ผ่านพ้นไปแล้วกับงานเปิดตัวคู่หูดูโอ้ Huawei P10 และ P10 Plus โดยรอบนี้เรียกได้ว่า Huawei ค่อนข้างจะจัดเต็มมาก ไม่ว่าจะเป็น การนำชื่อ Leica มาใส่ไว้ที่ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า รวมไปถึงการจับมือกับทาง Pantone บริษัทที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการเลือกเฉดสีในแต่ละปี ทำให้ได้สีใหม่มาเสริมคอลเลคชั่นถึง 2 สี แถมยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมายที่เปิดตัวมาด้วย วันนี้เราก็เลยทำการจับรวม 10 สิ่งที่น่าสนใจ ของ Huawei P10 และ P10 Plus มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน

1. เฉดสีใหม่ สไตล์ Pantone

เมื่อปีที่แล้ว Huawei P9 นั้นมีสีใหม่เพิ่มขึ้นมา 2 สี ก็คือ สีน้ำเงิน กับ สีแดง ซึ่งหลายๆ คนก็บอกว่าออกมาช้าไป ซื้อสีอื่นไปก่อนแล้ว มารอบนี้ Huawei ก็เลยเปลี่ยนแผน แล้วไปจับมือกับทาง Pantone บริษัทที่เหล่าดีไซน์เนอร์ทุกคนน่าจะคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นผู้นำในเรื่องการเลือกเฉดสีในแต่ละปี โดยปีนี้ทาง Pantone ได้ทำการนำสีเขียว Greenery และ สีน้ำเงิน Dazzling Blue มาใช้กับ P10 และ P10 Plus สำหรับสีเขียว Greenery ที่ทาง Pantone นั้นเลือกมา เป็นเฉดสีเขียวสีแห่งปี 2017 อีกด้วย ซึ่งเป็นสีที่ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ส่วนสีน้ำเงิน Dazzling Blue นั้นเป็นสีที่ดูนุ่มลึกเหมือนกับสีจากน้ำทะเลลึกยังไงยังงั้นเลย

ส่วนสีทั้งหมดที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Huawei P10 และ P10 Plus มีดังนี้

  • Greenery – สีเขียว
  • Dazzling Blue – สีน้ำเงิน
  • Dazzling Gold – สีทอง (สะท้อนแสง)
  • Graphite Black – สีดำ
  • Mystic Silver – สีเงิน
  • Prestige Gold – สีทอง
  • Rose Gold – สีชมพู
  • Ceramic White – สีขาว

 

2. พื้นผิวลวดลายใหม่แบบ Diamond Cut

ไม่ใช่แค่สีเท่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงใน P10 และ P10 Plus ทางด้านวัสดุที่ใช้ก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน โดยตัวเครื่องนั้นถึงแม้ว่าจะยังคงเป็นโลหะเหมือนเดิม แต่มีการมีเปลี่ยนพื้นผิวให้ดูมีความหรูหรามากขึ้น ซึ่งทาง Huawei เรียกลวดลายใหม่นี้ว่า Diamond Cut ที่ถ้าหากว่าลองซูมเข้าไปที่พื้นผิวของตัวเครื่อง จะเห็นว่าผิวหน้านั้นเป็นการตัดแบบทรงปิรามิดหลายๆ จุดมาเรียงตัวกัน ทำให้เมื่อกระทบกับแสงจะมีการเหลือบของสี แต่ว่าจะมีเฉพาะบางสีเท่านั้นที่จะได้ใช้ลวดลายนี้

อีกวัสดุหนึ่งที่มีการเปิดตัวมาในครั้งนี้ด้วยก็คือ เซรามิค ที่ใช้เฉพาะกับสีขาวเท่านั้น ซึ่งทาง Huawei เรียกว่า High Gloss ที่ตัวเครื่องจะมีความมันวาว  ส่วนพื้นผิวอีกแบบหนึ่งก็คือ Sandblast หรือ พื้นผิวแบบทรายละเอียด ที่ดูแล้วจะออกด้านๆ โดยตัวเครื่องนั้นมีความหนาอยู่ที่ 6.98 มิลลิเมตร เท่านั้น

