งานวิจัยล่าสุดจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ AI อย่าง ChatGPT ต่อการทำงานของสมองมนุษย์ งานนี้ถือเป็นหนึ่งในความพยายามแรก ๆ ที่นำการสแกนสมองและการวิเคราะห์คลื่นสมองมาใช้ในการวัดผลโดยตรง เพื่อทำความเข้าใจว่า AI ส่งผลต่อกระบวนการคิด ความจำ และความคิดสร้างสรรค์อย่างไร

ทีมนักวิจัยได้แบ่งอาสาสมัครออกเป็น 3 กลุ่มชัดเจน ได้แก่ กลุ่มที่ใช้ ChatGPT ในการช่วยเขียนเรียงความ กลุ่มที่ไม่ใช้ AI เลย และกลุ่มที่ใช้ Google เพื่อค้นหาข้อมูลประกอบการเขียน แต่ไม่ได้ให้ AI ช่วยเขียนโดยตรง จากนั้นจึงมอบหมายงานให้ทั้งสามกลุ่มเขียนเรียงความและทำการตรวจสอบการทำงานของสมองผ่านการสแกนและวัดคลื่นสมองในช่วงต่าง ๆ

ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจไม่น้อย โดยพบว่ากลุ่มที่ใช้ ChatGPT มีความจำระยะสั้นลดลงอย่างชัดเจนถึง 83% อธิบายง่าย ๆ คือไม่สามารถจำเนื้อหาที่ตัวเองเพิ่งเขียนไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ การเชื่อมต่อของสมองหรือ brain connectivity ลดจากค่ามาตรฐาน 79 เหลือเพียง 42 ซึ่งคิดเป็นการลดลงราว 47% และแม้จะหยุดใช้ ChatGPT ไปแล้ว แต่การทำงานของสมองก็ยังต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่เคยใช้มาโดยตลอด

ในขณะเดียวกัน เนื้อหาที่สร้างจากกลุ่มผู้ใช้ AI แม้จะถูกต้องในเชิงเทคนิค แต่กลับถูกประเมินว่าขาดความลึกซึ้ง ดูแข็งทื่อ และไร้ชีวิตชีวา แตกต่างจากกลุ่มที่เขียนเองหรือใช้ Google ช่วยค้นข้อมูลซึ่งผลงานมีเอกลักษณ์และมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าอย่างชัดเจน

การทดลองยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะนักวิจัยได้เพิ่มขั้นตอนรอบถัดมา โดยให้อาสาสมัครกลับมาแก้ไขเรียงความเดิม แต่ครั้งนี้สลับบทบาทกัน กลุ่มที่เคยใช้ ChatGPT จะต้องเขียนเองโดยไม่ใช้ AI ส่วนกลุ่มที่ไม่เคยใช้ ChatGPT สามารถใช้ได้ ผลปรากฏว่ากลุ่มที่เคยพึ่งพา ChatGPT พบความสับสนมากขึ้น จำรายละเอียดในงานเดิมได้ไม่ครบ และเมื่อสแกนสมองพบว่าคลื่น Alpha และ Theta ต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับการข้ามกระบวนการสร้างความจำในรอบแรก ทำให้แก้ไขงานได้ยากกว่าเดิม

ในทางกลับกัน กลุ่มที่เพิ่งใช้ ChatGPT เป็นครั้งแรกกลับมีการทำงานของสมองที่กระฉับกระเฉงขึ้น เพราะพวกเขามีโครงสร้างเนื้อหาที่สร้างด้วยความคิดของตนเองมาก่อน และสามารถใช้ AI มาช่วยปรับปรุงให้สมบูรณ์ขึ้นโดยไม่สูญเสียความคิดสร้างสรรค์

แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขอบเขตเล็กและมีจำนวนอาสาสมัครไม่มาก แต่นักวิจัยจาก MIT ระบุว่าผลลัพธ์เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญว่า การใช้ AI อย่างเหมาะสมควรเป็นการเสริม ไม่ใช่แทนที่ความคิดของมนุษย์ เพราะแม้ AI จะช่วยให้ทำงานเสร็จเร็วขึ้น แต่การพึ่งพามากเกินไปอาจกระทบต่อกระบวนการเรียนรู้ ความจำ และความคิดสร้างสรรค์ในระยะยาว

MIT วางแผนที่จะขยายการศึกษานี้ให้ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างที่กว้างขึ้น เพื่อสำรวจผลกระทบของ AI ต่อสมองในมิติที่ลึกและยาวนานขึ้น พร้อมทั้งหาวิธีที่ทำให้การใช้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของมนุษย์โดยไม่ลดทอนความสามารถในการคิดและสร้างสรรค์

ที่มา : Time MIT