นับเป็นข่าวดีส่งท้ายปีสำหรับสาวก Google โดยเฉพาะแผนกฮาร์ดแวร์น้องใหม่อย่าง Made-by-Google ซึ่งกำลังจะก้าวผ่านปีที่ 3 ไปพร้อมกับอนาคตที่(ดูเหมือนจะ)สดใส หลังจากมีการคาดการณ์ผลประกอบการส่วนกำไรของปี 2018 ไว้โดย RBC Capital Markets อยู่ที่ราวๆ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯพร้อมกับอัตราการเติบโตกว่า 50%
3 ปี กับกำไร 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมวิเคราะห์ผลประกอบการของ RBC Capital Markets ได้คาดการณ์ผลประกอบการของแผนก Made-by-Google เอาไว้ ซึ่งมีผลงานชิ้นเด่นๆ ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ Pixel Devices, Google Home Devices, Chromecast Devices, และรวมไปถึงอุปกรณ์ Smart Home ภายใต้แบรนด์ Nest โดยจะมีภาพรวมของรายได้และผลกำไรอยู่ที่ 8.8 และ 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ สำหรับรายได้ส่วนใหญ่นั้นมาจาก Pixel Devices (เช่น Pixel Phones, Pixelbook, Pixel Slate) และ อุปกรณ์กลุ่ม Google Home ทำรายได้รวมกันอยู่ที่ราวๆ 6.8 พันล้านเหรียญฯ และผลกำไรรวมกันอยู่ที่ราวๆ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียว
อัตราการเติบโตของปี 2018 ที่ค่อนข้างก้าวกระโดดถูกคาดการณ์ไว้ที่ราวๆ 65% สำหรับรายได้ และ 55% สำหรับผลกำไรเทียบกับปี 2017 เป็นเพราะธุรกิจของแผนกฯ ยังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการทำตลาดให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของโลก (เปิดตัวแผนก Made-by-Google ครั้งแรกช่วงกลางปี 2016) โดยยังคงมีการขยายฐานการตลาดภายใต้ร้านค้าแบรนด์ Google Store ทั้งรูปแบบ ออนไลน์ และ ออฟไลน์ อย่างต่อเนื่องทุกปี รวมถึงประเทศไทยของเราด้วยที่มีข่าวแว่วๆ แว่วมาเป็นแรมปี 🙄 เรียกได้ว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวว่าระยะยาวจะเป็นอย่างไรโดยเฉพาะในตลาด Smartphone ที่การแข่งขันนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่จากซีกโลกตะวันออกที่พร้อมจะงัดเทคโนโลยีเด็ดๆมาพร้อมกับราคาสุดแสนล่อใจตลอดเวลาเช่นนี้
แผนกเล็กๆ… แต่สำคัญต่อความเป็น Google
ถ้ามองไปถึงขนาดของรายได้และผลกำไรแล้วล่ะก็ ต้องบอกเลยว่า Made-by-Google เป็นเพียงเศษเสี้ยวรายได้ในภาพรวมธุรกิจของ Google (Alphabet Inc.) โดยรายได้และผลกำไรข้างต้นนั้นนับเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 4% และ 8% ของรายได้และผลกำไรทั้งหมดของ Google เท่านั้น!! ซึ่งจริงๆแล้วจุดประสงค์หลักของ Made-by-Google ก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นรายได้หลักอยู่แล้ว
แผนกฮาร์ดแวร์วัย 3 ขวบนี้ถูกมองว่า มีความสำคัญอย่างมากในการเกิดมาเพื่อเป็นตัวแทนของภาพลักษณ์ในการสร้างแบรนด์ Google ในระยะยาวเสียมากกว่า ซึ่งครอบคลุมไปถึงการเป็นแพลตฟอร์มหลักทางกลยุทธ์ในการพัฒนาและนำเสนอผลงานและนวัตกรรมทาง software ที่เป็นรายได้ของบริษัทนั่นเอง เช่นที่เราจะสังเกตุกันได้โดยทั่วไปว่า version และ features ใหม่ๆของสมาร์ทโฟน Android จะถูกนำมาใช้กับ Google Pixel Devices เป็นกลุ่มแรกๆเสมอ หรือในทางกลับกันอุปกรณ์กลุ่มนี้จะมีความสำคัญโดยตรงต่อการเข้าถึง เรียนรู้ และพัฒนาข้อมูล (Big Data, Artificial Intelligence, Machine Learning) สำหรับผลิตภัณฑ์ทางซอฟแวร์ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วจะครอบคลุมไปถึงผู้ใช้บริการของ Google ทั้งหมดซึ่งมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและใช้บริการกันตลอดเวลาก็ว่าได้
[youtube https://www.youtube.com/watch?v=bkRhoGPo2is]
ทางทีมงาน DroidSans ขอสรุปสั้นๆตรงนี้เลยว่า “มาไทยเถอะ… อยากเจอ! “
ที่มา: 9to5Google | RBC – Mark Mahaney
ไม่คิดว่าจะกำไรเยอะขนาดนี้ทั้งๆที่จำกัดการขายมาก ในขณะที่หลายๆแบรนด์กลับขาดทุนทั้ง hTC, LG, Sony
อาจจะกำไรเพราะการจำกัดเขตการขายทำให้ควบคุมต้นทุนได้ดีด้วยส่วนหนึ่ง
Pixel มือถือในอเมริกาได้รับการยอมรับจากพวกบลอกเกอร์ดัง ๆ เยอะด้วยมั้งครับ เลยช่วยทำตลาดโดยปริยาย
เคยดูคลิปที่บลอกเกอร์าเจอกันแล้วดูมือถือแต่ละคนก็เป็น pixel กับ iphone ครึ่ง ๆ เลย
ผู้เขียนเองก็ใช้ครับ Google Pixel 🙂
ผู้เขียนใช้รุ่นไหนครับ
เพิ่งซื้อ Google Home Mini มา ¥3,000 เอง
ขนาดขายแบบ อินดี้นะนี้
เมื่อไหร่ พวกพdecide Support ภาษาไทย คงมา
อยากให้เปิด Shop ในไทยจัง
อยากให้ AIS รีบไปคว้า Google Pixel มาขาย