เดินทางเข้าปี 2025 แล้ว เทรนด์ในการใช้หูฟังไร้สายแบบ True Wireless ก็ยังคึกคักไม่เปลี่ยน โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่ผู้ผลิตหูฟังแต่ละแบรนด์ต่างเข็นหูฟังที่มีสเปคโดดเด่นทั้ง คุณภาพเสียง งานดีไซน์ ไปจนถึงฟีเจอร์เสริมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น ระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation หรือ ANC) และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ออกมาให้พวกเราได้เลือกใช้กันเยอะมากๆ

วันนี้ DroidSans เลยขอคัดหูฟังไร้สายที่คุ้มค่าทั้งในเรื่องของสเปค และราคา ไปจนถึงจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละรุ่น ให้เพื่อนๆ ที่กำลังหาซื้อหูฟังไร้สายคู่ใจมาใช้สักอันได้ดูกัน โดยในบทความนี้จะมีทั้งหูฟังในรูปแบบของ In-ear และ Ear-bud จะมีหูฟังรุ่นไหนบ้างไปดูกันเลย!
หูฟัง In-ear กับ Earbud ต่างกันยังไง?
- หูฟัง In-ear หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า “หูฟังจุกยาง” หูฟังแบบนี้จะมีจุกซิลิโคนที่สอดเข้าไปในรูหู เพื่อช่วยในการตัดเสียงรบกวนจากภายนอก เหมาะกับการฟังในที่ที่มีเสียงดัง เช่น บนรถโดยสาร หรือขณะออกกำลังกาย แต่บางคนอาจรู้สึกอึดอัดได้ถ้าใส่ไปนานๆ
- หูฟัง Earbud หูฟังแบบนี้เมื่อใส่แล้ว จะไม่ได้สอดเข้าไปลึกเหมือนกับหูฟังแบบ In-ear ทำให้ใส่สบายและระบายอากาศได้ดี เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความรู้สึกแน่นในหู แต่อาจจะโดนเสียงรบกวนจากภายนอกได้ง่ายกว่า
Samsung Galaxy Buds3 Pro
- ไดรเวอร์: ไดร์เวอร์ 2 ตัว ขนาด 10.5 มม. + 6.1 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.4
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: 18.1 x 19.8 x 33.2 มม.
- กล่องชาร์จ: 48.7 x 58.9 x 24.4 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 5.4 กรัม
- เคสชาร์จ: 46.5 กรัม
- การกันน้ำ: IP57
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 7 ชม. (รวมเคสชาร์จ 30 ชม.)
- Codec : AAC, SBC, SSC(Samsung Seamless Codec) HiFi, SSC UHQ (Samsung Proprietary) 24bit Hi-Fi 360 Audio with Direct Multi-Channel
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 7,490 บาท
- พิกัด: Link
- รีวิว: Link

