IoT หรือ Internet of Things เป็นคำที่ตอนนี้น่าจะเริ่มได้ยินกันจนชินหูพอสมควรละ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะคิดว่าไกลตัวหรือยังไม่ค่อยมีอะไรให้ใช้เท่าไหร่ แต่ต้องบอกว่าปัจจุบันมันน่าจะเริ่มใกล้ตัวเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ด้วยการนำของ AIS ที่เตรียมเครือข่ายไว้เรียบร้อย และวันนี้ก็แถลงข่าวจับมือกับ Samsung (เครื่องใช้ไฟฟ้า) Property Perfect (อสังหาฯ) และ Mobike (ขนส่ง) กับโปรเจกต์ Perfect Smart City

มาดูกันว่า Property Perfect ปรับให้โครงการต่างๆทำอะไรได้บ้างผ่านการใช้งาน IoT

ก็ไม่ได้มีแค่ภาพโฆษณาสวยๆนะ แต่มีการเริ่มให้ใช้จริงแล้ว เช่น โคมไฟถนนอัจฉริยะที่ทำงานอัตโนมัติ, กล้อง CCTV ที่ใช้พลังงานจากโซล่าเซล, Smart Tracking ให้คนนอกติดตัวเอาไว้ติดตามตำแหน่งได้ เริ่มใช้แล้วที่ เพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ

หรือ Face Recognition ระบบจดจำใบหน้าในการผ่านเข้าออกก็เริ่มใช้แล้วในโครงการคอนโด Metroluxe Rose Gold พหล-สุทธิสาร, Metroluxe รัชดา และ Metrosky วุฒากาศ

และ Smart Shuttle Service ระรับส่งโครงการ-สถานีรถไฟฟ้า ตรวจสอบตำแหน่งและเวลารถ, Mobike จักรยานที่ปลดล็อคได้ด้วยแอพ ก็มีให้ใช้แล้วในอีกหลายโครงการเลยครับ 

ปัจจุบัน Mobike มีให้บริการในเชียงใหม่-กรุงเทพฯ นะครับ โดยในเชียงใหม่จะมีให้บริการมากถึง 4,000 คัน ส่วนนกรุงเทพจะยังให้บริการแบบจำกัดอยู่ในบางสถานที่ เช่น ม.เกษตรฯ, หน่วยงาน EGAT, และในโครงการบ้าน-คอนโดของ Property Perfect ครับ

ส่วนเหล่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของ Samsung ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้นี่ก็สามารถหาซื้อกันได้ตามท้องตลาดเลยนะครับ เห็นว่าต่อไปจะรวมศูนย์สามารถควบคุมได้ผ่านแอปของทาง AIS ตัวเดียวอยู่ ไม่ต้องสลับไปมาอีกต่อไปครับ

ต้องรอดูว่าจะมีโครงการอสังหาฯเจ้าไหนจะปรับตัวตาม ให้สิ่งอำนวยความสะดวกแบบนี้กันอีกมั่งนะ

AIS NB-IoT ผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ Smart City

หลายๆคนเห็นเทคโนโลยีข้างต้นแล้วอาจจะสงสัยว่ามันต่างอะไรกับอุปกรณ์หลายๆตัวที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ในปัจจุบัน ซึ่งต้องบอกว่าความแตกต่างหลักๆเลยจะอยู่ที่การเชื่อมต่อของอุปกรณ์ จากปกติที่เราเห็นต้องใช้เป็น WiFi หรือ Smartphone สักเครื่องนึง เพื่อต่อเข้ากับ Cloud เพื่อการประมวลผล การเชื่อมต่อแบบนี้หลายครั้งเกินความจำเป็น ทำให้ต้องกินไฟปริมาณมากจนต้องเสียบปลั๊กหรือชาร์จแบตตลอดเวลา แต่เมื่ออุปกรณ์เหล่านี้เปลี่ยนมาใช้การเชื่อมต่อเป็น NB-IoT แทน จะสามารถลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงใช้แบตแค่ก้อนเดียว สามารถอยู่ได้เป็น 10 ปี

ลองนึกภาพของระบบติดตามบุคคลหรือรถยนต์ที่ติดตั้งเอาไว้แล้วไม่ต้องทำอะไรอีกเป็น 10 ปี มันจะสบายแค่ไหน ไม่ต้องมานั่งชาร์จตลอดเวลา หรืออย่างระบบท่อส่งพลังงานของ ปตท.ที่มีการติดตั้งเซนเซอร์เอาไว้ คอยตรวจเช็คสถานะได้ ไม่ต้องใช้ช่างเดินไปตรวจสอบเองจะสะดวกแค่ไหน หรืออย่าง Mobike นี่ก็เป็นหนึ่งในบริการที่ใช้ NB-IoT ในการติดตั้งลงไปในจักรยานเพื่อควบคุมเลย

สเปคของ AIS NB-IoT

  • รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100,000 ชิ้นต่อสถานีฐาน
  • อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้มากกว่า 10 ปีขึ้นไป
  • ค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งในการทำอุปกรณ์และค่าบริการต่อปี (NB-IoT Shield ราคา 1,190 บาท, ส่วนค่าบริการคิดเป็นรายปี ปีละ 350 บาท unlimited data)
  • ใช้คลื่น 900MHz ความกว้างคลื่นประมาณ 200K

ใครต้องสนใจ AIS NB-IoT

สำหรับคนทั่วไปคงไม่ได้ต้องสนใจอะไรมากมาย อ่านเอาไว้ประดับความรู้เฉยๆก็น่าจะเพียงพอ ถ้าไม่ได้คิดจะซื้อบ้านใหม่เร็วๆนี้ แต่สำหรับคนที่เป็นผู้ประกอบการ อยากจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในองค์กร ต้องบอกว่า NB-IoT จะเป็นตัวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ มันเอาไว้ทำอะไรได้เยอะมาก ลองคิดดูว่าถ้าเราจำสามารถต่ออินเทอร์เน็ตให้สิ่งต่างๆในธุรกิจ หรือติดตามสิ่งต่างๆในกิจการได้ จะช่วยให้ธุรกิจของเราทำงานง่ายขึ้นได้ขนาดไหน ปัจจุบันเริ่มเห็น Startup สร้างสรรค์บริการใหม่ๆที่ใช้งานบนพื้นฐาน NB-IoT กันเรื่อยๆ โดยเฉพาะในการทำระบบเกษตรกรรมอัจฉริยะ (smart farming), ระบบจัดการเมืองด้วยเซ็นเซอร์ (smart city), หรือการทำนายจัดการสภาพอากาศ (smart environment) นั่นเอง