Google พึ่งปล่อย Android 10 ตัวเต็มให้มือถือบางรุ่นได้เริ่มใช้กันบ้างแล้ว (ที่ชัวร์ๆ เลยก็คือตระกูล Pixel) ซึ่งแน่นอนว่าการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่แบบนี้ ก็จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาให้ด้วย โดยคราวนี้ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ จะมีด้วยกันถึง 33 ฟีเจอร์ เลยทีเดียว.. ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
สำหรับฟีเจอร์หลักๆ ที่จะมากับ Android 10 จะแบ่งออกเป็นหัวข้อหลักทั้งหมด 8 หัวข้อ คือ Accessibility, Camera, Digital Wellbeing, Enterprise, Messaging & Sharing, Performance, Security & Privacy และ Usability Enhancements โดยแต่ละข้อหลักก็จะมีฟีเจอร์ทั้งหลายแยกย่อยออกมาตามนี้
Accessibility
- Live Caption : ฟีเจอร์นี้จะช่วยแปลภาษาจากเสียงพูดให้กลายเป็นตัวหนังสือได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากคลิปวิดีโอ, Podcast หรือข้อความเสียงต่างๆ ด้วยการกดปุ่มแค่จึ๊กเดียวเท่านั้น แถมฟีเจอร์นี้ยังไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ยังใช้งานได้ด้วย
- Hearing aid support : มือถือและแทบเล็ตที่ใช้ระบบ Android 10 จะรองรับการส่งสัญญาณเสียงจากเครื่อง ทั้งเสียง Multimedia หรือเสียงพูดคุยโทรศัพท์ไปที่เครื่องช่วยฟังผ่านบลูทูธได้เลย
- Live Transcribe : เป็นฟีเจอร์ที่จะรับเสียงจากรอบๆ ข้างเข้ามาที่ไมค์ของอุปกรณ์ Android 10 เพื่อแปลงเสียงเหล่านั้นเป็นตัวหนังสือได้แบบ Real-time ไม่ว่าเสียงนั้นจะเป็นคำพูด หรือเสียงอื่นๆ อย่างเช่น เสียงตบมือ, เสียงหมาเห่า, เสียงผิวปาก ฯลฯ ก็สามารถบรรยายออกมาให้เข้าใจได้
- Sound Amplifier : ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนรอบข้างออก และจะกรองเอาเสียงที่มีคลื่นความถี่ตามที่เราต้องการเพื่อเร่งให้ระดับเสียงดังมากขึ้น และชัดขึ้น
- Accessibility Timeouts : คราวนี้เราจะสามารถตั้งเวลาของตัวเลือกต่างได้เอง อย่างเช่น เลือกได้ว่าจะให้ Notification แสดงอยู่บนหน้าจอเป็นเวลาเท่าไหร่ โดยมีตัวเลือกที่ 10 วินาที, 30 วินาที, 1 นาที และ 2 นาที
Camera
- HEIF Imaging : สามารถเซฟภาพนิ่งเป็นไฟล์ .heic ได้
- Dynamic depth : ไฟล์ภาพแบบใหม่ที่มีทั้งภาพแบบปกติและภาพอีกชั้นที่ถ่ายโดยกล้องตัวที่ 2 สำหรับตรวจจับความลึกแยกกัน ทำให้สามารถเอาไฟล์ภาพดังกล่าวไปปรับระยะความเบลอได้ในอุปกรณ์อื่น
- Monochrome camera support : ฟีเจอร์ที่จะทำให้ผู้พัฒนาแอปสามารถเข้าถึงการใช้งานกล้อง Monochrome ได้ (สำหรับมือถือรุ่นที่รองรับ)
- Privacy improvements : การใช้กล้องในบางแอปจะต้องขออนุญาตจากเจ้าของเครื่องในการเข้าใช้กล้องด้วย
- Recommended stream configurations : ผู้พัฒนาจะตั้งค่าให้การสตรีมภาพผ่านกล้องเหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละชนิดได้