 

3. กล้องหลังคู่ Dual Camera 2.0

ยังคงเป็นจุดขายของ Huawei อยู่เหมือนเดิมกับ กล้องหลังคู่พร้อมเลนส์ที่ได้รับการรับรองจาก Leica ซึ่งรอบนี้ Huawei ได้มีการเพิ่มความละเอียดเป็น 20 ล้านพิกเซล (mono) + 12 ล้านพิกเซล (RGB) และยังได้รับการอัพเกรดเป็น Leica Dual Camera 2.0 Pro Edition (เฉพาะรุ่น P10 Plus) อีกด้วย โดยจะมาพร้อมกับระบบ OIS กันสั่น, Hybrid Zoom 2 เท่า และ 4-in-1 hybrid auto-focus ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นนิ่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการซูม และโฟกัสได้ไวมากขึ้น

ในรอบนี้ Huawei P10 และ P10 Plus จะไม่ได้ใช้เลนส์ชนิดเดียวกันแล้ว เพราะ P10 Plus มาพร้อมกับเลนส์อีกรุ่นของ Leica ที่มีชื่อว่า SUMMILUX โดยมีค่า F อยู่ที่ F1.8 ซึ่งจะช่วยในเรื่องของถ่ายภาพแบบ Bokeh ได้ดีขึ้น รวมไปถึงการถ่ายภาพตอนกลางคืนก็ดีขึ้นอีกด้วย ส่วนของ P10 ยังคงใช้เป็นรุ่น SUMMARIT แบบเดียวกับตอน Mate 9 และ P9 โดยค่า F นั้นอยู่ที่ F2.2 เท่าเดิม

นอกจากนี้ P10 และ P10 Plus ก็ยังมีโหมดการถ่ายภาพใหม่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือ โหมด portrait ที่ใช้เทคโนโลยี Leica Style Portraiture ซึ่งเป็นโหมดที่จะช่วยให้การถ่าย portrait นั้นมีมิติมากขึ้น แถมยังมีการใส่เทคโนโลยีตรวจจับหน้าแบบ 3 มิติ เพื่อให้ได้รายละเอียดของหน้ามากขึ้นอีกด้วย

 

4. ครั้งแรกกับ Leica ในกล้องหน้า

หลังจากที่ใส่ชื่อ Leica ไว้ที่กล้องหลังแล้วประสบความสำเร็จแบบเกินคาด รอบนี้ Huawei ก็เลยนำชื่อ Leica มาใส่ไว้ที่กล้องหน้าด้วยเลย ทำให้ P10 และ P10 Plus นั้นเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกของโลกที่มาพร้อมกับกล้องหน้าพร้อมเลนส์ที่ผ่านการรับรองจาก Leica โดยกล้องหน้าของทั้งคู่นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล และมีค่า F อยู่ที่ F1.9 ช่วยให้การถ่ายภาพในที่มืดได้ดีขึ้น เพราะสามารถรับแสงได้มากขึ้นถึง 2 เท่า 

ส่วนกล้องหน้าก็มีลูกเล่นเพิ่มเติมเข้ามา นั่นก็คือ โหมด Adaptive Selfie ที่จะทำการปรับขนาดของเฟรมให้อัตโนมัติเมื่อมีคนเข้ามาถ่ายเซลฟี่มากขึ้น ทำให้ไม่มีใครหลุดจากเฟรมเลยแม้แต่คนเดียว เหมาะกับการถ่ายภาพ groupfie แบบสุดๆ

 

5. ฟีเจอร์ใหม่กับ EMUI 5.1 และ Kirin 960

ชิปที่ใช้ภายใน Huawei P10 และ P10 Plus คือ Kirin 960 ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Mate 9 และ Mate 9 Pro ซึ่งทาง Huawei ก็เน้นย้ำในเรื่องของการใช้งานว่า ความเร็วจะไม่ลดลงเมื่อใช้งานไปนานๆ ด้วยการนำเทคโนโลยี Machine Learning เข้ามาใช้ดูพฤติกรรมการใช้งานแอพของเรา ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานนั้นยังคงเร็วเหมือนใหม่ตลอดเวลา