เริ่มกันที่รุ่นแรกกับ Samsung Galaxy Buds3 Pro หูฟัง True Wireless ดีไซน์พรีเมียม ที่ให้คุณภาพเสียงสมราคา ช่วยยกระดับการฟังเพลงไปอีกระดับ พร้อมจัดเต็มฟีเจอร์มาให้เลือกใช้ สมกับการเป็นหูฟังตัวท็อปจากทางฝั่งของ Samsung ด้วยดีไซน์แบบก้านอันเป็นเอกลักษณ์ มีไฟ Blade Light ใส่ออกกำลังกายตอนกลางคืนก็เท่ ใส่โชว์คนอื่นก็เก๋
Galaxy Buds3 Pro เป็นหูฟังแบบอินเอียร์ที่มีไดร์เวอร์แบบ Dual Driver รวมไปถึงรองรับระบบเสียง Ultimate HIFI (24bit/96kHz) ช่วยให้ขับเสียงออกมาได้กว้างและลงรายละเอียดเสียงแต่ละย่านได้ดี พร้อมรองรับเสียงรอบทิศทาง 360 องศา และระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่มีให้เลือกมากถึง 5 ระดับ Adaptive ANC ซึ่งเมื่อเราเปิดใช้งานแล้ว ตัวหูฟังจะคอยรับเสียงโดยรอบว่ามีเสียงอะไรบ้าง แล้วทำการสลับโหมดการตัดเสียงรบกวนให้อัตโนมัติ ไปจนถึงฟีเจอร์ Sound Optimization by Wearing ที่จะมี AI คอยปรับเสียงให้เหมาะกับสภาพรูปทรงใบหู และพฤติกรรมการสวมใส่ของแต่ละคน
เรียกได้ว่าเป็นหูฟัง True Wireless ที่สามารถให้ Balance หรือความสมดุลในทุกๆ ย่านเสียงได้ครบที่สุดในช่วงราคานี้ เหมาะมากสำหรับใครที่ชอบดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเทนต์วิดีโอที่ต้องเน้นคุณภาพเสียงแจ่มๆ และสามารถปรับรายละเอียดเสียงแยกตามแอปพลิเคชันต่างๆ รองรับการใช้งาน AI แปลภาษาเรียลไทม์ ไมโครโฟน 3 ตัว ช่วยให้คู่สนทนาได้ยินเราชัดขึ้น
ทั้งหมดนี้สามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearble ของทาง Samsung ได้ หรือใครที่ใช้งานสมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่นๆ ก็สามารถโหลดมาใช้งานผ่าน Play Store ได้เหมือนกัน
Sony WF-1000XM5
- ไดรเวอร์: ไดนามิก 8.4 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: (ไม่ระบุ)
- กล่องชาร์จ: 64.6 x 40.0 x 26.5 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 5.9 กรัม
- เคสชาร์จ: 39 กรัม
- การกันน้ำ: IPX4
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 8 ชม. (รวมเคสชาร์จ 24 ชม.)
- Codec : BC, AAC, LDAC, LC3
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 7,290 บาท
- พิกัด: Link
- รีวิว: Link

ขยับมาดูที่รุ่นต่อไปกับหูฟังจากทาง Sony ที่อัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าพอสมควรกับ Sony WF-1000XM5 หูฟังตัวจบพร้อมเจอทุกสถานการณ์ ด้วยไดรเวอร์ไดนามิกที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ช่วยให้คุณภาพและรายละเอียดในทุกย่านเสียงมีความชัดเจนสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้นยังรองรับเสียงความละเอียดสูงไร้สายแบบ LDAC ด้วย
และเซนเซอร์ Bone Conduction ตรวจจับการสั่นของเสียงพูด และไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวน 6 ตัว ทำให้เสียงการสนทนาชัดเจนเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนก็ตาม เสริมด้วยจุดเด่นอย่างระบบตัดเสียงรบกวน ANC กับโปรเซสเซอร์ป้องกันเสียงรบกวนความละเอียดสูงซึ่งเป็นของ Sony โดยเฉพาะ
HUAWEI FreeClip
- ไดรเวอร์: ไดรเวอร์ความไวสูงแบบแม่เหล็กคู่ขนาด 10.8 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว + ไมโครโฟน โบน คอนดักส์ชั่น 1 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: 22 × 15.65 × 10.34 มม.
- กล่องชาร์จ: 59.7 มม. × 51.95 มม. × 27.35 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 5.6 กรัม
- เคสชาร์จ: 45.8 กรัม
- การกันน้ำ: IP54
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 8 ชม. (รวมเคสชาร์จ 36 ชม.)
- Codec : SBC, AAC, L2HC, LC3
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 5,990 บาท
- พิกัด: Link

สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายที่มีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมกับความรู้สึกในการสวมใส่ที่เบาสบาย หูฟังจากทาง HUAWEI อย่าง HUAWEI FreeClip เป็นหนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุด เปิดประสบการณ์การใช้งานหูฟังแบบ Open-ear ขั้นสุด ด้วยดีไซน์ทรง Clip On สวมใส่สบายและมีน้ำหนักเบาเพียง 5.6 กรัม พร้อมกับการออกแบบสไตล์ C-bridge ช่วยให้ติดแน่นกับใบหูของเราได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้จะเป็นหูฟัง Clip On แต่ก็สามารถมอบคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมได้ดีผ่านไดรเวอร์คู่ 10.8 มม. และฟีเจอร์AI Crystal-Clear Call ช่วยรับเสียงสนทนา + ตัดเสียงรบกวนด้วยอัลกอริทึม multi-channel DNN ในการโทรสนทนาได้เป็นอย่างดี และรองรับการสั่งงานแบบแฮนด์ฟรี เช่น การพยักหน้าเพื่อรับสาย หรือการส่ายหัวเพื่อปฏิเสธสาย
Samsung Galaxy Buds3
- ไดรเวอร์: ขนาด 11 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.4
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: 18.1 x 20.4 x 31.9 มม.
- กล่องชาร์จ: 48.7 x 58.9 x 24.4 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 4.7 กรัม
- เคสชาร์จ: 46.5 กรัม
- การกันน้ำ: IP57
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 6 ชม. (รวมเคสชาร์จ 30 ชม.)
- Codec : AAC, SBC, SSC (Samsung Seamless Codec) HiFi , SSC UHQ (Samsung Proprietary) 24bit Hi-Fi 360 Audio with Direct Multi-Channel
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 5,490 บาท
- พิกัด : Link
- รีวิว: Link

หูฟังไร้สายอีกหนึ่งรุ่นจาก Samsung ที่นับเป็นอีกหนึ่งที่สุดของหูฟังทรงเอียร์บัด (Earbud) ในปี 2025 กับ Galaxy Buds3 ด้วยดีไซน์พรีเมียมอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมน้ำหนักที่เบาและสมดุล ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเพิ่ม-ลดเสียง กดรับสาย และข้ามเพลงด้วยก้านหูฟังทรงเหลี่ยมอันโดดเด่น ก็ทำได้ง่ายๆ
และถึงแม้จะเป็นหูฟังเอียร์บัด แต่คุณภาพเสียงจากการใช้งานฟังเพลงหรือเอนเตอร์เทนเมนต์ ก็สามารถให้มิติกับรายละเอียดเสียงที่ครบถ้วนได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบตามสรีรศาสตร์ เพื่อความสบายในการฟัง ไม่อึดอัดหรือเจ็บหูเวลาสวมใส่ แถมคุณภาพเสียง Samsung Seamless Codec ก็รองรับการฟังเพลงแบบจัดเต็มในระดับ 24bit / 96kHz
ฟีเจอร์เสริมอย่าง Galaxy AI หรือตัวช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ก็ถูกนำมาใส่ใน Galaxy Buds3 เช่นกัน พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยคำสั่งเสียง (Voice Command) การตัดเสียงรบกวนแบบควบคุมได้ (Adaptive ANC) และการปรับค่าเสียงเฉพาะแบบ สามารถตั้งแยกได้ตามแอปพลิเคชันที่เราใช้งานทั้งการฟังเพลงหรือดูหนังเลย เช่น Netflix, YouTube และ Spotify
Nothing Ear (2)
- ไดรเวอร์: ไดนามิก 11.6 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: 21.5 x 23.5 x 29.4 มม.
- กล่องชาร์จ: 55.5 x 22 x 55.5 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 4.5 กรัม
- เคสชาร์จ: 51.9 กรัม
- การกันน้ำ: IP54
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 6.3 ชม. (รวมเคสชาร์จ 36 ชม.)
- Codec : AAC, SBC, LHDC
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 5,490 บาท
- พิกัด: Link
- รีวิว: Link

หูฟังอีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมกับดีไซน์โปร่งใสอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Nothing Ear (2) มีจุดเด่นอย่างน้ำหนักที่เบาสวมใส่สบาย มีระบบตรวจจับเมื่อใส่หรือถอดหูฟัง พร้อมการควบคุมหูฟังด้วยระบบ Pressure Sensitive หรือการบีบตัวก้าน ที่สามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าผ่านทางแอปพลิเคชัน Nothing X
Nothing Ear (2) มาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 11.6 มม. ซึ่งทำจากวัสดุแกรฟีนและโพลียูรีเทน ที่ช่วยให้เก็บรายละเอียดเสียงได้ดีขึ้น พร้อมกับรองรับ LHDC 5.0 Codec และไฟล์เสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio 24 bits โดยสามารถตัดเสียงรบกวนได้ทั้งหมด 4 ระดับตามความต้องการ ซึ่งรวมไปถึงระบบตัดเสียงแบบ Adaptive Noise Cancellation ด้วย
JBL Tune Beam
- ไดรเวอร์: ขนาด 6 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 2 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: (ไม่ระบุ)
- กล่องชาร์จ: (ไม่ระบุ)
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 5.0 กรัม
- เคสชาร์จ: 50.3 กรัม
- การกันน้ำ: IP54
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 12 ชม. (รวมเคสชาร์จ 48 ชม.)
- Codec : SBC, AAC
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 3,432 บาท
- พิกัด: Link

