หนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ในการใช้คอมพิวเตอร์ของเรานอกจากหน้าจอดี ๆ เกมมิ่งเกียร์ที่ถูกใจแล้ว ก็ต้องลำโพงที่ให้เสียงเพราะ ๆ นี้หล่ะ แต่หลายคนอาจจะเลือกไม่ถูกว่ารุ่นไหนดี วันนี้ทีมงานคัดมาให้แล้ว 10 รุ่น คิดว่าน่าจะถูกใจเพื่อน ๆ สายฟังเพลง หรือสายจัดโต๊ะคอมกันอย่างแน่นอน
วิธีเลือกซื้อลำโพง
1. ระบบเสียง และจำนวนลำโพง
หัวข้อนี้หมายถึงจำนวนลำโพงที่เราต้องการใช้งาน ตามปกติแล้วที่เราใช้งานทั่วไปจะเป็นแบบ สเตอริโอ ซ้าย-ขวา เรียกง่าย ๆ ว่า 2.0 หรือลำโพงสองตัว แต่จะมีบางรุ่นที่ให้มาแบบ 2.1 หรือมีลำโพงทั้งหมด 3 ตัว ประกอบไปด้วยลำโพงหน้า ซ้าย-ขวา และซับวูฟเฟอร์เพิ่มอีกหนึ่งตัว
โดยซับวูฟเฟอร์ที่เพิ่มมานี้มีไว้เพื่อเติมเต็มเสียงเบสที่หายไป เพราะลำโพงคอม 2.0 ส่วนมากมักให้เสียงเบสที่ไม่หนักหน่วงเท่าไหร่นัก ดังนั้นสำหรับใครที่ชื่นชอบเสียงเบสแบบกระหึ่มสะใจ ก็แนะนำว่าควรเลือกชุดลำโพงรุ่นที่มีซับวูฟเฟอร์มาให้ด้วยจะดีที่สุด
นอจากนี้ยังมีระบบเสียงรูปแบบอื่น ๆ อย่าง 5.1 และ 7.1 ที่ถูกออกแบบมาให้่เน้นเป็นระบบเสียงรอบทิศทาง เพื่อเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกม และดูหนังแบบในโรงภาพยนต์ด้วย
2. กำลังขับ
หมายถึงระดับความดังสูงสุดที่ลำโพงตัวนั้นทำได้ หน่วยเป็น Watt แบบ RMS ตามปกติแล้วระดับเสียงลำโพงที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับคอมพิวเตอร์มีความดังที่เพียงพอสำหรับการใช้หน้าคอมคนเดียวอยู่แล้ว
แต่ในกรณีที่นำไปใช้ในห้องที่ใหญ่ เช่นห้องนั่งเล่น หรือนำไปใช้กับทีวี ถ้าลำโพงมีพลังไม่มากพอเสียงที่ออกมาก็จะเบาจนเกินไป อาจจะทำให้เ้ราต้องเปิดระดับเสียงที่มากขึ้นจนเกินขีดจำกัดของลำโพง และเกิดอาการเสียงพร่า เสียงแตกได้
หรือบางคนนำไปใช้ในห้องที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เช่นหอพัก หรือคอนโด ที่เปิดลำโพงเสียงดังมากไม่ได้ การเลือกลำโพงที่มีกำลังขับสูง ๆ ก็อาจจะให้เสียงที่ดัง กระหึ่มจนเกินไป รบกวนเพื่อนข้างห้องได้ แม้ว่าเราจะลดระดับเสียงลงต่ำสุดแล้วก็ตาม
3. การตอบสนองความถี่
ลำโพงแต่ละตัวถูกออกแบบมาให้มีสเปคของดอกลำโพงที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบสไตล์เสียงแบบไหน ยิ่งตัวเลขมากยิ่งตอบสนองความถี่ได้กว้าง ส่งผลต่อเสียงที่เราได้ยินด้วยว่าจะออกมาในสไตล์ไหน
โดยยิ่งถ้าลำโพงชุดนั้นตอบสนองความถี่ได้น้อยเพียงใดก็จะสามารถให้เสียงเบสได้ลงลึกมากกว่า ส่วนยิ่งความถี่ที่ทำได้สูงเท่าไหร่ยิ่งงให้เสียงแหลมที่ทอดตัวไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น
แต่สุดท้ายแล้วก็เพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น เพราะการหาลำโพงที่เสียงดีถูกใจสุดท้ายยังไงก็ต้องฟังเองถึงจะดีที่สุด
4. การเชื่อมต่อ
ลำโพงหลายรุ่นในปี 2024 นอกจากรองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย AUX 3.5 หรือ RCA ขาว-แดงแล้ว ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth ด้วย ถ้าใครจะนำไปใช้กับอุปกรณ์ เช่น โทรศัพท์มือถือ ก็แนะนำให้เลือกลำโพงรองรับ Bluetooth ด้วยจะดีมาก
ส่วนถ้าใครนำไปใช้กับเครื่องเล่นเกม เช่น PlayStation 5 หรือนำไปใช้กับทีวี ก็แนะนำให้มีช่อง Optical หรือ HDMI ARC เอาไว้ด้วยเพื่อการให้สามารถใช้งานรูปแบบโฮมเธียเตอร์สะดวกมากยิ่งขึ้น
1. Creative Pebble Plus 2.1
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.1
- กำลังขับ: 16W RMS
- การตอบสนองความถี่: 50 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: AUX 3.5mm
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- Satellites : 12.2 x 11.6 x 11.5 ซม.
