เราได้เห็นพลเอกประยุทธ์ใช้ ม.44 บังคับกรุยทางหรือดำเนินงานในเรื่องต่างๆให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นมาในหลายๆกรณี ทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ แต่ล่าสุดคำสั่ง ม.44 นี้น่าจะทำให้หลายๆคนได้เฮ เมื่อสั่งแก้ไขข้อกฎหมายหลายส่วน เช่น ประชาชนหรือผู้ติดต่อไม่ต้องเตรียมสำเนาเอกสารราชการมายื่นแล้ว แต่หน่วยงานมีหน้าที่รับผิดชอบจัดหาเอกสารนั้นจากต้นทางเอง หรือถ้าอยากได้สำเนาก็ต้องถ่ายเอกสารให้ผู้มาติดต่อด้วย และอีกหลายเรื่อง เพื่อปรับปรุงข้อกฎหมายที่ล้าหลัง เพิ่มความสะดวกในการประกอบธุรกิจในประเทศมากขึ้นนั่นเอง
ต้นสายปลายเหตุของคำสั่ง ม.44 ครั้งนี้ มาจากการที่ ธนาคารโลกจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศ โดยทางรัฐบาลพยายามปรับปรุงหลายอย่างให้สอดคล้องกับรายงานผลของธนาคารโลก แต่อุปสรรคสำคัญคือความยุ่งยากของขั้นตอนในกฎหมายเดิม จึงจำเป็นต้องมีการคำสั่ง ม.44 ในครั้งนี้
ในประกาศนี้มีคำสั่งทั้งหมด 18 ข้อ ซึ่งมีสาระสำคัญที่น่าจะแก้ไขความปวดหัวสำหรับผู้ประกอบการทั้งไทยและเทศ ซึ่งถ้าใครที่เป็นเจ้าของกิจการและเคยติดต่อหน่วยงานรัฐจะรู้ถึงความวุ่นวายและล้าหลังแบบสุดๆ ต้องเตรียมเอกสารและสำเนามากมาย จนงงว่านี่เราอยู่ในปี 2017 เหมือนนานาอารยประเทศจริงรึเปล่า ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวระบบก็น่าจะติดล็อคอะไรอยู่มากมาย จะสั่งการอะไรให้ทำก็เป็นไปอย่างยากลำบากตามสไตล์ราชการ แต่เมื่อท่านนายกได้สั่งการลงมาด้วย ม.44 จึงเหมือนเป็นการเอาค้อนทุบสั่งให้ต้องเปลี่ยนแปลงโดยไม่สามารถโต้แย้งได้ ซึ่งสาระสำคัญของประกาศนี้ เราสามารถย่อยได้มาเป็น 4 เรื่องใหญ่คือ
- ขอแก้ไขข้อมูลบริษัทจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ที่จดทะเบียน
- อนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศล้มละลายทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
- กรณีหน่วยงานรัฐต้องการเอกสารราชการของผู้ติดต่อ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นที่ต้องประสานงานหาเอาเองจากต้นทาง
- กรณีหน่วยงานรัฐต้องการสำเนาเอกสารราชการของผู้ติดต่อ ให้เป็นหน้าที่หน่วยงานนั้นที่ต้องเป็นฝ่ายทำสำเนาให้ และห้ามเรียกเก็บค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ดี อย่าเพิ่งรีบเฮไปว่าหน่วยงานราชการทั้งหมดจะไม่เรียกขอเอกสารจากคุณอีกต่อไป เพราะว่าประกาศนี้ครอบคลุมแต่เพียงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจเท่านั้น ไม่รวมถึงหน่วยงานรัฐทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และก็ต้องให้เวลาในการปรับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ เห็นว่ามีการเตรียมระบบหลังบ้านกันอยู่อย่างเต็มที่เช่นกัน
ยังมีอีกหลายมาตราที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ ใครสนใจลองอ่านเพิ่มเติมได้จาก คำสั่ง ม.44 ฉบับเต็มในที่มาด้านล่างนี้เลยครับ
ผมก็เบื่อถ่ายบัตรประชาชนครับ
แต่อาชีพถ่ายเอกสารกับ
อาชีพขายกระดาษอาจจะไม่เห็นด้วยครับ