หูฟัง JBL Tune Beam เป็นอีกหนึ่งหูฟัง True Wireless ในราคากลางๆ ที่โดดเด่นในเรื่องของเสียงเบส และรายละเอียดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ JBL ด้วยไดรเวอร์ขนาด 6 มม. ตัวหูฟังออกแบบเป็นทรงอินเอียร์ที่ใส่กระชับ รองรับระบบ ANC พร้อม Smart Ambient สำหรับการเปิดรับเสียงรอบข้างเมื่อต้องการ
รวมไปถึงฟีเจอร์ TalkThru ที่ทำให้เราสามารถพูดคุยกับคนข้างๆ ได้แบบไม่ต้องถอดหูฟัง พร้อมกันน้ำกันฝุ่น IP54 ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะใช้งานทั้งการดูหนัง ฟังเพลง ใส่ออกกำลังกายหรือคุยโทรศัพท์
OPPO Enco Air4 Pro
- ไดรเวอร์: ไดนามิก 12.4 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.4
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: 29.9 x 20.3 x 23.87มม.
- กล่องชาร์จ: 66.60 x 51.24 x 24.87 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 4.4 กรัม
- เคสชาร์จ: 42.6 กรัม
- การกันน้ำ: IP55
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 12 ชม. (รวมเคสชาร์จ 44 ชม.)
- Codec : LHDC 5.0/AAC/SBC
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 2,999 บาท
- พิกัด: Link

หูฟังรุ่นใหม่จาก OPPO ที่เปิดตัวในปี 2024 เช่นกัน OPPO Enco Air4 Pro ถือเป็นหูฟัง True Wireless ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีอีกรุ่นหนึ่งในช่วงราคาระดับกลาง ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 12.4 มม. ให้เสียงที่เคลียร์ใสพร้อมกับเบสกำลังดีตามสไตล์ของ OPPO พร้อมรองรับเทคโนโลยี LHDC 5.0 และระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่แม่นยำ โดยเฉพาะการตัดเสียงรบกวนความถี่ต่ำ
จุดเด่นอยู่ที่ไมโครโฟน 3 ตัว ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนและเพิ่มความชัดเจนของเสียงในการโทรได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นฟีเจอร์ที่โดดเด่นอีกอย่างไม่แพ้กันก็คือระบบชาร์จเร็ว ที่ชาร์จเพียงแค่ 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชม.
SoundPEATS Air5
- ไดรเวอร์: ไดนามิก 13 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว + AI call noise reduction & Qualcomm CVC V8.0
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.4
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: 34.60 x 17.20 x 17.90 มม.
- กล่องชาร์จ: 56 x 51 x 26 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 3.8 กรัม
- เคสชาร์จ: 44.56 กรัม
- การกันน้ำ: IPX5
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 6 ชม. (รวมเคสชาร์จ 30 ชม.)
- Codec : AAC,SBC, aptX Adaptive Lossless
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 2,590 บาท
- พิกัด: Link

หูฟัง True Wireless จาก Air Series อย่าง SoundPEATS Air5 ที่เน้นจุดเด่นเรื่องของความสบายกับราคาเข้าถึงง่าย ด้วยไดรเวอร์ขนาด 13 มม. รองรับ Snapdragon Sound และเทคโนโลยี aptX Adaptive Lossless Audio ซึ่งทำให้สามารถฟังเพลงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res ได้ดี พร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน AI Adaptive Noise reduction ที่ตัดเสียงรบกวนตามขนาดช่องหูของผู้ใส่
พร้อมกันนั้นตัวหูฟังก็มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบาเพียง 3.8 กรัม ให้การสวมใส่ที่เบาสบาย ไม่รู้สึกอึดอัดถึงแม้จะใส่ไปเป็นเวลานาน รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.4 และการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ จะเอาไปใส่ออกกำลังกายก็เหมาะเพราะกันเหงื่อ IPX5
realme Buds T310
- ไดรเวอร์: เบสไดนามิก 12.4 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3
- การกันน้ำ: IP55
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 9 ชม. (รวมเคสชาร์จ 40 ชม.)
- Codec : SBC, AAC
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 1,190 บาท
- พิกัด: Link

