ในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 ประเทศไทยเริ่มหนักจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หลาย ๆ คนคงกำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศ มาใช้สักเครื่องเพื่อสุขภาพที่ดีต่อตนเองและคนในครอบครัว แต่แน่นอนว่าในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ จะลงทุนซื้อเครื่องละหมื่นก็อาจจะคิดหนักกันสักหน่อย วันนี้เราจึงได้รวบรวมเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ดังในช่วงราคาที่ซื้อง่าย 2,000 – 4,000 บาท มาฝากกันถึง 5 รุ่น แต่อย่างไรก็ตาม ราคาแต่ละเวบไซต์อาจจะแตกต่างกันออกไป หากใครดูเก่ง ๆ อาจเจอถูกกว่านี้ก็ได้นะ
เครื่องฟอกอากาศ HATARI AP12R1
ขนาดพื้นที่: 20 – 32 ตารางเมตร
ราคา: 2,988 บาท
อายุการใช้งานไส้กรอง: 6 เดือน – 1 ปี
HATARI AP12R1 เป็นเครื่องฟอกอากาศแบรนด์ไทยอีก 1 รุ่นที่น่าสนใจ เพราะในรุ่นนี้มาพร้อมจอและเซนเซอร์วัดค่าฝุ่นในตัว สามารถปรับแรงดูดได้แบบอัตโนมัติตามค่าฝุ่นที่ตรวจจับได้ มีรีโมทคอนโทรลเปิด / ปิดง่าย ไส้กรองมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน – 1 ปี สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไป
ในรุ่นนี้มาพร้อมระบบการกรอง 4 ขั้นตอน แผ่นกรองชั้นแรก ช่วยกรองฝุ่นผงและสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ แผ่นกรองชั้นสองช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ชั้นสามดักจับฝุ่นละอองและอนุมูลแปลกปลอมได้เล็กสุด 0.3 ไมครอน และแผ่นกรองคาร์บอนชั้นที่ 4 จะช่วยขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
SHARP FP-J30TA
ขนาดพื้นที่: 16 – 23 ตารางเมตร
ราคา: 2,690 – 3,690 บาท
อายุการใช้งานไส้กรอง: 2 ปี
Sharp FP-J30TA ถือเป็น 1 ในเครื่องฟอกอากาศที่ฮิตมาก ๆ สำหรับคนที่มีงบค่อนข้างจำกัด เพราะมาพร้อมกับความสามารถที่ครบครัน กรองฝุ่น PM 2.5 – 0.5 ไมครอนได้สูงสุด 99.97% ผ่านไส้กรองแบบ HEPA ที่หาซื้อได้ง่าย แถมอายุการใช้งานถึง 2 ปี
ในรุ่นนี้มีจุดขายหลักอยู่ที่เทคโนโลยี Plasmacluster อันโด่งดังที่มีเฉพาะแบรนด์ Sharp สามารถปล่อยอนุภาคบวก และลบ เพื่อทำความสะอาดห้อง กำจัดสารก่อภูมิแพ้ เชื้อรา เชื้อไวรัส รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ด้วย
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite
ขนาดพื้นที่: 25 – 43 ตารางเมตร
ราคา: 3,590 บาท
อายุการใช้งานไส้กรอง: 6 เดือน – 1 ปี
ในยุคนี้หากพูดถึงเครื่องฟอกอากาศหลาย ๆ คนคงนึกถึง Xiaomi เป็นชื่อแรก โดย Xiaomi Air Purifier 4 Lite ถือว่าเป็นรุ่นราคาถูกที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุด เพราะมีทั้งจอ LED และเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศในห้อง รองรับพื้นที่ห้องใหญ่ที่สุดถึง 43 ตารางเมตร สามารถเชื่อมต่อเพื่อสั่งการผ่านแอปได้ แถมไส้กรองยังหาซื้อได้ง่าย มีให้เลือกหลายแบบตามความต้องการ
Xiaomi Mi Air Purifier 4 สามารถดูดอากาศเพื่อกรองฝุ่นได้รอบทิศทาง สามารถกรองได้หมดไม่ว่าจะเป็น PM2.5, ฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน , ขนสัตว์ , เกสรดอกไม้ , กลิ่นสัตว์เลี้ยง และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงยังฆ่าเชื้อไวรัส H1N1 ได้ด้วย ตัวเครื่องใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยเพียง 1 กระดาษ A4 เท่านั้น
HAFELE ECOM-088
ขนาดพื้นที่: 20 – 30 ตารางเมตร
ราคา: 3,990 บาท
อายุการใช้งานไส้กรอง: 1 ปี
HAFELE ECOM-088 มาพร้อมระบบการกรอง 3 ชั้นที่ประกอบไปด้วย PP Fliter + ชั้น HEPA กรองฝุ่นได้เล็กสุดถึง 0.3 ไมครอน – + CARBON ชั้นกรองดูดซับกลิ่น ขจัดไอพิษ นอกจากนี้รุ่นนี้ยังมีระบบ UV-C ช่วยในการฆ่าแบคทีเรีย, ไวรัสและเชื้อโรคต่างๆที่มาพร้อมผงฝุ่น มีเซนเซอร์บอกคุณภาพอากาศพร้อมแจ้งเตือนผ่านไฟ LED
ในรุ่นนี้ยังสามารถปรับความแรงได้ 4 ระดับ มีโหมด Turbo ฟอกอากาศได้เร็วทันใจ มีโหมด Auto ปรับความเร็วพัดลมตามคุณภาพอากาศ แถมยังมีโหมดนอนหลับที่ช่วยให้เครื่องทำงานด้วยเสียงที่เบาลงทำให้หลับได้สบายไร้เสียงรบกวน
DAIKIN MC30YVM7
ขนาดพื้นที่: 14 – 24 ตารางเมตร
ราคา: 3,990 บาท
อายุการใช้งานไส้กรอง: 3-6 เดือน
DAIKIN MC30YVM7 เครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์เครื่องปรับอากาศชั้นนำ มาพร้อมเทคโนโลยี Streamer ที่จะปล่อยประจุอิเล็กตรอนไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อยับยั้งเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส H1N1-H5N1 สารก่อภูมิแพ้ และก๊าซอันตราย 60 กว่าชนิดในอากาศ มีชั้นกรองช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยตนเอง ส่วนไส้กรองในรุ่นนี้ในคู่มือเคลมไว้ว่าอยู่ได้นานถึง 10 ปี สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ด้วยการดูดฝุ่นเพียงเท่านั้น
นอกจากนี้ DAIKIN MC30YVM7 ยังสามารถดูดลมได้จาก 3 ทิศทาง สามารถวางชิดผนังได้ไม่ต้องกลัวเปื้อน แถมยังทำงานได้เบามากเงียบสุดเพียง 19 เดซิเบล นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันไฟกระชากตั้งแต่ 180-264 โวลต์ จะฝนตกฟ้าผ่าก็ไม่ต้องกังวล
นี่คือ 5 รุ่นทั้งหมดของ เครื่องฟอกอากาศ ราคาไม่เกิน 4,000 บาท ที่เราเอามาฝากกันในวันนี้ หากใครสนใจรุ่นไหนสามารถหาข้อมูลเปรียบเทียบราคาจากร้านค้าต่าง ๆ กันได้เลย ส่วนใครที่มีรุ่นไหนที่ใช้ดีก็มาร่วมแนะนำกันได้นะ
ใช้ของXiaomi อยู่ครับ ใช้มาปีกว่าไม่มีปัญหาครับ มีหลายรุ่น ลองดูได้ที่เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi