Amazfit เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ GTR 4 และ GTS 4 โดยทั้งสองรุ่นมาแม้ว่าจะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันแบบคนละแนวไปเลย โดยตัว GTR4 จะใช้ดีไซน์หน้าปัดกลมเหมือนนาฬิกาทั่วไป ดูมีความเคร่งขรึมบึกบึน ส่วน GTS 4 ใช้หน้าปัดแบบสี่เหลี่ยมที่มีดีไซน์อ่อนหวานกว่า แต่ทั้งคู่มีฟีเจอร์ที่อัดแน่นมาพร้อมใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เหมาะกับผู้สวมใส่ที่ต้องการทั้งความสวยงามและยังต้องการฟีเจอร์เน้นด้านสุขภาพด้วย
Amazfit GTR 4
Amazfit GTR 4 มีรูปทรงสปอร์ต หน้าปัดใช้ดีไซน์วงกลม มาพร้อมกับจอแบบ OLED ขนาด 1.43 นิ้ว รองรับฟีเจอร์ Always on display ขนาดความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 466 x 466 พิกเซล ครอบด้วย Tempered Glass และเคลือบด้วยสารกันรอยนิ้วมือและแสงสะท้อน มีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกใช้มากกว่า 200 แบบ และมีขนาดของสายรัดข้อมืออยู่ที่ 22 มม.
Amazfit GTS 4
Amazfit GTS 4 มากับหน้าปัดและตัวเครื่องแบบสี่เหลี่ยม มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 1.75 นิ้ว รองรับ Always on display ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 390 x 450 พิกเซล ครอบทับด้วย Tempered Glass และเคลือบทับด้วยสารกันรอยนิ้วมือและแต่ไม่มีการเคลือบสารกันแสงสะท้อนมาให้ ทั้งนี้เจ้า GTS 4 มีรูปแบบหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกมากกว่า 150 แบบ และมีขนาดของสายรัดข้อมืออยู่ที่ 20 มม.
สเปค / ฟีเจอร์
ตัวเรือนของทั้ง 2 รุ่น ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอย ส่วนตัวเรือนด้านล่างใช้เป็นพลาสติกโพลีคาบอเนทเคลือบเงามา โดย GTR 4 มีน้ำหนักมากกว่า GTS 4 ราว ๆ 7 กรัม เพราะ GTR 4 ให้ขนาดความจุแบตเตอรี่มาถึง 475 มิลลิแอมป์ ในส่วนของ GTS 4 ให้มาแค่ 300 มิลลิแอมป์
Amazfit GTR 4 สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 14 วัน หากใช้งานอย่างหนักจะเหลือ 7 วัน และถ้าเปิด GPS ไว้ตลอดจะเหลือ 25 ชม. ส่วน GTS 4 ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 8 วัน หากใช้งานอย่างหนักจะเหลือ 4 วัน และถ้าเปิด GPS แล้วก็จะเหลือให้ใช้งานได้ 16 ชั่วโมง
เจ้าสมาร์ทวอทช์ทั้งสองตัวนี้ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Zepp 2.0 มาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับการออกกำลังกายต่าง ๆ กว่า 150 แบบ รวมถึงเซนเซอร์สำหรับวัดค่าสุขภาพอย่างระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การนอน และออกซิเจนในเลือด และยังสามารถวัดอัตราความเครียตและระบบติดตามการมีประจำเดือนของผู้หญิง
รวมไปถึงฟีเจอร์ในการออกกำลังประเภทว่ายน้ำด้วย เนื่องจากมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำแบบ 5ATM แถมยังมีระบบตรวจจับการล้มให้อีกด้วย แต่ฟีเจอร์นี้จะถูกอัปเดตให้ทีหลังผ่านระบบ OTA นะครับ
นอกจากนี้ยังรองรับการฟังเพลงแบบออฟไลน์โดยการบันทึกเพลงเข้าสู่หน่วยความจำของเครื่องทำให้ไม่ต้องพกมือถือออกไปวิ่งด้วย มีระบบจับสัญญาณดาวเทียมคู่ และมีระบบนำทางแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะพร้อมใช้งานเมื่อมีการอัปเดตผ่านระบบผ่าน OTA ด้วยเหมือนกัน
ทั้งคู่จะเชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth 5.0 และ WLAN2.4 ghz รองรับตั้งแต่ระบบ Android 7.0 ขึ้นไปและระบบ iOS 12.0 ขึ้นไป
Amazfit GTR 4 และ GTS 4 เริ่มวางขายในอเมริกาแล้ววันนี้ ทั้งคู่มีราคาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,300 บาท) เท่ากัน ส่วนในประเทศไทยจะเข้ามาจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคมนี้ครับ
ที่มา: GSMArena
Comment