำได้ดีขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีการนำระบบ AI เข้ามาช่วยระหว่างการถ่ายอีกด้วย โดย AI นั้นจะทำการปรับแต่งโหมดการถ่ายภาพตามสภาพแวดล้อมที่เรากำลังจะถ่ายให้โดยอัตโนมัติ แถมยังมีเรื่องการแยกแยะประเภทของสิ่งของหรือวัตถุที่เรากำลังจะถ่ายได้อีกด้วย อย่างเช่น การถ่ายรูปแมว ก็จะมีการปรับเป็นโหมแมวให้เอง เป็นต้น

 

5. สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับ Dual 4G LTE

เป็นหนึ่งฟีเจอร์ที่เชื่อว่าน่าจะถูกใจใครหลายๆ คนกับฟีเจอร์ Dual 4G LTE หมายความว่า ซิมหนึ่งและซิมสองนั้นจะเกาะสัญญาณที่ 4G ได้พร้อมกันทั้งคู่ ไม่ใช่ 4G + 3G เหมือนแต่ก่อน

นอกจากนี้สำหรับรุ่น Mate 10 Pro เป็นรุ่นแรกของโลกที่รองรับ 4.5G LTE ที่ความเร็วสูงสุด 1.2Gbps โดยเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยี 4×4 MIMO + 256QAM + 3CA แต่เอาจริงๆ แล้วเรื่องความเร็วของการใช้งานดาต้านั้นมีปัจจัยมากกว่าแค่ในห้องแล็บนะครับ

 

6. แบตอึด ชาร์จไว อยู่ได้ข้ามวัน

ทั้ง Mate 10 และ Mate 10 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งความจุเยอะยิ่งทำให้ผู้ใช้งานนั้นมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น โดยทาง Huawei นั้นเคลมว่าสามารถใช้งานได้เต็มวันสำหรับผู้ที่ใช้งานหนัก ส่วนการใช้งานแบบธรรมดาๆ จะสามารถอยู่ได้ถึงสองวันกันเลยทีเดียว สามารถใช้ได้ยาวนานกว่า Mate 9 ถึง 30%

ส่วนระบบชาร์จไวของ Huawei นั้นมีชื่อเรียกว่า Huawei SuperCharge ที่ทาง Huawei บอกว่าชาร์จได้ไวกว่า iPhone 8 Plus ถึง 50% และชาร์จได้เร็วกว่าการชาร์จไร้สายถึง 4 เท่า โดยใช้เวลาแค่ 30 นาที ในการชาร์จไฟ 58%

นอกจากนี้ Huawei ยังได้มีการจับมือกับทาง TÜV Rheinland ร่วมกันทดสอบความปลอดภัยของแบตเตอรี่ เพื่อให้มั่นใจว่าแบตเตอรี่จะไม่มีการระเบิดหรือมีปัญหาใดๆ หากว่าเจอกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในอุณหภูมิที่สูงสุดๆ หรือ อุณหภูมิที่ติดลบอันหนาวเหน็บ ก็ตาม

 

7. PC Mode แปลงร่างเป็นคอมพิวเตอร์ด้วยสายเส้นเดียว

เรื่องการเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์นั้นเราเห็นกันมาหลายเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Samsung ที่ต้องเสียบ DeX หรือของ Windows Phone ที่ต้องเสียบ Dock แต่ของ Huawei นั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นด้วยการที่ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ Dock อะไรเลย เพราะเราสามารถเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ด้วยการเสียบสายเพียงอย่างเดียว ฟีเจอร์นี้เรียวกว่า PC Mode

เมื่อเราเสียบ Mate 10 เข้ากับหน้าจอแล้ว มือถือของเราก็จะทำหน้าที่เป็นเม้าส์ หรือว่าเราจะเช่ือมต่อกับคีย์บอร์ดหรือเม้าส์ bluetooth ก็ได้ แถมเวลาที่มีโทรศัพท์หรือข้อความเข้าก็จะไม่ไปแสดงบนหน้าจอแต่อย่างใด

 

8. EMUI 8.0 + Android 8.0

Huawei กระโดดข้ามขั้นเวอร์ชั่นของ EMUI จากเวอร์ชั่น 6.0 มาเป็น 8.0 ใน Mate 10 ซึ่งครั้งนี้มาพร้อมกับ Android 8.0 ตั้งแต่ออกจากกล่อง โดยฟีเจอร์หลักๆ ที่เพิ่มเข้ามาก็จะเน้นในเรื่องของการใช้พื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่นี้ให้เต็มประสิทธิภาพ อย่างเช่นการกดปุ่มเดียวเพื่อเปิดสองหน้าจอ รวมไปถึงฟีเจอร์ Multi-column ที่จะทำให้แอพนั้นแสดงผลเป็นแบบ tablet เป็นต้น

 

9. แค่กระซิบก็ยังได้ยินด้วย Huawei EasyTalk

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ระบบ AI ในชิป Kirin 970 นั้นถูกฝึกให้เรียนรู้ก็คือการฟังเสียงของเจ้าของ และนำข้อมูลเรานั้นมาใช้งานจนได้เป็นฟีเจอร์ EasyTalk ช่วยให้เวลาที่เราคุยโทรศัพท์นั้นจะได้เสียงที่ชัดเจนมากขึ้น โดยตัว AI จะทำการตัดเสียงรอบข้างออก ทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องตะโกนเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีเสียงดัง แถมถ้าเรากระซิบเบาๆ ตัวระบบ AI ก็จะทำการเพิ่มความดังให้เราเองอีกด้วย

 

10. เพิ่มความพรีเมี่ยมกับ Porsche Design

นับว่าเป็นปีที่สองแล้วกับการจับมือกันระหว่าง Huawei กับ Porsche โดยรอบนี้ Mate 10 Porsche Design ก็มีคงความพรีเมี่ยมไว้เช่นเคย โดยดีไซน์ของ Mate 10 Porsche Design นั้นจะเหมือนกับของ Mate 10 Pro แต่ว่าแถบด้านหลังนั้นเปลี่ยนจากคาดเป็นแนวนอนมาเป็นแนวตั้งแทน และมีการใส่โลโก้ Porsche Design ไว้ด้านหลังอีกด้วย

นอกจากนี้ของแถมในกล่อง Mate 10 Porsche Design ก็แถมมาให้เยอะกว่า Mate 10 Pro พอสมควร แต่ก็แน่นอนว่าราคาของ Mate 10 Porsche Design ก็จะกระโดดจาก Mate 10 Pro ไปเยอะพอสมควรเช่นเดียวกันครับ

นี่คือ 10 สิ่งที่น่าสนใจที่เปิดตัวมาพร้อมกับตระกูล Mate 10 ของ Huawei ซึ่งที่จริงแล้วรายละเอียดยิบย่อยจะมีกว่านี้เยอะมาก ถ้าจะเอามาเขียนทั้งหมดก็คงจะยาวเกินไป เอาไว้รออ่านกันตอนรีวิวเต็มๆ กันดีกว่านะครับ 🙂