- Secure camera framework : ผู้ผลิตเซ็นเซอร์กล้องสามารถส่งข้อมูล Framework ของกล้องได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ภาพขาวดำตรงกลางคือไฟล์ภาพ Dynamic Depth
Digital Wellbeing
- Digital Wellbeing & parental controls : เข้าถึงการปรับแต่ง Digital Wellbeing & parental controls (ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้เราติดมือถือน้อยลง) ได้ง่ายๆ จากหัวข้อ Settings ในมือถือ
- Site timers : ติดตามผลการใช้งานมือถือได้ว่าในแต่ละวันเราใช้เวลากับมือถือไปเท่าไหร่บ้าง และยังสามารถตั้งเวลาเตือนได้อีกด้วยว่าเราควรจะเข้าเว็บแต่ละเว็บเป็นเวลาเท่าไหร่ในแต่ละวัน
- Focus mode : โหมดพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการสมาธิและไม่อยากให้มีอะไรมารบกวน โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปไหนหยุดการแจ้งเตือน ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว
Enterprise
- Improved provisioning tools for the work profile : ตั้ง Profile สำหรับการทำงาน บนอุปกรณ์ Android 10 ที่ไม่ใช่ของตัวเองได้ (เช่น อุปกรณ์ของสำนักงานหรืออื่นๆ)
- Device admin for enterprise deprecation : สามารถยกเลิกสิทธิ์ Admin ของอุปกรณ์ Android 10 ที่ใช้ในสำนักงานได้ เพื่อช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้มากกว่าเดิม อย่างเช่นการใช้งานกับ Profile สำหรับการทำงาน เป็นต้น
- Separate input method for work and personal : แยกการใช้งานคีย์บอร์ดสำหรับ Profile ส่วนตัว ออกจากคีย์บอร์ดที่ใช้กับ Profile สำหรับการทำงาน
Messaging & Sharing
- Suggested actions in notifications : ฟีเจอร์แนะนำคำตอบอัตโนมัติสำหรับแอปแชทหรือแอปส่งข้อความต่างๆ โดยผู้พัฒนาแอปสามารถตั้งค่าคำตอบอัตโนมัติได้เองด้วย
- New emojis : เพิ่มอีโมจิใหม่ 65 แบบ
- Share Wi-Fi : แชร์ข้อมูล Wi-Fi กับคนอื่นได้ง่ายๆ ผ่าน QR Code
- Improved sharesheet : แชร์คอนเทนท์ต่างๆ จากแอปให้กับคนที่อยู่ในรายชื่อ Contacts ได้
Performance
- Adaptive Battery improvements : ระบบจัดการแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยใช้ระบบ Machine Learning ในการคำนวณว่าควรจะใช้พลังงานกับแอปไหนที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ถ้าเป็นแอปที่มีแนวโน้มว่าจะต้องใช้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แอปดังกล่าวก็จะยังไม่ถูกปิด แต่ถ้าเป็นแอปที่นานๆ เปิดที ระบบก็จะปิดแอปนั้นทิ้งไป
Security & Privacy
- New location controls and reminder : ควบคุมได้ว่าต้องการให้แอปไหนเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งได้ หรือจะตั้งค่าให้เข้าถึงเฉพาะตอนเปิดใช้งานเท่านั้นก็ได้
- Android Emergency Location Services : ส่งข้อมูลตำแหน่งปัจจุบันได้ เมื่อมีการโทรออกไปยังเบอร์ฉุกเฉินที่ตั้งไว้
