สวัสดีครับมิตรรักแฟนดรอยด์ทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้ง วันนี้ผมมีเรื่องเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนมาทำเสนอในมุมที่ท่านจะต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าในปี 2015 หรืออีกแค่ 3 ปีข้างหน้านับจากนี้ไป เราจะเห็นคนถือสมาร์ทโฟนเต็มเมือง(ประเทศไทย) ซึ่งใครๆ ก็ใช้สมาร์ทโฟน ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดกันกว่า 90% ของประเทศเลยทีเดียว ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ
สำหรับในบ้านเราสมาร์ทโฟนเริ่มมีกระแสกันจริงๆ กับคนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยี ก็น่าจะเป็นปี 2009 ที่มีการนำเข้า iPhone 3G มาขายในบ้านเรา(อ้างอิง) ต้องยอมรับสมาร์ทโฟนไม่ใช่สำหรับคนรู้เรื่องเทคโนโลยีอีกต่อไปแล้ว และในปีต่อมาปี 2010 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ไม่ได้มีไว้สำหรับ Geek อย่างเดียว ในปีนี้เริ่มเห็นผู้หญิงใช้แอนดรอยด์แล้วนะ เพื่อนผมผู้หญิงก็ซื้อ Galaxy S1 อย่างชอบอกชอบใจ
ลองมาดูปีนี้ 2012 เทียบกับอดีตกันบ้าง จากข้อมูลเป็นภาพในงาน Opportunity Day (บริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน)
- แท่งสีเขียวคือฟีเจอร์โฟน
- แท่งสีแดงคือสมาร์ทโฟน
อยากให้ดูความสัมพันธ์ครับว่าตั้งแต่ปี 2008 จะเห็นว่าฟีเจอร์โฟนแท่งสีเขียวนั้นมีกว่า 99% แต่ในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งตรงกันข้ามกับสมาร์ทโฟนในแท่งสีแดงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในปีนี้ 2012 ไตรมาสแรกมีสูงถึง 62% เกินกว่าครึ่งไปแล้ว แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพียงข้อมูลจากร้าน Jay Mart เท่านั้น แต่ก็พอมีน้ำหนักอยู่ไม่น้อยเพราะมีร้านอยู่ 208 สาขาทั่วประเทศ(ข้อมูลสิ้นปี 2011) – อ้างอิง
สรุปประเด็น
- ข้อมูลในภาพโดย GFK บอกว่าตลาดในประเทศไทย 100% มีสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตคิดเป็น 55% ใน Q1 ปี 2012
- ตลาดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในประเทศไทยใช้เวลา 3 ปีกับอีก 1ไตรมาส ในการกินส่วนแบ่งมากกว่าครึ่ง
- เป็นไปได้ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2015) ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจะกินส่วนแบ่งเกิน 90% (ไม่มีฟีเจอร์โฟนอีกแล้ว)
- ในเมื่อสมาร์ทโฟนกินส่วนแบ่งมากขนาดนี้แสดงว่ามือถือสมาร์ทโฟนจะอยู่ในทุกช่วงราคา ตั้งแต่ 1,000 ถึง 20,000+ บาท
