มือถือรุ่นท็อปเรือธงประจำต้นปี 2020 ของทางฝั่ง Android แน่นอนว่าหลายคนต้องคิดถึง Samsung Galaxy S20 Series ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยคราวนี้ขนมาด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น คือ S20, S20+ และ S20 Ultra โดยแต่ละรุ่นจะมีฟีเจอร์อะไรเด็ดๆ บ้างไปดูกันเลยครับ

กล้อง 108MP พร้อม Space Zoom พลังการซูมสูงสุดถึง 100 เท่า

ไฮไลท์ของรุ่นนี้เลยที่ชูโรงออกมาก่อนตั้งแต่เปิดตัวคือ กล้อง Galaxy S20 Series มีความละเอียดสูงสุดถึง 108MP ใหญ่ขนาดที่สามารถเอาไปปริ้นท์แปะบนตึกได้ ซึ่งจะมีเฉพาะรุ่น S20 Ultra เท่านั้น โดยแต่ละรุ่นจะมีรายละเอียดกล้องหลังตามนี้ คือ

  • Galaxy S20 : 12MP (Wide) + 64MP (Tele) + 12MP (Ultrawide) / กล้องหน้า 10MP
  • Galaxy S20+ : 12MP (Wide) + 64MP (Tele) + 12MP (Ultrawide) + ToF / กล้องหน้า 10MP
  • Galaxy S20 Ultra : 108MP (Wide) + 48MP (Tele) + 12MP (Ultrawide) + ToF / กล้องหน้า 40MP

และฟีเจอร์ทีเด็ดที่สุดอีกอย่างคือ เป็นกล้องมือถือที่สามารถซูมได้มากที่สุดในโลก ณ เวลานี้เลยทีเดียวกับ Galaxy S20 Series ที่มาพร้อมกับ Space Zoom ที่ซูมได้ถึง 100 เท่านี้ โดยฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับเฉพาะ S20 Ultra เท่านั้น ส่วน S20 และ S20+ จะสามารถซูมได้สูงสุด 30 เท่า ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปมากๆ แล้ว

เรียงลำดับจากซ้ายไปขวาคือ Ultra Wide x0.5 -> ซูม X30 -> ซูม X100

จะเห็นว่าตัวกล้องอยู่บนอีกฝั่งหนึ่งของสะพาน Golden Gate สามารถซูมข้ามสะพาน ข้ามไปอีกฝั่งได้อย่างชิวๆ แต่ต้องมีขาตั้งกล้องช่วยหน่อยนะ ไม่งั้นภาพก็มีอาการสั่นเหมือนกัน

 

ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 8K พร้อมมีลูกเล่นเพียบ

เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มือถือ Samsung สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงถึง 8K (7680 x 4320) พร้อมกับมีฟีเจอร์ VIDEO SNAP เพื่อครอปภาพในวิดีโอ ซึ่งได้ความละเอียดสูงถึง 33MP คมชัดมากๆ

โหมด Single Take คือกดปุ่มถ่ายค้างไว้ 10 วินาที จะได้ทั้งภาพและวิดีโอที่คมชัด โดยมี AI มาช่วยประมวลผลเพิ่ม พร้อมกับมี Super Steady กันสั่นสุดเทพเหมือนกับรุ่นพี่ Note10 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอจะมีโหมด Pro เพิ่มเข้ามาด้วย ใช้สำหรับตั้งค่า ปรับแสง สปีดชัตเตอร์ ISO ได้เหมือนกับกล้องโปรเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน

มีแอปตัดต่อได้ในมือถือเสร็จสรรพ

ลักษณะการทำงานสามารถทำได้แทบไม่ต่างจากบนคอม จะแก้ไขตัดต่อ แทรกวิดีโอ แทรกภาพ หรือเพิ่มคำบรรยาย เร่งลดความเร็วได้หมด โดยรองรับไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K

จอแสดงผล 120Hz

หลายค่ายไป 90Hz ก่อน แต่ Samsung กระโดดข้ามไปจอ 120Hz เลย ซึ่งแน่นอนว่าได้ความลื่นไหลที่สมูทกว่า สบายตากว่า โดยตัวเครื่องสามารถปรับได้ 2 ระดับคือ 60Hz กับ 120Hz

RAM มาตรฐานใหม่ LPDDR5 สูงสุด 16GB

ก้าวข้ามไปอีกระดับสำหรับมาตรฐาน Ram มือถือระดับเรือธงรุ่นใหม่สมัยนี้ ชนิดที่เรียกได้ว่าแซงคอมแซงโน้ตบุ๊คไปแล้ว โดยใช้มาตรฐานเป็น LPDDR5 พร้อมกับมีขนาดใหญ่สุดถึง 16GB บน S20 Ultra เยอะกว่าคอมอีก โดยแต่ละรุ่นมีขนาด Ram ดังนี้

  • Galaxy S20 : 8GB / 12GB
  • Galaxy S20+ : 8GB / 12GB
  • Galaxy S20 Ultra :  12GB / 16GB

แบตสูงสุด 5,000 mAh ชาร์จไวสุด 45W

หลายคนบ่นมาตั้งแต่ Note10 ก่อนหน้านี้มาให้แบตมาน้อยไปหน่อย ซึ่งคราวนี้ Samsung ให้แบบจัดเต็ม แต่ละรุ่นมีแบตดังนี้คือ

  • Galaxy S20 : แบต 4,000 mAh / รองรับชาร์จไวสูงสุด 25W
  • Galaxy S20+ : แบต 4,500 mAh / รองรับชาร์จไวสูงสุด 25W
  • Galaxy S20 Ultra : แบต 5,000 mAh / รองรับชาร์จไวสูงสุด 45W (ต้องซื้อหัวชาร์จแยก)

สตรีมเล่นเกม Xbox ได้

เห็นตอนแรกก็แอบรู้สึกงงๆ ว่า เอ๊ะมันคือ Stream เกมจากเครื่อง Xbox ที่อยู่บ้านมาไว้ที่มือถือหรือเปล่า คล้ายกับเครื่อง PS4 ที่ทำได้แล้วก่อนหน้านี้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เป็นบริการใหม่ที่ทาง Samsung จับมือกับ Microsoft ทำบริการ Cloud Gaming เท่ากับว่าเราไม่จำเป็นต้องมี Xbox ก็สามารถเล่นเกมได้โดยใช้บริการ Streaming บน Cloud แทน

กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68

ฟีเจอร์กันน้ำนี้เท่ากับรุ่นพี่ Note10 เลยคือ ตัวเลข 6 สามารถป้องกันฝุ่นได้ 100% ฝุ่นไม่สามารถเข้าไปในเครื่องได้ เเละเลข 8 หมายถึง สามารถป้องกันน้ำจากการจมได้ลึก 1.5 เมตรไม่เกิน 30 นาทีด้วยกันครับ