จากที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้เพิกถอนมติ ‘ควบรวมทรูดีแทค’ รวมทั้งประกาศและนิติกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา – ล่าสุด วันนี้ ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว
ทำไมศาลปกครองจึงรับคำฟ้องมูลนิธิผู้บริโภค
ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า เมื่อผู้ฟ้องคดีเป็นมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภค ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิ์อันพึงมีพึงได้ และยังเป็นผู้ใช้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของดีแทค จึงได้รับผลกระทบจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ถือเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหาย หรืออาจเดือดร้อนเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จากการกระทำของทรูและดีแทค
การจะแก้ไข บรรเทาความเดือดร้อน หรือความเสียหายที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับนั้น ต้องมีคำบังคับของศาลปกครองตามมาตรา 72 วรรค 1 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 โดยสั่งให้เพิกถอนมติของ กสทช.ดังกล่าว มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงเป็นผู้มีสิทธิ์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองตามมาตรา 49 วรรค 1 แห่งกฎหมายเดียวกัน
ยื่นฟ้องเกินระยะเวลา ตามกฎหมาย ทำได้หรือไม่
ส่วนประเด็นเรื่องระยะเวลาการฟ้องคดี ที่ถึงแม้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา ตามมาตรา 49 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 แต่ศาลปกครองเล็งเห็นว่า
- บริการโทรคมนาคมเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน
- ตลาดโทรคมนาคมมีลักษณะเป็นการกึ่งผูกขาดโดยธรรมชาติ เพราะมีผู้ประกอบการน้อยราย
- การควบรวมธุรกิจกระทบต่อการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลถือได้ว่าการฟ้องคดีเป็นไปเพื่อประโยชน์อันเกิดแก่การจัดทำบริการสาธารณะโดยตรง ศาลปกครองจึงมีอำนาจรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาได้ตามมาตรา 42 วรรค 2 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว
ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาตามคำสั่งศาลปกครองแล้ว เตรียมพิพากษาตามรูปคดีต่อไป บทสรุปจะลงเอยเช่นไร ต้องรอติดตาม
อ่านเพิ่มเติม
- ควบรวมทรูดีแทค เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ ใช้ชื่อ ‘บริษัททรูคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน)’
- กสทช.เตรียมประมูลคลื่น 4 ย่าน ปี 2569 พร้อมเร่งแก้ปัญหา เน็ตช้า ราคาแพง
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
นึกเองเออเองก็ได้นะ แปลกดี