- มือถือสมาร์ทโฟนในปี 2015 ที่ราคา 1,000 บาท สเปคจะไม่ต่ำกว่า Galaxy S1 สำหรับแบรนด์ยี่ห้อดังด้วย
จบ…
ปล. อ่านแล้วอย่าเชื่อผมนะ ผมเดาเอาล้วนๆ
House Brand บางที่แรงใช่ย่อยนะครับ 55
ที่สมาร์ทโฟนโตกว่าฟีเจอร์โฟนมากเป็นเพราะตลาดกว้างกว่าเยอะครับ ไม่จับเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
โอ้…ราคา 1000 ได้เท่า galaxy S1
คนแก่ที่บ้านยังใช้ไม่เป็นครับยังต้องซื้อ Feature PHone ให้เขาใช้อยู่ดี
เห็นด้วยครับ
แต่ผมก็ไม่หนุ่มเท่าไหร่แล้ว 38 ก็ใช้แอนดรอยด์ แทบสองสามเครื่องอยู่
หัวหน้าผม55ก็ใช้สมาร์ทโฟน แทบเลทอยู่หลายเครื่อง
เลยไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่ที่ว่าแก่ ฮ่าๆ
คนแก่ในอนาคต ก็คือพวกเราในวันนี้ไงครับ
ผมกลับไม่ค่อยเห็นด้วยกับบทความนี้เท่าไรครับ เพราะไอเปอร์เซนต์ที่เพิ่มขึ้นมันเป็นเ้ปอร์เซนต์ของยอดขายโดยรวมทั้ง
ประเทศ แล้ว Jaymart กว่า70-80% ก้ออยู่ในกรุงเทพซะส่วนใหญ่มันชี้วัดอะไรไม่ได้คับ คนออฟฟิศวัยทำงาน ไม่ใช่ฐาน
ทั้งหมดของประเทศ คนสูงอายุที่เล่น smartphone มีน้อยยิ่งกว่าน้อย คนทำงานระดับใช้แรงงานอีก ชาวบ้านทั่วไป ชนบท
ฐานเหล่านี้เยอะนะครับ เยอะมากกกกกกกก และเค้าไม่ค่อยเปลี่ยนมือถือกันด้วย ต่อให้เปลี่ยนเค้าก้อใช้ฟีเจอร์โฟนกันอยู่ดี
แล้วไอเปอร์เซนต์ที่เพิ่มขึ้น ผมเชื่อเหลือเกินมันก้อไอคนกลุ่มเดิมๆ คนวัยทำงานในกรุงเทพ นี่แหละที่วนซื้อมือถือ
smartphone เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารุ่นใหม่ออกก้อขายรุ่นเก่าทิ้ง หกเดือนบ้าง หนึ่งปีบ้าง
เรากำลังใช้มุมมองของคนในเมือง มาวิเคราะห์ แต่ไม่ได้มองภาพรวมของทั้งประเทศ ยังมีอีกเยอะคับ ที่เค้าไม่จำเป็นต้องใช้ smartphone
เค้ามองสิ่งพวกนี้เป็นความไม่จำเป็นในชีวิตคับ เค้าไม่ต้องเล่น FB เค้าไม่ต้องรับส่ง email ไม่ต้องนั่งเทรดหุ้น ไม่รู้จะไป IG ทำไม
tweeter ตามดาราไปทำอะไร ฐานเสียงเหล่านี้เยอะนะคับ คนเล่น smartphone หลักๆก้อคนในกรุงเทพแค่นี้แหละ
ผมกลับเห็นด้วยกับบทความนี้
สังเกตุจากหลายปีที่ผ่านมาเพื่อนสมัยเรียนที่อยู่ ตจว ซึ่งผมแทบจะขาดการติดต่อทั้งหมด แต่ปัจุบันก็มาเจอกันเกือบครบใน FB โดยมีตัวช่วยเร่งคือสมาร์ทโฟนนี่ล่ะครับ
พอกลับไปนัดเจอกันก็เห็นใช้กันจริงๆ ทั้ง iPhone & แอนดรอยรุ่นต่าง
ปล. 30+
ข้อเสริมข้อมูลหน่อยครับ
สาขากรุงเทพเทียบต่างจังหวัดประมาณ 50% ต่อ 50% ครับ (thaivi)
ต่างจังหวัดมีมากกว่านิดหน่อย