ร้านรับถ่ายเอกสารในสถานที่ราชการหมดอาชีพเลยทีนี้ พวกนี้เซ้งมาหลายตังค์ด้วยกว่าจะได้มาถ่ายเอกสารในนั้น บางที่ใบละสองบาทด้วยโหดร้ายมาก สมน้าหน้าเลยทีนี้
มองอีกมุม ขอคิดลบ
หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน จะเป็นที่เปิดเผยมากขึ้น
สำเนาบัตรประชาชน อาจหลุดออกมาจากหน่วยงานไหนก็ได้
หากมีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ใครจะเป็นรับผิดชอบ
ลายเซ็นกำกับ ใครก็ปลอมกันได้
แบบว่าให้หน่วยงานรัฐก็อปปี้ให้โดยตรงกับร้านถ่ายเอกสารทำให้นี่ผมมั่นใจหน่วยงานรัฐมากกว่านะ
ผมว่าถ้าไม่เริ่ม มันก็ไม่ได้เปลี่ยน ขอสนับสนุนครับ อะไรไม่ดีก็แก้กันไป
ให้ดี ไม่ควรใช้เลย น่าจะเป็น paperless ด้วยซ้ำ
บัตรประชาชนก็มีชิปอยู่แล้ว เอวัง
เห็นด้วยกับคุณ Muntai ว่า ควรทำเป็น Paperless ซึ่งเคยมีรัฐบาลไหนก็ไม่รู้พูดมาหลายปีแล้ว แต่หน่วยงานราชการนี่ล่ะตัวดี ขออยู่ได้ กว่าจะยกเลิกการขอทะเบียนบ้านได้ก็หลายปีอยู่
ตอนนี้บัตรมี Chip แล้วแม้แต่เด็กยังมี ให้หน่วยงานรัฐติดตั้งเครื่องอ่านแบบไปรษณีย์หรืออย่างเอกชนอย่างผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยังมีเลย แล้วโยงเข้ากับฐานข้อมูลกระทรวงมหาดไทย ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวสำเนากระดาษโดนเอาไปปลอม แต่ต้องเก็บตัวบัตรไว้ให้ดี ๆ ไม่งั้นก็สอดบัตรคู่กับแสกนลายนิ้วมือไป หน่วยงานรัฐเองก็ลดภาระเก็บสำเนากระดาษ ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวทั้งสองฝ่าย
เคยเจอโรงพยาบาลที่เคยอยู่ในสังกัดรัฐ ขอสำเนาบัตรทั้งหน้าและหลัง(ซึ่งมีรหัสหลังบัตรด้วย) น่ากลัวมากเพราะมีหลาย ๆ เวปไซท์ อย่างสรรพากรที่ใช้รหัสหลังบัตรเป็นตัวเช็ค (ทำนองเดียวกับบัตรเครดิต) ซึ่งแบบนั้นหลุดไปเนี่ย ทำได้หลายอย่างเลย แต่ก็ต้องให้ไป ไม่งั้นไม่ยอมทำเวชระเบียนให้
เป็นแนวคิดที่ดีครับ แต่ผมว่าจริงๆแล้วเราไม่ควรพกบัตรมากมายด้วยซ้ำ ในทุกวันนี้ แทบจะทุกคนมีสมาร์ทโฟนกันหมดแล้ว ตั้งแต่เด็กนักเรียนไปจนถึงผู้สูงอายุ ผมว่าบัตรประชาชนควรจะเป็น Electronics Card ได้แล้ว พัฒนา Application ขึ้นมา เหมือนในอเมริกา เค้ามีใบขับขี่บนโมบาย เวลาเจ้าหน้าที่ขอดูใบขับขี่ ถ้าใครใช้โทรศัพท์ที่ Scan ลายนิ้วมือได้ก็เปิดข้อมูลบัตรขึ้นมาจาก Application อีกอย่างเราก็ไม่ต้องพกบัตรอีกต่อไป แถมทำให้มันสามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลรัฐได้เลย แบบนี้สิถึงจะเรียกว่า แก้ไขอย่างแท้จริง
อ๋อ ดีจัง พอไปถึงก็ให้ราชการถ่ายสำเนาให้ ถ่ายมาเยอะๆด้วยนะ จะได้ไว้ไปทำอย่างอื่น
พองบกระดาษ กับเครื่องถ่ายเพิ่ม ก็บอกว่าราชการเอาไปใช้ส่วนตัว เหอเหอ
เมื่อก่อนผมสมัครสอบ จะต้องเตรียมหลักฐานเป็นปึก คือเอาทุกอย่างเหมือนยังกับว่าคุณสอบได้แล้ว
แต่ที่ไหนได้แค่สมัครสอบเอง แต่เดี๋ยวนี้สมัครสอบออนไลน์ไปจ่ายตังที่ธนาคาร ก็สามารถสมัครสอบได้แล้ว
ถ้าใครสอบผ่านรอบแรกค่อยเตรียมหลักฐานให้ครบตามระเบียบที่เขาวางไว้ พึ่งจะมาปรับตัว ผมไม่พูดว่าหน่วยงานไหน…
ที่รัฐไม่ทำpaperless เพราะ server รัฐอาจจะไม่ดีพอ พอระบบล้มก็ทำอะไรต่อไม่ได้ ยิ่งระบบล้มข้อมูลหายจบกันเลย