- Google Play system updates : เปลี่ยนระบบการอัพเดทความปลอดภัยให้สามารถอัพเดทผ่าน Google Play ได้เลย ทำให้ตัวอัพเดทใหม่จะส่งถึงผู้ใช้งานได้ทันทีที่ถูกปล่อยออกมา
- Privacy settings : ควบคุมความเป็นส่วนตัวจาก App Permission, Web & App Activity, Location History ได้จากเมนู Settings เลย
Usability Enhancements
- Gesture navigation : ใช้นิ้วในการสั่งการโดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพราะจะใช้การปัดนิ้วไปในทิศทางต่างๆ เพื่อสั่งการแทน
- Contaminant detection : แจ้งเตือนเมื่อมีความชื้นหรือวัตถุอยู่ในช่อง USB เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายจากการใช้งาน
- Priority notifications : ตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ให้เป็น silent หรือ alerting โดยการแจ้งเตือนเหล่านั้นจะถูกแยกไว้คนละแถบ ถ้าเป็น alerting จะแจ้งเตือนบนหน้าจอ ส่วน silent ต้องเปิดแถบดูถึงจะเห็น
- Manage notifications : จัดการการแจ้งเตือนได้ง่ายกว่าเดิมแค่ดึงแถบ Notification ลงมาด้านล่างสุด และเลือกตั้งค่าได้เลย
- Dark theme : ใช้งาน Dark Theme ได้กับทั้ง UI และแอปที่รองรับ
- Android Auto : แอป Android Auto จะติดมาให้ใน Android 10 เลย ไม่ต้องไปดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มแล้ว
- Dynamic System Updates : ผู้พัฒนาสามารถติดตั้ง System Image หลายๆ แบบได้ในอุปกรณ์ Android 10 เพื่อทดสอบระบบได้ โดยไม่กระทบกับ System Iamge เดิมที่อยู่ในเครื่อง
Dark Theme
และทั้งหมดนั่นก็คือทั้ง 33 ฟีเจอร์ใหม่ ที่จะมาพร้อมกับระบบ Android 10 ซึ่งมีทั้งฟีเจอร์ทีใส่มาเพื่อเหล่านักพัฒนาโดยเฉพาะ และฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปรวมถึงผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องทางการได้ยินอีกด้วย เรียกว่า Google ใส่ใจผู้ใช้งาน Android หลากหลายระดับจริงๆ ครับ
ที่มา : Android
แหล่ม ๆๆ ทั้งนั้น 🙂 🙂
รอ Note 10+ อัพแล้วหวังว่าจะได้ภาพถ่ายที่ดีขึ้น ถ่ายออโต้แสงน้อยภาพไม่แตกขนาดนี้
โดยเฉพาะกล้องหน้า ผิดหวังมากๆ เรือธง T^T
CAMERA
มันเป็นเรื่องที่ทาง SS จะต้องแก้ไขเองครับ คนละเรื่องกับการอัพเดท Android Q ฮ่าๆ
ปัจจุบัน S10 ก็เลือกบันทึกไฟล์ภาพเป็น .heic ได้อยู่แล้ว แต่เปิดอ่านช้ามากกกกก ไม่รู้ว่าเพราะซัมซุงทำเองระบบ android ยังไม่รองรับหรือยังไง หวังว่าจะใช้งานได้ดีขึ้นนะรอบนี้
กล้องหน้าทุกรุ่นของ Samsung ทุกรุ่น ไม่เคยมีรุ่นไหนสู้กล้องหน้าของ Oppo Vivo ได้อยู่แล้ว
แค่กล้องหน้าของ Oppo Vivo รุ่นแค่ 7,000 8,000 บาท ก้อชนะกล้องหน้าเรือธงของ Samsung ได้แล้วน่ะ
ไม่น่าจะเกี่ยวน่ะครับ เพราะ sw กล้อง ss ทำเอง ประกอบกับกล้องหน้าของ Note10+ เป็น F/2.2 ด้วย ไม่เหมือน S8,S9,Note8,Note9 ที่เป็น F/1.7
ทำให้กล้องหน้าของ S8,S9,Note8,Note9 เมื่อถ่ายในที่แสงน้อยแล้ว ภาพควรจะดีกว่า Note10+ ครับ