ใช่คับคนพวกนี้มีอยู่เยอะ เขาไม่เล่นอินเตอร์เน็ตด้วย แต่เขาก็มีสมาร์ทโฟนนะ ทำเป็นเล่นไป ฮ่าๆ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น ผมชอบนะ คิดเห็นแบบนี้ อย่าคล้อยตามบทความของผมเชียวละ ^^
อยากบอกว่าข้อมูลจาก GFK
บ่อยครั้งมากที่ไม่ตรงครับ
คนต่างจังหวัดเนี่ย ตัวใช้ไอโฟนเยอะเลยครับ เพื่อนที่คณะเกิน50% มาจาก ตจว คณะผมนับคนใช้แอนดรอยได้เลย น้อยมากๆ
แต่คนแก่เดี๋ยวนี้ก็ชอบเล่นพวกแทปเลทก็มีนะ
ยายผมยังชอบที่จะใช้แค่ฟีเจอร์โฟนอยู่ พึ่งซื้ออาม่าให้แกไปไม่กี่เดือน
แกชอบปุ่มใหญ่ๆ = =
อนาคต สมาร์ทโฟนราคาไม่กี่ตังค์ รออยู่สินะครับ
เด่วนี้แม่ผมยังเปลี่ยนมาใช้ smart phone เลย (คุณแม่อายุ 50 แว้วว)
ผมว่าก็เป็นไปได้อยู่นะครับ
ถ้าเครื่องละ 1000 spec เท่า s1 ก็แหล่มดิ
ยิ่งถ้า สมมุติว่า nexus phone จะถูกเหมือน nexus7 ละก็
สวดยวด!!!!! หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
แมเพื่อนผมใช้ galaxy Nexus
อาจารย์ที่ ร.ร. อายุ 40 กว่าใช้ Note
แต่บางท่านก็ใช้ฟีเจอร์โฟนอยู่
ผมว่าผู้ใช้ช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนไปถึง 50 ปีกว่า ๆ ก็มีคนใช้ สมาร์ทโฟนกันเยอะขึ้นนะครับ
อยู่ที่ตัวบุคคลด้วย บางคนสนุกที่ได้ใช้เทคโนโลยี
บางคนเฉย ๆ ไม่ได้ติดตามเทคโนโลยีกันเท่าไหร่ ก็เลยใช้แค่ฟีเจอร์โฟน เพราะพอเพียงต่อการใช้งานของเขา
ถ้าแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องก็ดี ทำให้เทคโนโลยีถูกลง เราได้ใช้เครื่องเสปคสูงขึ้นในราคาถูกลง
เฉกเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ PC
คิดว่าทั้งชีวิตของคุณจะใช้เงินในการตอบสนองความต้องการด้านโทรศัพท์เท่าไหร่กันครับ
แสน สองแสน หรือมากกว่านั้น(นี้ยังไม่รวมค่าโปร ค่าโทร ค่าบริการ ค่าซ่อม ค่าของตกแต่ง ค่าแอพ ค่าโน้นนี้นั้นอีก)
อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอนก็จริงแต่คิดได้ตั้งแต่ตอนนี้วางแผนให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
เพราะฉนั้นบางทีเราอาจจะคิดได้ตอนที่ซื้อมาแล้วไม่ถูกใจก็ได้.,.,.,
แม่แฟนผม ใช้ มือถือ โนเกีย 5-6 ปีใช้จนพัง ไปข้างนึง ปัจจุบัน ใช้ ซัมซุง ฮีโร่ เพราะมากกว่านี้ กดไม่ถูกแระ
อีกนานแหละ อาจต้องรอจนคนรุ่นเราอายุ 40-50
มือถือธรรมดา ถึงจะสูญพันธุ์
ก็จริงนะ เพราะปีที่แล้วผมได้งานใหม่หัวหน้าผมแต่ละคนใช้ฟีเจอร์โฟนยันระดับGMเลยแถมยังใช้แบบเคึรื่องพันกว่าๆ
พอปีนี้ถือสมาร์ทโฟนกันหมด
ถึงตอนนั้นได้เวลาผมเปลี่ยนมือถือเรื่องใหม่พอดีครับ ฮ่ะๆ หลังๆ ผมถือคติ ใช้มือถือจนใกล้พัง ซื้อมาเครื่องนึงต้องใช้ให้คุ้ม นี่เพิ่งซื้อมาเมื่อปีก่อน พอถึง 2015 ก็ครบ 4 ปีพอดี ได้เปลี่ยนเครื่อง เอิ๊กๆ (ถ้าไม่พังซะก่อนนะ)
