AIS ได้รับสิทธิ์จาก กสทช. ให้ใช้คลื่นความถี่ 700MHz ชุดที่ 3 ในช่วงความถี่ 723 – 733MHz คู่กับ 778 – 788MHz (ความกว้าง 2 x 10MHz) ซึ่งการที่ AIS ได้คลื่นความถี่ 700MHz มาในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการให้บริการ 5G ที่กำลังจะมีขึ้นภายใน 2 – 3 ปี ข้างหน้านี้นั่นเอง

หลังจากที่ AIS ได้ทำการศึกษาร่วมกับเหล่ายริษัทที่ปรึกษาระดับโลก เกี่ยวกับประโยชน์ของคลื่นความถี่ 700MHz แล้ว ก็พบว่าการผสมผสานคลื่นในย่านความถี่สูง (สูงกว่า 6GHz) ย่านกลาง (2 – 6GHz) และย่านต่ำ (ต่ำกว่า 2GHz) จะช่วยให้การให้บริการ 5G มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม เนื่องจากคลื่น 700MHz นับเป็นคลื่นความถี่มาตรฐานของเทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพในด้านความครอบคลุมมากกว่า 

โดยการที่ AIS ได้คลื่นความถี่ 700MHz ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสร้างความพร้อมสำหรับการให้บริการ 5G ที่จะเกิดขึ้นภายในอีก 2– 3 ปี ข้างหน้า รวมถึงความพร้อมทั้งในเชิงอุปกรณ์โครงข่ายและเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมถึงบริการที่รองรับคลื่นความถี่ 700MHz ที่จะมีมากขึ้นในประเทศไทย

นอกจากนี้ถ้านำคลื่นความถี่ 700MHz มาผสมผสานในโครงข่ายปัจจุบัน ยังมีประโยชน์ในการขยายความจุ (Network Capacity) และความครอบคลุมของโครงข่ายที่มีอยู่แล้ว ช่วยให้สามารถตอบสนองการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้อีก และยังทำให้ประหยัดเงินลงทุนที่ต้องใช้สำหรับการขยายสถานีฐานเพิ่มเติม ทำให้โครงข่ายโดยรวมมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานภายในอาคารอีกด้วย

และหลังจากที่ AIS ได้รับสิทธิการใช้คลื่น 700MHz ไปแล้ว ก็ขอต่อด้วยการโชว์ประสิทธิภาพการทดสอบเทคโนโลยี 5G ที่ใช้งานควบกับ AIS Super Wifi ออกมาเป็น NEXT G+ ที่สามารถทำความเร็วในการ Download ได้มากถึง 1,390 Mbps และความเร็ว Upload ได้ถึง 474 Mbps เลยทีเดียว 

Play video

ความเร็วสูงสุดที่ได้จากบริการ 5G แบบนี้ อาจได้นำมาใช้จริงในบริการเสมือนจริงต่างๆ (Virtual Reality/Augmented Reality) เช่น การเพิ่มประสบการณ์รับชมคอนเสิร์ตและกีฬา การเล่นเกม การให้บริการด้าน IoT (Internet of Things) รวมไปถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านแบบไร้สาย (Fixed Wireless Access) อีกด้วย