- Subwoofer : 15.0 x 19.5 x 20.2 ซม.
- ราคา : 1,390 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
เริ่มต้นรุ่นแรกด้วยลำโพงราคาประหยัดอย่าง Creative Pebble Plus 2.1 ขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย ลำโพงมีกำลังขับรวม 8W RMS มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ ช่วยเพิ่มเสียงเบสที่ขาดหายไป ให้เต็มอิ่มครบรสมากขึ้น และจากที่ลองฟังดูแล้วรู้สึกได้เลยว่าเสียงดีใช้ได้เลยสำหรับลำโพงในระดับราคานี้
รองรับการเชื่อมต่อสามัญผ่านสาย AUX 3.5mm และใช้แหล่งจ่ายไฟจากสาย USB ไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟบ้านเพิ่ม (แต่ถ้าใช้กับโทรศัพท์มือถือก็ต้องต่ออะแดปเตอร์เพิ่มอยู่ดีนะ) ภาพรวมถือเป็นลำโพงคอมเสียงดีที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น สเปคคุ้มค่า ราคาสบายกระเป๋า
2. Microlab X3
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.1
- กำลังขับ: 21 + 98W RMS
- การตอบสนองความถี่: 30 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: RCA
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) : 26 x 41 x 56 ซม.
- ราคา : 2,990 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
ตัวถัดไปบอกเลยว่าเหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบเสียงเบสที่กระหึ่ม เร้าใจ ต้องตัวนี้เลย Microlab X3 จะใช้ดูหนัง เล่นเกม ฟังเพลงก็ทำได้หมด แถมตัวลำโพงมีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ช่วยให้ติดตั้งง่าย ไม่กินพื้นที่บนโต๊ะเยอะด้วย หรือถ้าใครคิดว่ารุ่น 2.1 ยังไม่เต็มอิ่มก็มีรุ่น 5.1 ให้เลือกด้วยนะ
การเชื่อมต่อรองรับแบบสาย RCA ขาวแดง และสำหรับใครที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ 3.5mm ก็มีสายแปลงมาให้อยู่ในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม ภาพรวมเป็นลำโพงที่ให้เสียงที่ดุดัน กระหึ่มถึงใจในราคาไม่แพง จัดว่าเป็นลำโพงคอมพิวเตอร์ที่คุ้มราคาตัวหนึ่งในงบไม่เกิน 3 พันบาทก็ว่าได้
3. Edifier MR4
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.0
- กำลังขับ: 42W RMS
- การตอบสนองความถี่: 60 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: RCA, TRS (6.3mm)
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) : 14 x 22.8 x 18.4 ซม.
- ราคา : 3,290 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
หากใครที่กำลังหาลำโพงสำหรับงาน Mornitor ที่ต้องการความเที่ยงตรงของเสียงในราคาจับต้องได้ ต้องลองดูลำโพงตัวนี้เลย Edifier MR4 ดีไซน์ภายนอกจะดูเรียบ ๆ มินิมอล แต่ให้ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบ แถมตัวนี้รองรับ Input แบบ Balance ด้วยนะ
เรื่องเสียงก็จะตามสไตล์ของลำโพง Mornitor ที่ให้เสียงแบบไม่ปรุงแต่งธรรมชาติไว้สำหรับการมิกซ์เพลง รายละเอียดเครื่องดนตรีครบ ๆ ต่างกับลำโพงประเภทอื่น ๆ ที่มีการจูนเสียงมาให้เน้นฟังแล้วเพราะ เหมาะกับคนที่กำลังหาลำโพงตั้งโต๊ะไว้ใช้ฟังเพลงสบาย ๆ ได้เสียงที่เน้นคุณภาพ ชัดเจน และได้รายละเอียดครบทุกย่าน
4. Edifier R1855DB
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.0
- กำลังขับ: 70W RMS
- การตอบสนองความถี่: 60 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: RCA, Optical TOSLINK, Coaxial, Bluetooth
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) : 15.4 x 25.4 x 22.4 ซม.
