สิ่งลี้ลับ ความเชื่อเรื่องวิญญาณ และเรื่องแปลกเหนือธรรมชาติ ล้วนอยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนานครับ ยิ่งในยุคที่ทุกคนมีสมาร์ทโฟนติดตัว ทำให้เรามักพบเห็น “หลักฐาน” เป็นภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ดูน่าขนลุก ถูกแชร์ว่อนโลกอินเทอร์เน็ต ชวนให้เราสงสัยว่า… หรือผี วิญญาณ และเอเลี่ยน จะมีอยู่จริง?
ก่อนอื่นต้องกราบสวัสดี พี่ๆ น้องๆ ชาว Droidsans ทุกท่าน วันนี้ผมได้รวบรวม 5 ภาพถ่ายและวิดีโอ “สุดหลอน” ที่เคยเป็นไวรัล ทั้งภาพติดวิญญาณ UFO หรือสิ่งมีชีวิตประหลาด พร้อมพาไปไขเบื้องหลังภาพเหล่านั้นด้วย “วิทยาศาสตร์” ว่าแท้จริงแล้ว… มันหลอนจริง หรือเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด?
เรื่องที่ 1 : ชุดวิวาห์หลอน ซ้อนวิญญาณ
นี่คือภาพที่เป็นข่าวดังในปี 2023 เรื่องราวของว่าที่เจ้าสาว “เทสซา โคตส์” (Tessa Coates) ที่โพสต์ภาพถ่ายของเธอซึ่งถ่ายด้วย iPhone ขณะกำลังลองชุดเจ้าสาวหน้ากระจกในร้าน ภาพอาจดูปกติในแวบแรก แต่ดูภาพดีๆ แล้ว จะพบว่าภาพสะท้อนในกระจกสองบานกลับมีท่าทางที่แตกต่างกัน และที่น่าขนลุกคือ ไม่มีภาพสะท้อนใดตรงกับท่าทางจริงของเธอในขณะนั้นเลย

ในภาพจะเห็นว่ากระจกบานซ้ายสะท้อนภาพที่เธอกำลังยืนวางแขนไว้ข้างลำตัว แต่กระจกบานขวาสะท้อนภาพเธอกำลังกุมมือไว้บริเวณท้อง ในขณะที่ตัวเธอจริงๆ กำลังยกแขนข้างหนึ่งขึ้นและปล่อยอีกข้างลง ภาพนี้สร้างความตกตะลึงให้กับเธออย่างมาก เธอจึงโพสต์ลงใน Instagram พร้อมยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่ภาพตัดต่อ, ไม่ได้เปิดโหมดพาโนรามา, และไม่ได้เปิด Live Photo” และได้สอบถามไปยัง Apple เพื่อหาคำอธิบาย
ความจริงของเรื่องนี้เกิดจากการคำนวณที่ผิดพลาดของกล้อง ตามที่พนักงาน Apple ได้อธิบายกับเธอว่า “iPhone ไม่ใช่กล้องถ่ายรูป แต่มันคือคอมพิวเตอร์” ภาพสุดท้ายที่เราเห็นไม่ได้มาจากการบันทึกแสงโดยตรงเพียงครั้งเดียว แต่มันได้บันทึกภาพต่อเนื่องเป็นชุด (Burst Photos) อย่างรวดเร็ว ทั้งก่อนและหลังที่คุณจะกดปุ่ม

จากนั้นก็จะใช้อัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์ภาพทั้งหมด คัดเลือกส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละภาพ แล้วนำมารวมกันเป็นภาพสุดท้ายที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด

ความผิดพลาดในกรณีนี้เกิดจากการที่กล้องสแกนภาพจากซ้ายไปขวาเพื่อสร้างภาพสุดท้ายขึ้นมา ในช่วงเวลาที่กระบวนการนี้เกิดขึ้น เทสซา โคตส์ ได้ขยับแขนของเธอพอดี จากนั้นอัลกอริทึมได้นำภาพจากสามช่วงเวลาที่แตกต่างกันนี้ รวมกันเป็นภาพเดียว ทำให้เกิดเป็นภาพสุดท้ายที่ไม่ตรงกับหลักความเป็นจริง เป็นที่มาของภาพสุดหลอนภาพนี้นั้นเอง
ที่มา : PetaPixel, wheatpraylove
เรื่องที่ 2 : ภาพผีเด็กสาวที่กลางสวน
นี่คือเรื่องราวของผู้ใช้ Reddit รายนึงที่เขามาตั้งกระทู้ว่า เขาเพิ่งถ่ายภาพติดวิญาณได้จริงๆ หรือ? โดยเรื่องราวนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนสาธาณะแห่งนึง ในยามค่ำคืน เขาได้ยกกล้อง iPhone 13 มาถ่ายภาพไว้ โดยในภาพมีเด็กหญิงคนนึงเดินร่วมเฟรมอยู่ด้วย แต่ความน่ากลัวของภาพนี้ก็ปรากฎขึ้น เมื่อภาพแสดงให้เห็นถึงรูปร่างของเด็กสาวผิวขาวซีด ที่เลือนลาง ราวกับโปร่งแสง จนมองทะลุเห็นพื้นหลัง!?


เขาตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ เพื่อหาคำอธิบายของเรื่องนี้ พร้อมโชว์ภาพและคำอธิบายสั้นๆ ว่า เขาพยายามทำความเข้าใจเหตุการณ์นี้แล้ว แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ยืนยันว่าเด็กในภาพที่เห็นนั้นมีตัวตนจริง เพียงแต่ในภาพกลับแสดงรูปร่างของเด็กคนนั้นโปร่งใส จนมองทะลุ ราวกับผี ภาพนี้ถ่ายโดย iPhone 13 และได้มีการแนบข้อมูลรูปภาพให้ดูด้วย
ก่อนที่เราจะมาหาคำตอบของภาพนี้ ผมอยากให้รู้จักกับความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) กันก่อน

ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) คือระยะเวลาที่ม่านชัตเตอร์ของกล้องเปิดออกเพื่อให้แสงเข้ามาตกกระทบเซ็นเซอร์รับภาพ ในระหว่างการเปิดรับแสงนาน เซ็นเซอร์ของกล้องจะทำหน้าที่เหมือนผืนผ้าใบที่ค่อยๆ สะสมแสงตามระยะเวลาที่กำหนด หัวใจสำคัญของการสร้าง “วิญญาณโปร่งแสง” คือการให้บุคคลหรือวัตถุ หยุดนิ่งอยู่หน้ากล้องเพียงแค่ส่วนหนึ่งของระยะเวลาการเปิดรับแสงทั้งหมด แล้วจึงเคลื่อนที่ออกจากเฟรมไป เมื่อทำเช่นนี้ เซ็นเซอร์จะบันทึกภาพทั้งตัวบุคคลและพื้นหลังที่อยู่ด้านหลัง ทำให้ภาพทั้งสองซ้อนทับกัน เกิดเป็นร่างที่โปร่งแสงขึ้นมา

เมื่อลองมาดูข้อมูลรูปภาพที่เจ้าของกระทู้แนบไว้ให้ จะพบว่าตัวกล้องนั้นมีการเปิดความเร็วชัตเตอร์ (Speed Shutter) ไว้ที่ 1.5 วิ เนื่องจากเป็นภาพที่ถ่ายในเวลากลางคืน ที่มีแสงน้อย กล้องมือถือปัจจุบันจึงใช้เทคนิคในลากสปีดชัตเตอร์ให้นานขึ้น เพื่อเก็บแสง ให้ภาพมีความสว่างและรายละเอียดมากขึ้น เมื่อเด็กสาวในภาพมีการเคลื่อนไหวก็จะทำให้เกิดภาพที่ร่างกายโปร่งใส่ขึ้นได้นั่นเอง
ที่มา : Reddit
เรื่องที่ 3 : ผู้มาเยือนจากต่างดาว
ในปี 2566 “หมอปลาย พรายกระซิบ” ได้โพสต์ภาพที่สร้างความฮือฮาบนโซเชียลมีเดีย โดยเป็นภาพที่เธอยืนยันว่าถ่ายเองกับมือเมื่อกว่า 10 ปีก่อนในป่าแห่งหนึ่งที่ประเทศออสเตรเลีย ในภาพปรากฏวัตถุประหลาดที่เธอเชื่อว่าเป็น “มนุษย์ต่างดาว” พร้อมระบุว่า
“ใครไม่เชื่อ แต่เราเชื่อ ถ่ายเองกับมือเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ที่ออสเตรเลียค่ะ กล้องคือเด็กน้อยมาก แต่ได้รูปนี้มาคือประทับใจที่สุด 👽🛸 จงอย่าคิดแค่ว่าทั้งกาแล็กซีมีแค่มนุษย์อย่างพวกเรา พวกเค้าที่มาเที่ยวอาจจะมองเราเป็นสัตว์ประหลาดล้าหลังกว่าพวกเค้าก็ได้
ดูสารคดีต่างประเทศเยอะ ๆ แฟ้มคดีลับประธานาธิบดีก็มี เปิดหูเปิดนา เปิดใจ อย่าคิดว่าเราเก่งที่สุด ทั้งจักรวาลมีแค่เรา จงอย่าดูถูกคนอื่นถ้าคุณยังไม่เคยอ่านหนังสือทั้งหมดทุกเล่มที่มีบนโลกใบนี้ เชื่อเถอะว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง”