ซอฟต์แวร์ของ Huawei นั้นมีชื่อว่า Emotion UI ซึ่งตอนที่เปิดตัว Mate 9 และ Mate 9 Pro ก็มาพร้อมกับ EMUI 5.0 แต่ว่า P10 และ P10 Plus นั้นเปิดตัวมาพร้อมกับ EMUI เวอร์ชั่นใหม่ โดยตอนนี้ก็เป็น EMUI 5.1 ซึ่งเป็นการอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่เล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมเข้ามาจากเดิม อย่างเช่น ฟีเจอร์ Highlights ที่เป็นการนำซอฟต์แวร์จาก GoPro มาใช้ โดยเป็นการแสดงภาพไฮไลท์ต่างๆ จากในอัลบั้ม แล้วนำมาเป็นวิดีโอ รวมไปถึง gestures ใหม่ๆ อย่าง การลากข้อนิ้วเพื่อเปิดสองหน้าต่าง เป็นต้น

 

6. ฟีเจอร์ใหม่ในปุ่มสแกนลายนิ้วมือ

รอบนี้ Huawei นำตัวสแกนลายนิ้วมือมาไว้ด้านหน้าแบบถาวรแล้ว โดยตัวสแกนลายนิ้วมือในครั้งนี้จะเป็นแบบสัมผัส ไม่ใช่แบบกด ซึ่งตัวสแกนลานิ้วมือจะถูกป้องกันด้วยกระจกอีกทีหนึ่ง ซึ่งการย้ายตำแหน่งของตัวสแกนลายนิ้วมือในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนหน้าตาของมือถือเพียงอย่างเดียว เพราะยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานใหม่อีกด้วย

ตัวสแกนลายนิ้วมือของ P10 และ P10 Plus ได้ทำการรวมปุ่ม navigation ไว้ในปุ่มเดียว โดยเราสามารถที่จะแตะเพื่อทำหน้าที่เป็นปุ่ม back หรือ กดค้างเพื่อเรียกใช้งานปุ่ม home ส่วนการลากผ่านปุ่ม จะเป็นการเรียกใช้งาน recent apps แต่ว่าปุ่ม on-screen ก็ยังคงสามารถเปิดใช้งานได้อยู่ ก็หมายความว่าเราอาจจะมีสิทธิ์ที่จะเลือกเปิด-ปิดฟีเจอร์นี้ได้

 

7. สมาร์ทโฟนตัวแรกที่รองรับสัญญาณ 4.5G LTE

หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่า นอกจากที่ Huawei จะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแล้ว Huawei ยังเป็นแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายรายใหญ่ในตลาดอีกด้วย ทำให้ P10 Plus ได้รับอานิสงส์นี้ไปด้วย เพราะว่าสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับการใช้งาน 4.5G LTE แถมยังมาพร้อมกับเสาสัญญาณภายในตัวถึง 4 เสา ส่วนของ P10 ยังคงเป็น 2 เสาอยู่เหมือนเดิม

การเพิ่มสัญญาณมาเป็น 4 เสา บวกกับเทคโนโลยี 4.5G ทำให้ P10 Plus มีความเร็วในการดาวน์โหลดเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่า และสามารถรับสัญญาณได้ดีขึ้นถึง 60% อีกอย่างหนึ่งก็คือ ทั้ง P10 และ P10 Plus นั้นรองรับการใช้งานกับคลื่นโทรศัพท์จากทั่วโลกอีกด้วย เรียกได้ว่าพกไปไหนก็ไม่ต้องกังวลแล้วครับ