- ราคา : 5,490 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
มาถึงลำโพงที่มีระดับราคากลาง ๆ กันบ้าง โดย Edifier R1855DB เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพการฟังเพลงที่อัปเกรดขึ้นจากลำโพงคอมธรรมดา ๆ ไปอีกระดับ มาครบทั้งเบส กลาง แหลม รายละเอียดมีความสมจริงสูง โปร่ง แยกแยะรายละเอียดของชิ้นของดนตรีต่าง ๆ ได้ดี ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าเป็นลำโพงคอมอีกระดับเลย
แม้ว่าจะไม่มีซับวูฟเฟอร์ก็ตามแต่ก็ให้เสียงเบสที่มีพลังรู้สึกได้ ไม่ได้รู้สึกว่าขาดแต่งอย่างใด หรือถ้าใครรู้สึกว่ายังจุใจก็สามารถหา ซับวูฟเฟอร์มาต่อเพิ่มได้ ลำโพงตัวนี้มีช่อง Sub out ที่ออกแบบมารอแล้ว
รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้งแบบแอนะล็อกผ่านสาย RCA และแบบดิจิทัล ผ่านสาย Optical, Coaxial และ Bluetooth เรียกได้ว่าให้มาหลากหลายมากแล้วแต่เรานำไปใช้เลย ภาพรวมเป็นลำโพงที่ให้เสียงที่ดีมากตัวหนึ่งในงบประมาณ 5 พันบาทเลยก็ว่าได้
5.JBL Quantum Duo
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.0
- กำลังขับ: 20W RMS
- การตอบสนองความถี่: 60 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: AUX 3.5, Bluetooth, USB
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) : 8.9 x 21 x 17.6 ซม.
- ราคา : 6,990 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
สำหรับใครที่กำลังหาลำโพงมาแต่งโต๊ะคอมให้ดูมีความเป็นเกมมิ่ง มีไฟ RBG ฟรุ้งฟริ้งต้องตัวนี้เลย JBL Quantum Duo เพราะเป็นลำโพงรุ่นเริ่มต้นที่ได้แสงสีจัดเต็มแบบนี้ เอาไปเข้าเซ็ตกับเกมมิ่งเกียร์บนโต๊ะได้ลงตัวสุด ๆ
แน่นอนว่าเรื่องของเสียงก็จัดจ้านไม่แพ้กับไฟ RGB เพราะตัวลำโพงรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Surround Sound ได้ในตัวโดยไม่ต้องพึ่ง Software ช่วยให้มิติเสียงที่กว้างขึ้นอย่างมาก สามารถเก็บบรรยากาศรอบๆ ได้อย่างสมจริง
และเมื่อปิดเสียงแบบ Surround Sound ก็ยังคงให้มิติเสียงที่ดี เหมือนเดิม สามารถแยกตำแหน่งเสียงซ้าย ขวา ได้อย่างชัดเจน และเสียงเบสที่ได้ออกมาก็กระหึ่มเกินตัวสมเป็น JBL ภาพรวมเป็นลำโพงที่มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และให้เสียงใหญ่เกินตัว แถมยังสามารถนำไปใช้เล่นเกมได้จริง แบบไม่ต้องพึ่งหูฟังด้วย
6. Edifier S351DB
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.1
- กำลังขับ: 150W RMS
- การตอบสนองความถี่: 40 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: RCA, Optical TOSLINK, Coaxial, Bluetooth
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- Subwoofer: 31.2 x 26.5 x 28.9 ซม.
- Satellites: 15.6 x 12.7 x 21.7 ซม.