ทำให้เกิดประเด็นตีกลับจำนวนมาก ว่าภาพนี้น่าจะเป็น “แสงแฟลร์” ไม่ใช่ “เอเลียน” !!?
แสงแฟลร์ (Lens Flare) เกิดขึ้นเมื่อมีแหล่งกำเนิดแสงที่สว่างจ้า เช่น ดวงอาทิตย์ ส่องเข้ามาที่หน้าเลนส์โดยตรงหรือในมุมเฉียง แสงนี้จะเกิดการสะท้อนกลับไปกลับมาระหว่างพื้นผิวของชิ้นเลนส์ต่างๆ ภายในกล้อง ก่อนจะเดินทางไปตกกระทบบนเซ็นเซอร์ แสงสะท้อนที่เราเห็นนี้เรียกว่า “แฟลร์” ซึ่งมีได้หลายรูปแบบ เช่น

ภาพซ้อนจากเลนส์ (Optical Ghosting) ปรากฏเป็นจุดแสงหรือวงแสงที่มีรูปทรงต่างๆ เช่น วงกลม หรือรูปหลายเหลี่ยม (Polygon) สิ่งสำคัญคือ รูปทรงของภาพซ้อนนี้มักจะสะท้อนรูปทรงของม่านรูรับแสง (Aperture Diaphragm) ของกล้อง ซึ่งเป็นกลไกภายในที่มีใบมีดประกอบกันเป็นรูป 5 ถึง 8 เหลี่ยม

แฟลร์แบบฟุ้ง (Veiling Flare) มีลักษณะเป็นหมอกหรือฝ้าจางๆ ที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งภาพ ทำให้คอนทราสต์ลดลง

เมื่อพิจารณาในภาพ จะว่าลักษณะของเอเลียนนั้น ค่อนข้างสอดคล้องกับ “แสงแฟลร์” ที่เกิดจากการสะท้อนในเลนส์ ดังนั้นภาพดังกล่าวจึงอาจไม่ใช่เอเลียนจริงๆ (เว้นแต่ว่าเอเลียนนี้ อาจจะมาในรูปแบบของแสง ก็เป็นได้ 🤔)



ปัญหานี้เกิดขึ้นได้ในมือถือทุกรุ่น แม้กระทั่งใน iPhone 17 ที่ผมเพิ่งรีวิวในคราวที่แล้วก็ยังเจอปัญหาแฟลร์อยู่เลย ดังนั้น หาเจอวัตถุแสงสะท้อน เป็นรูปทรงต่างๆ ก็อย่าเพิ่งตกใจ คิดว่าเป็นสิ่งลี้ลับกันน้า
ที่มา : Ch3plus, Sanook, Photographylife, อีจัน
เรื่องที่ 4 : วงจรปิดติดวิญญาณ
ผู้ใช้ Reddit รายนึงได้โพสต์วิดีโอจากกล้องวงจรปิดในยามค่ำคืน ในช่วงแรกเป็นภาพที่ดูปกติดี แต่จู่ๆ ก็ปรากฏดวงไฟสีขาว กำลังลอยเคลื่อนผ่านหน้ากล้องรวมกับดวงวิญญาณกำลังลอยเคลื่อนที่ให้เห็น เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ใช้รายนี้มาตั้งกระทู้ถามชาวเน็ตว่า “ลูกกลมๆ นี่คือวิญญาณหรือว่าฝุ่น?”

เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูวิดีโอชวนขนหัวลุกได้เต็มๆ ที่นี่
ปรากฏการณ์นี้สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางฟิสิกส์ที่เรียกว่า Backscatter หรือ Near-Camera Reflection (การสะท้อนใกล้หน้าเลนส์) กล้องวงจรปิดส่วนใหญ่มีโหมดมองเห็นในตอนกลางคืน ซึ่งทำงานโดยใช้หลอดไฟ LED อินฟราเรด (IR) ยิงแสงออกไป

“ออร์บ” เกิดขึ้นเมื่อมีวัตถุขนาดเล็กมากๆ เช่น ฝุ่น ละอองน้ำ หรือแมลงตัวเล็กๆ ลอยอยู่ใกล้กับหน้าเลนส์ วัตถุหล่านี้จะถูกส่องสว่างด้วยแสงอินฟราเรดและสะท้อนแสงนั้นกลับเข้าสู่เลนส์โดยตรง
เนื่องจากฝุ่น หรือ แมลงเหล่านี้อยู่ใกล้เลนส์มากเกินไป มันจึงอยู่นอกระยะโฟกัส ระบบเลนส์ของกล้องจึงแสดงผลจุดแสงสะท้อนเล็กๆ ที่สว่างจ้านี้ออกมาเป็นภาพวงกลมขนาดใหญ่ เบลอ และสว่าง ซึ่งก็คือ “ออร์บ” นั่นเอง ส่วนการเคลื่อนที่ที่เห็นก็คือการลอยไปตามกระแสลมเท่านั่นเอง เพราะงั้นก็หายห่วง ไม่มีผีแน่นอน 👻
ที่มา : Reddit, Simplisafe
เรื่องที่ 5 : ทางผีผ่าน
คลิปวิดีโอนี้เป็นภาพจากถนนแห่งนึงในยามค่ำคืน ในบรรยากาศที่ดูเงียบเหงา ไร้การสัญจร มีเพียงแค่รถจอดไว้นิ่งๆ ตัววิดีโอก็ดำเนินไปอย่างปกติจนกระทั่ง จู่ๆ ก็มีรูปร่างลักษณะคล้ายชาย สะพายกระเป๋า กำลังเดินเคลื่อน ที่แปลกคือชายคนนี้โผล่ขึ้นมาเอง บริเวณมุมขวาของเฟรมภาพ ไม่ได้เดินจากถนนอีกฝั่งแต่อย่างใด ราวกับวาร์ปมาเองแบบในหนัง “Jumper” หรือไม่ นี่ก็คือวิญญาณที่วนเวียนอยู่แถวนั้น…ก้อ…เปนน….ด้ายยย
วิดีโอจากกล้องวงจรปิดนี้ มาจากผู้ใช้ Reddit รายนึง ที่เล่าว่าเพื่อนของเขาเชื่อว่านี่อาจเป็นผลมาจาก “เครื่องรบกวนสัญญาณ” มากกว่าจะเป็นแค่ความผิดพลาดทางเทคนิคหรือภาพซ้อนธรรมดาๆ (ซึ่งก็ดูสมเหตุสมผลนะ)

แล้วคำตอบของเหตุการณ์นี้เป็นอะไรได้บ้าง ?
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกันของหลายปัจจัยทางเทคนิค โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ระบบบันทึกวิดีโอพยายามประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
อัตราเฟรมที่แปรผันและการตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ล่าช้า เพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลและลดภาระการส่งข้อมูล (Bandwidth) ระบบกล้องวงจรปิดจำนวนมากจะตั้งค่าให้บันทึกวิดีโอด้วย อัตราเฟรมที่ต่ำมาก (เช่น 1 เฟรม ทุกๆ 3 วินาที หรืออาจจะนานถึง 3 นาที) เมื่อตรวจไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ ในฉาก