ส่วนใครที่สงสัยว่า MIMO นั้นคืออะไร สามารถหาคำตอบได้ที่ “4G เน็ตเร็ว-ช้าขึ้นกับอะไร? และเทคโนโลยีของแต่ละเครือข่ายไปถึงไหนกันแล้ว” ได้เลยครับ

 

8. แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และชาร์จไวขึ้น

P10 และ P10 Plus มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับตอน P9 และ P9 Plus โดยแบตเตอรี่ของ P10 นั้นมีความจุอยู่ที่ 3,200 mAh ส่วนของ P10 Plus นั้นมีความจุอยู่ที่ 3,750 mAh ซึ่งทาง Huawei อวดว่าสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ไม่ถึงวันอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าสามารถใช้งานได้เต็มวันอย่างแน่นอน

ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ว่า Huawei ก็มียังมีการเปิดตัวการชาร์จแบบใหม่ที่เรียกว่า SuperCharge ที่ทาง Huawei อวดว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึงหนึ่งวันกับการชาร์จเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น โดยมีระบบการป้องกันถึง 5 ขั้นตอน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการไฟฟ้าลัดวงจร จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะระเบิดหรือไม่

 

9. นำทางได้แม่นยำด้วย Huawei Geo Technology

เวลาที่เราใช้สมาร์ทโฟนในการนำทางก็อาจจะเจอกับปัญหาที่มีตำแหน่งเคลื่อนไปบ้างเวลาผ่านในที่ที่อับสัญญาณ แต่ว่าใน P10 และ P10 Plus นั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีการนำทางตัวใหม่ที่มีชื่อว่า Huawei Geo Technology ซึ่งช่วยให้การนำทางนั้นแม่นยำมากขึ้น เพราะมีการนำข้อมูลออฟไลน์มาใช้งานด้วย ทำให้ลดปัญหาการคลาดเคลื่อนของตำแหน่งได้สูงถึง 50% เลยทีเดียว

ตัวอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ ก็คือเวลาขับรถอยู่ใต้ทางด่วนหรือขับลอดอุโมงค์ ตัว GPS นั้นจะมองว่าเราขับอยู่บนทางด่วนหรือขับอยู่บนถนนด้านบน แต่ว่าด้วยเทคโนโลยี Geo Technology จะช่วยลดความคลาดเคลื่อนนี้ลงไปได้นั่นเองครับ

 

10. ราคา

มาถึงสิ่งสุดท้ายที่น่าสนใจของ P10 และ P10 Plus กันแล้ว นั่นก็คือเรื่องของ ราคา ซึ่งภายในงานเปิดตัวที่ผ่านมาก็มีการเปิดราคามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยราคาของ P10 และ P10 Plus มีดังนี้

  • P10 (4GB+64GB) –  649 ยูโร (23,900 บาท)
  • P10 Plus (4GB + 64GB) – 699 ยูโร (25,700 บาท)
  • P10 Plus (6GB + 128GB) – 799 ยูโร (29,400 บาท)

อย่างไรก็ตามราคาด้านบนนี้เป็นราคาของทางฝั่งยุโรปที่มีราคาสูงกว่าบ้านเราอยู่แล้ว แต่จากราคาก็เรียกได้ว่าเป็นไปตามข่าวที่เคยหลุดออกมาก่อนหน้านี้ว่า P10 และ P10 Plus จะเปิดตัวมาในราคาที่แพงกว่าตอน P9 แต่ก็ยังมีข่าวดีปนข่าวร้ายนี้อยู่เหมือนกัน เพราะว่าประเทศไทยนั้นอยู่ในรายชื่อประเทศแรกๆ ที่จะวางจำหน่าย P10 และ P10 Plus ครับ แต่จะเป็นวันไหนก็คงต้องรอดูกัน

และนี่คือ 10 สิ่งน่าสนใจ ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Huawei P10 และ P10 Plus ซึ่งจริงๆ แล้วจะมีรายละเอียดหยิบย่อยกว่านี้อีกเยอะมาก แต่อันนั้นเอาไว้รออ่านตอนรีวิวแบบเต็มๆ ดีกว่าครับ