- ราคา : 9,990 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
สำหรับใครที่กำลังมองหาลำโพงสำหรับคอมพิวเตอร์ในงบไม่เกินหมื่นบาทแล้วอยากได้เสียงดี ๆ การเชื่อมต่อครบ ๆ ต้องแวะดู Edifier S351DB ตัวนี้เลย เพราะได้คุณภาพเสียงที่ได้บอกเลยว่าเต็มอิ่มกว่ารุ่น Edifier R1855DB ไปอีกระดับ
เนื่องจากได้ซับวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้ว ช่วยให้เสียงเบสกระหึ่มกว่าเดิมเยอะ Deep Bass ทำออกมาได้ทรงพลัง ด้านเสียงกลางแหลมทำได้โอเคตามสไตล์ Edifier ได้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วนแยกแยะรายละเอียดเครื่องดนตรีได้เป็นอย่างดี ให้อารมณ์อุ่น ๆ อิมเมจเสียงใหญ่
นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้งแบบแอนะล็อกผ่านสาย RCA และแบบดิจิทัล ผ่านสาย Optical, Coaxial และ Bluetooth ใช้งานสะดวก ส่วนวัสดุบอกเลยว่าทำออกมาได้พรีเมี่ยมมาก ๆ ภาพรวมเป็นลำโพงคอมที่ให้ความครบเครื่องจนแทบจะเป็นตัวจบรุ่นหนึ่งเลย
7. FiiO SP3
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.0
- กำลังขับ: 80W RMS
- การตอบสนองความถี่: 65 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: RCA, AUX 3.5
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 16.3 x 12.0 x 13.2 ซม.
- ราคา : 9,990 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
FiiO SP3 เป็นลำโพงคอมพิวเตอร์ที่ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi ตัวแรกจากแบรนด์เจ้าพ่อเครื่องเสียง FiiO หน้าตาภาพรวมต้องยอมรับเลยว่าออกแบบมาได้ดูดีมาก ๆ ลวดลายรอบ ๆ ตัวลำโพงออกแบบมาให้ความรู้สึกที่พรีเมียมแบบเดียวกับหูฟังจาก FiiO รุ่นก่อนๆ และยังมาพร้อมกับไฟ RGB ที่บริเวณโดยรอบฐานรองช่วยเพิ่มความสวยงามด้วย
เรื่องเสียงที่เคลมว่าได้ระดับ Hi-Fi เมื่อฟังดูแล้วก็พบว่ามีคุณภาพดีใช้ได้เลย เนื้อเสียงมีความใส เคลียร์ ครบถ้วนทุกรายละเอียดเสียง เสียงร้องมีความหนาเต็มอิ่ม เสียงชัดเจน รายละเอียดเสียงร้องครบถ้วน Balanced ออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว
แต่ด้วยความเป็นลำโพงแบบ 2.0 ทำให้เสียงเบสอาจจะไม่เด่นเท่าเสียงกลางและเสียงแหลม เบสที่ได้จะออกไปในทางละมุนมากกว่า แต่ภาพรวมก็ยังมีอิมแพคและมีน้ำหนักพอให้ได้ยินเสียงเบสอยู่บ้าง ใครที่กำลังหาลำโพงตั้งโต๊ะคุณภาพดี และไม่ได้ใช้งานระบบไร้สาย FiiO SP3 ก็เป็นลำโพงที่น่าสนใจไม่น้อยในงบไม่เกินหมื่นบาท
8. Creative Sound BlasterX Katana V2
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.1
- กำลังขับ: 126W RMS
- การตอบสนองความถี่: 50 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: AUX 3.5, HDMI ARC, Bluetooth, Optical TOSLINK, USB-C
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- Soundbar: 60 x 9.5 x 6.2 ซม.
- Subwoofer: 15 x 36.7 x 36.7 ซม.
- ราคา : 11,890 บ.
มาถึงลำโพงอีกตัวที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ อย่าง Sound BlasterX Katana V2 ที่มีดีไซน์เป็น Soundbar คู่กับซับวูฟเฟอร์ซึ่งต่างกับลำโพงตัวอื่น ๆ ที่เราพูดถึงไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแถบไฟ RGB ด้านหน้าด้วย
จุดเด่นหลัก ๆ ของ Katana V2 นอกจากเรื่องเสียงแล้วก็คงเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อที่รองรับหลากหลายแบบมาก ๆ ทั้ง สาย AUX 3.5, USB-C, Optical TOSLINK, Bluetooth และ HDMI ARC สำหรับใช้กับทีวีได้ด้วย
มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งเสียงได้หลากหลาย และโหมดเสียงรอบทิศทาง Surround Sound อย่าง Super X-Fi ด้วย ช่วยให้การดูหนังและเล่นเกมมีมิติที่สมจริงมากยิ่งขึ้น
ด้านเสียงบอกเลยใครที่ชอบเสียงเบสที่กระหึ่มน่าจะถูกใจลำโพงตัวนี้ไม่น้อยเลย ส่วนเสียงกลางและเสียงแหลม จะออกแนวพุ่ง ๆ ตามสไตล์ Creative ใครที่อยากได้ลำโพง Soundbar ที่ใช้งานได้หลากหลายมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ Katana V2 ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลย (แต่อาจจะหาซื้อยากนิดนึงนะ)
9. Audioengine A2+
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.0
- กำลังขับ: 220W RMS
- การตอบสนองความถี่: 65 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: AUX 3.5, RCA, Bluetooth, USB-C
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 10.16 x 13.3 x 15.2 ซม.