ต้องมีกราฟราคาเป็นปัจจัยนะ
ป้าผมจะเกษียณแล้วยังถอย Tabled มาสองเครื่องเลย เครื่องแรกมาอยู่ในมือผมละ -..-
แต่้ป้าผมใช้ Feature Phone นะ
กลุ่มคนที่สามารถเข้ามาดูมาอ่านในเว็บนี้ได้เนี่ยอย่างน้อยๆ ต้องมีโอกาสทางการศึกษา
มีสถาณะทางการเงินที่ดีในระดับนึง เรียกว่าไม่ขัดสนเท่าไหร่ เพราะงั้นคนรอบๆตัวพวก
คุณก็ย่อมเป็น กลุ่มคนเดียวกับคุณจะมีมากกว่า หรือน้อยกว่าก็ไม่หนีห่างกันมาก แต่กับผม
ที่เคยช่วยแม่ทำเอกสาร โครงการเกี่ยวกับผู้ยากไร้ในชนบท พื้นที่ทุรกันดาลมาไม่น้อย
ยังมีอีกมากครับ ที่เค้ามีเงินแค่ซื้อมือถือเครื่องละไม่เกิน 2000 บาทหรือบางคนถึงกับ
ไม่มีจะกิน นั่นคืออีกมุมที่สังคมเมืองไม่เคยได้รับรู้ผมบอกได้เลยว่า ที่เห็นๆในทีวีน่ะ
น่าสงสารกว่านั้นมีอีกเยอะครับ เยอะมากด้วยกับบทความนี้น่ะครับผมว่าเป็นไปได้
แต่ภายในสามปีเนี่ย ผมว่ายากมากครับ ผมแทงกั๊กเลยว่าไม่ทันภายในปี 2015 แน่นอนครับ
"เค้ามีเงินแค่ซื้อมือถือเครื่องละไม่เกิน 2000 บาท"
งั้นสอดคล้องกับบทความที่แล้วที่ผมเขียนเลยว่ามือถือสมาร์ทโฟนจะมีราคา 1,000 บาท อิอิ
ขอบคุณมากครับ ทำให้ได้อีกมุมมองหนึ่ง
ผมถึงบอกไงคับ ว่าเจ้าของบทความมองมุมผ่านสังคมคนเมือง ที่ทำงานอยู่บนออฟฟิศ แล้วรอบๆ ก้อเต็มไปด้วยคนเมือง
คนรู้จัก ญาติ พี่ ป้า น้า อา พี่น้อง ที่อยู่ในสังคมคนเมือง ระดับวุฒิ ป ตรี ขึ้นไป พวกคุณ ไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ของ
ประเทศหรอกคับ เพียงแต่พวกคุณอยู่รวมกันจนคิดว่าตัวเองเป็นประชากรส่วนใหญ่ ผมเคยยู่ในสังคมโรงงาน สังคมที่พนักงาน
ระดับล่างโดนบีบ ทำงานต่อโอที 16 ชม ทุกวัน ทำหกหยุดสอง สังคม กรรมกร ก่อสร้าง ทำกันทั้งคืน กะชนกะ ผมผ่านมาหมดแล้วคับ
แล้วผมก้อเห็นว่าคนที่มันไม่มีจะกินเนี่ย มันไม่จะกินขนาดไหน มันเยอะขนาดไหน เวลาจะนอนยังแทบไม่มีกันเลย หาเช้ากินค่ำมันเป็นยังไง
เงินรายวัน ที่พอหมดวันไปต่อแถวเบิกกันมันเป็นยังไง สังคมตลาดคนใช้แรงงานระดับล่าง นี่มันใหญ่มากนะคับ
ถึงเวลานั้นฟีเจอร์โฟนอาจเหลือเครื่องละสองสามร้อย พวกเค้าก้อเลือกฟีเจอร์โฟนกันอยู่ดีคับ บัตร ผ่อน อะไรก้อไม่มีกับเค้า
เงินผ่อน สองพันบาทตอเดือนนี่เอาไปเป็นค่าเช่าห้องดีกว่าคับ เงินเดือนหก ถึงแปดพัน บาท ต่อเดือนเนี่ย ไหนจะต้องส่งนอ้งเรียน ไหนจะส่งไปให้พ่อแม่
ตัวเองเหลือกินไม่เกินสองสามพันต่อเดือน คุณอยู่ได้ไหมละคับ สามพันบาทต่อเดือนกลางเมืองหลวงอย่างกรุงเทพเนี่ย
รถไฟฟ้า เค้าไม่ขึ้นคับ เค้ายอมขึ้นรถเมล์ฟรีกัน อย่างมาก้อเมล์ร้อน
แม่นแล้วๆ