เมื่อระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ มันควรจะเพิ่มอัตราเฟรมขึ้นสู่ระดับปกติ (เช่น 15 เฟรมต่อวินาที) เพื่อบันทึกเหตุการณ์อย่างละเอียด ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวมักจะทำงานล่าช้า โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มี Noise รบกวนเยอะ จากแสงอินฟราเรดสูงทำให้กล้องต้องเพิ่มเกณฑ์การตรวจจับเพื่อป้องกันการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด ส่งผลให้การตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวจริงช้าลงไปอีก
นอกจากนี้ ระบบส่วนใหญ่มักไม่มีการบัฟเฟอร์วิดีโอล่วงหน้า (Pre-alarm Buffer) ซึ่งปกติจะบันทึกวิดีโอ 5 วินาทีก่อนเกิดเหตุการณ์ไว้ ดังนั้นกว่าที่ระบบจะสั่งการให้บันทึกด้วยอัตราเฟรมที่สูงขึ้น วัตถุ (เช่น คน) ก็ได้เคลื่อนที่ผ่านฉากไปเกือบทั้งหมดแล้ว วิดีโอที่ได้จึงเป็นการ “กระโดดข้ามเวลา” ตัดไปที่ภาพคนเดินผ่านในจังหวะสุดท้าย ทำให้ดูเหมือนว่าร่างนั้น “วาร์ป” หรือเคลื่อนที่เร็วผิดปกติเหมือนผี ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการที่ตัวเลขเวลาบนวิดีโอกระโดดข้ามไปทีละหลายวินาที

อีกส่วนนึงมาจากภาพเบลอ เนื่องจากในแต่ละเฟรมที่ถูกบันทึกได้ในสภาวะแสงน้อย กล้องยังคงต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำเพื่อให้ได้แสงเพียงพอ ทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวปรากฏเป็นภาพเบลอหรือเป็นเงาลากยาว ที่เรียกว่า CCTV Ghosting
ด้วยวิดีโอที่มีอัตราเฟรมต่ำและเบลออยู่แล้ว และยังถูกนำไปบีบอัดข้อมูลเพื่อลดขนาดไฟล์ ยิ่งทำให้รายละเอียดหายไป ภาพจะแตกเป็นบล็อกสี่เหลี่ยม (Blocking) และขอบของวัตถุจะดูเบลอหรือเป็นรอยเปื้อน (Smearing)
เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดมารวมกัน คือการกระโดดข้ามเวลาจากอัตราเฟรมที่ต่ำ, ภาพเบลอในแต่ละเฟรมจากความเร็วชัตเตอร์ต่ำ, และการสูญเสียรายละเอียดจากการบีบอัดข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพของเงาคนที่โผล่มากลางเฟรมอย่างปริศนานั่นเองงง
ที่มา : Reddit, blog.biamp
สรุปส่งท้าย 👻
แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปแค่ไหน แต่สิ่งที่อยู่คู่กับเรามานานก็คือความเชื่อเรื่องผี วิญญาณ สิ่งลี้ลับ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลกครับ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เวลามีการบันทึกภาพหรือวิดีโอที่ดู “ผิดปกติ” ไปจากเดิม เรามักจะตีความไปก่อนว่านั่นคือสิ่งลี้ลับที่สิงสถิตอยู่หรือเปล่า
ซึ่ง 5 ตัวอย่างที่นำมาเล่าให้ฟัง ก็เป็นกรณีที่ชัดเจนว่า แม้ภาพจะดูน่ากลัวหรือหลอนแค่ไหน สุดท้ายก็มักจะมีข้อสังเกตหรือคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ให้เราได้ชั่งใจว่าความจริงแล้ว…มันเกิดจากอะไรกันแน่
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาลบหลู่หรือบั่นทอนความเชื่อของใครนะครับ โดยส่วนตัว ผมเองก็โตมากับ The Shock, คนอวดผี แถม Podcast โปรดของผมก็คือ The Ghost กับ ยูธูป 😆 เพราะฉะนั้น ต่อให้จะมีเหตุผลมารองรับแค่ไหน แต่ถ้าใจเรา “อยากหลอน” ก็ขอ “‘งมงาย” กันต่อไปได้เลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ เจอกันใหม่คราวหน้า… ขอให้โชคดีไม่เจอกุ๊กกู๋ครับ


ภาพผีเด็กสาวในสวน ถึงจะไม่ใช่ผีจริงๆ ก็เถอะ แต่ถ้าสปีดชัตเตอร์ช้าขนาด 1.5 วินาที ทำไมตัวเด็กไม่เบลอเลย คือตัวนิ่งภาพคมชัดมากเหมือนปกติ แค่มีส่วนโปร่งใสเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอย่างที่คนส่วนใหญ่(หรือส่วนน้อย) รู้กันว่า ถ้าสปีดชัตเตอร์ช้า ภาพมันจะเบลอเมื่อมีการขยับ ถ้าไม่ขยับก็จะไม่เบลอ แต่ถ้าไม่ขยับแล้วทำไมจึงเห็นพื้นหลังได้ล่ะ