ดูเหมือนปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ค่อยดีเท่าไรของ Facebook ในเรื่องการเก็บข้อมูลส่วนตัวที่เป็นความลับของผู้ใช้ เมื่อสัปดาห์ก่อนก็พึ่งมีข่าวออกมาว่าข้อมูลของผู้ใช้ Facebook กว่า 14 ล้านคนทั้ง Username, เพศ, ศาสนา, วันเกิด, อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่น Facebook, เว็บไซต์, เพจที่ติดตามและอื่นๆอีกเยอะนั้นถูกขโมยออกไปโดยแฮคเกอร์ ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ลงทุนมีความคิดที่จะถอด Mark Zuckerberg ออกจากตำแหน่งแล้ว
จากกรณีเรื่อง Cambridge Analytica ที่มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook กว่า 87 ล้านคนถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาจนถึงการที่มีแหล่งข่าวอ้างว่ารัสเซียพยายามเข้ามีอิทธิพลในการเลือกตั้งกลางเทอมนี้อีกครั้ง ดูเหมือนว่า Facebook จะไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย ซึ่งจากเหตุการณ์ต่างๆทุกคนนั้นโทษว่าเป็นความผิดของ Mark Zuckerberg ผู้ร่วมก่อตั้ง, ประธาน และ CEO ของ Facebook
จากรายงานของ Reuters ที่มีการเผยแพร่ออกมาได้กล่าวว่า มีกลุ่มผู้ลงทุนใน Facebook นั้นกำลังจะหาประธานกรรมการอิสระมาแทน Mark Zuckerberg ซึ่งเคยมีผู้ถือหุ้นพยายามที่จะทำมาแล้วแต่ข้อเสนอก็ถูกตีตกไปในปี 2017 การยื่นขอที่จะโหวตผ่านจากบอร์ดบริหารของ Facebook ในครั้งนี้มาจาก State Treasurers ของรัฐ Illinois, Rhode Island และ Pennsylvania พร้อมด้วยเจ้าพนักงานตรวจสอบการเงินการบัญชีของ New York City Scott Stringer ซึ่งถ้าบอร์ดบริหารอนุญาต ผู้ถือหุ้นจะโหวตในเรื่องนี้และจะสามารถลงคะแนนเสียงได้จนถึงวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทในเดือนพฤษภาคมปีหน้า โดย State Treasurer ของรัฐ Illinois Michael Frerichs ได้กล่าวว่าประธานกรรมการอิสระนั้นน่าจะทำให้มีปัญหาลดน้อยลงและทำให้ราคาหุ้นไม่ปรับตัวลงไปอีก
ราคาปิดตลาดหุ้นของ Facebook เมื่อวันพุธอยู่ที่ $159.42 ลดลงไป 10% นับจากวันที่ 1 มกราคมของปีนี้ ราคาหุ้นนั้นฟื้นจากเหตุการณ์ Cambridge Analytica และ การปรากฏตัวของ Mark Zuckerberg 2 ครั้งก่อนการประกาศของสภาคองเกรส ขึ้นไปสูงสุดที่ $217.50 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งหลังจากนั้นหุ้นก็ตกลงอย่างหนักไปถึง 26.7%.
ไม่ว่าผลโหวตถอดถอน Mark Zuckerberg ออกจากการเป็นประธานจะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ก็น่าจะแพ้อยู่ดีเนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือของเขา และไม่มีทางที่จะหลุดออกจากที่นั่งในบอร์ดบริหารอย่างแน่นอน จากการยื่นเอกสารของบริษัทในช่วงต้นปีนั้น Mark มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงของ Facebook ถึง 60%
อาจจะสงสัยกันว่าแล้วจะโหวตทำไมในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าจะแพ้ State Treasurer ของรัฐ Rhode Island Seth Magaziner อธิบายว่า นี่จะเป็นการช่วยให้เราสามารถบังคับให้เอาเรื่องนี้มาพูดคุยได้ในการประชุมประจำปีและจนกว่าจะถึงประชุมน่าจะสามารถดึงคนมาซัพพอร์ตได้ โฆษกของ Facebook ไม่ได้ออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้ ต้องมารอดูกันว่าการถอดถอนครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ในการประชุมประจำปีของ Facebook ในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
ที่มา: PhoneArena , ภาพปก: BusinessToday
ป่านนี้ ไม่รู้ว่า Cameron, Tyler Winklevoss จะหายขำกลิ้งกันหรือยัง
ได้เงินไปเยอะเลยหนิครับ สองคนนี้
ผมว่าแฝดนี้น่าจะติดคนรวยสุด TOP100 ในอนาคตนะครับ เขาถือ Bitcoin 100000BTC ซึ่งถ้าETF ผ่าน เขาจะมีมูลค่ามากถึง 20k-100k ล้าน US ในอนาคตและเขาคงไม่สนอะไรแล้วทั้งกองทุน van Solid X & vanEck และ Gemini Coin Stable coin ของเขา
คนระดับนี้ เรื่องว่าจะผ่อนบ้าน-ผ่อนรถยังงัย พรุ่งนี้จะกินอะไร อนาคต พ่อ แม่ ลูก จะลำบากไหม ไม่ได้อยู่ในสารบบความคิดของเขาครับ
ดังนั้นเรื่องว่าได้เงินเยอะไหมไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาแน่นอน
.
มันมีแต่ว่าเรื่องนี้มันจะจบแบบไหน จะยังเป็นที่จดจำไหม สมศักดิ์ศรีไหม มีเกียรติไหม คุณค่าของตัวเขาจะเป็นยังงัย
ถ้าเขากังวลเรื่องเงินทองหาเลี้ยงชีพ ผมว่าเขาเลิกทำงานไปนานแล้ว ป่านนี้คงสเวยสุขตามรีสอร์ททั่วโลกแบบคนก่อตั้งฮอทเมล์