หูฟังอีกหนึ่งรุ่นที่เน้นความคุ้มค่าโดยเฉพาะก็ต้อง realme Buds T310 หูฟังอินเอียร์ทรงก้านที่ให้ฟีเจอร์ครบครันในราคาย่อมเยา ถึงแม้ราคาจะไม่สูงแต่ก็สามารถให้คุณภาพเสียงที่ดีด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ ให้เสียงเบสที่หนักแน่นและเสียงร้องที่ชัดเจน มีคุณสมบัติลดเสียงรบกวนแบบปรับเองได้ 3 ระดับ และฟีเจอร์ AI Deep Call Noise Cancellation จับคู่กับไมโครโฟน 3 ตัวต่อข้าง ทำให้การโทรชัดเจนถึงอยู่ในที่ที่มีลมหรือเสียงรบกวน
สามารถปรับแต่ง EQ และการควบคุมด้วยการสัมผัสได้ง่ายๆ ผ่านแอป realme Link ตัวหูฟังกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP55 เหมาะสำหรับออกกำลังกายหรือใช้งานในวันที่ฝนตก และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 40 ชั่วโมงเมื่อรวมเคสชาร์จ นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่ต้องการหูฟังคุณภาพดี ฟีเจอร์ครบ ในงบประมาณที่จำกัด
Soundcore R50i NC
- ไดรเวอร์: ไดนามิก 10 มม.
- ไมโครโฟน: ข้างละ 2 ตัว
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.3
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- หูฟัง: 26.7 x 21.9 x 24.1 มม.
- กล่องชาร์จ: 63.8 x 49.6 x 26.1 มม.
- น้ำหนัก
- หูฟัง: 5.0 กรัม
- เคสชาร์จ: 46.7 กรัม
- การกันน้ำ: IPX5
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 10 ชม. (รวมเคสชาร์จ 45 ชม.)
- Codec : SBC, AAC
- Active Noise-Cancellation (ANC) : มี
- ราคา : 799 บาท
- พิกัด: Link

เดินทางมาจนถึงรุ่นสุดท้ายแล้ว กับหูฟังราคาประหยัดในงบหลักร้อยอย่าง Soundcore R50i แม้จะราคาเบาสบายกระเป๋า แต่ก็ให้คุณภาพเสียงเกินตัวด้วยไดรเวอร์ขนาด 10 มม. ให้เสียงเบสหนักแน่นกำลังดี ฟีเจอร์พื้นฐานครบ ทั้งฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ระบบไมค์คู่ตัดเสียงรบกวน ทำงานร่วมกับ AI-Enhanced Calls ช่วยให้การโทรทีเสียงที่ชัดเจน ลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี เหมาะสำหรับการประชุมออนไลน์หรือคุยโทรศัพท์
แถมดีไซน์แบบ In-ear ยังช่วยให้สวมใส่กระชับหู เบาสบายพร้อมดีไซน์มินิมอล เหมาะกับคนที่มองหาหูฟัง TWS ราคาน่ารักไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน
และนี่คือทั้งหมดของ 10 หูฟังไร้สาย True Wireless น่าใช้ เสียงดี มีระบบตัดเสียงรบกวน อัปเดตปี 2025 ที่พวกเรา DroidSans เลือกมาแนะนำให้เพื่อนๆ กัน โดยที่แต่ละรุ่นนั้นจะมีจุดเด่นและเอกลักษณ์ทางด้านดีไซน์หรือคาแรคเตอร์เสียงที่แตกต่างกันออกไป แต่รับรองว่าทุกรุ่นสวมใส่สบาย เสียงดี และคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน!
อยากให้มีตัวทอป earbud เหมือนกันเนาะ