- ราคา : 11,500 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
มาถึงลำโพงอีกตัวที่เป็นรุ่นยอดฮิตสำหรับการนำมาแต่งโต๊ะคอมแนวมินิมอลมาก ด้วยดีไซน์ที่มีความเรียบหรูดูแพง ขนาดกะทัดรัด และแน่นอนว่านอกจากดีไซน์ที่ดีแล้วเสียงก็ดีมีคุณภาพด้วย
การเชื่อมต่อให้มาแบบครบครันทั้งแบบมีสายผ่าน AUX 3.5, RCA หรือจะต่อ USB เพื่อใช้ DAC ในตัวลำโพงก็ได้ นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ด้วย
เรื่องเสียงบอกเลยว่าไม่ผิดหวังเสียงกลางที่คมชัด เบสที่สนุกลงได้ลึก เสียงสูงหรือรายละเอียดมีมาให้ครบ จัดจ้าน เสียงคมชัด แยกแยะเสียงได้ชัดเจนมาก นำมาใช้ฟังเพลงได้แทบทุกแนว ด้านความดังก็ดังสะใจเกินขนาดตัวไปมากเลย
แต่ด้วยความเป็นลำโพงแบบ 2.0 เสียงเบสที่ได้อาจจะไม่ได้กระหึ่มมากเท่าลำโพงที่มีซับวูฟเฟอร์แต่ก็แลกมาด้วยการติดตั้งที่ใช้พื้นที่น้อยกว่า
10. Klipsch Promedia Heritage 2.1
สเปค
- ระบบลำโพง: สเตอริโอ 2.1
- กำลังขับ: 126W RMS
- การตอบสนองความถี่: 29 – 20000Hz
- การเชื่อมต่อ: AUX 3.5, RCA, Bluetooth, USB
- ประเภทลำโพง : Active
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
- Soundbar: 14.0 x 10.9 x 20.3 ซม.
- Subwoofer: 25.4 x 38.1 x 30.5 ซม.
- ราคา : 15,990 บ.
- ตามไปตำได้ที่ : Link
สุดท้ายกับลำโพงที่มาจากแบรนด์ที่ Klipsch ผู้มีประสบการณ์การทำลำโพงมาอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยรุ่นที่เราเอามาแนะนำคือ Klipsch Promedia Heritage 2.1 ที่มีดีไซน์สุดคลาสสิก ดูดี มีระดับ งานประกอบที่แน่นหนาและมีความเนี้ยบมาก ๆ วางไว้มุมไหนของบ้านเข้ากันไปหมดอย่างแน่นอนครับ
การเชื่อมต่อให้มาทั้งแบบมีสาย และแบบ Bluetooth ไร้สาย นอกจากนี้เรายังสามารถเสียบ USB Drive เล่นเพลงตรงได้เลยด้วย
เรื่องเสียงบอกเลยว่าทรงพลัง กระหึ่ม สมจริง เสียงกลางให้เสียงที่ใส คมชัด เสียงสูงทอดไปได้ไกล รายละเอียดครบถ้วน เสียงเบสลงได้ลึก ลูกใหญ่มวลเต็ม แรงปะทะแรงถึงใจ มิติเสียงแยกซ้าย ขวา ได้แบบชัดเจน ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายทั้ง ฟังเพลง ดูหนัง และเล่นเกม
ใครที่อยากได้ลำโพงตัวจบเสียงทรงพลัง ดีไซน์สุดคลาสสิก Klipsch Promedia Heritage 2.1 ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
อย่างไรก็ตามการที่จะหาลำโพงที่ถูกใจสักชุดหนึ่งก็อาจจะดูแค่สเปคเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ควรหาโอกาสไปลองฟังของจริงด้วยเพราะเรื่องของเสียงเป็นเรื่องที่พูดยาก ความรู้สึกใครความรู้สึกมัน ขึ้นอยู่กับรสนิยม และความชอบโทนเสียงแบบไหนมากกว่า จะได้ซื้อมาแล้วไม่เสียใจในภายหลังนะ
ยี่ห้อ Bose ไม่ติดอันดับเลยหรือครับ?