Google ได้ปล่อย Android 10 เวอร์ชั่นเต็มออกมาเรียบร้อยหลังจากที่ปล่อยเวอร์ชั่นทดลองหรือ beta ออกมาให้นักพัฒนาได้เตรียมพร้อมกัน โดยเหล่ามือถือที่สามารถอัพเดทได้เลยก็คือตระกูล Pixel ทั้งหลาย ส่วนมือถือค่ายอื่นๆ นั้นต้องรอประกาศจากแต่ละแบรนด์กันอีกที และในเวอร์ชั่นนี้นอกจากมีการปรับปรุงสีสันและหน้าตาของ UI แล้ว ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามามากมาย

เมื่องาน Google I/O กลางปีที่ผ่านมาทาง Google ได้เริ่มเปิดให้นักพัฒนาได้ลองเล่น Android Q ซึ่งก็มีการปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ จนในที่สุด Android Q ก็ได้กลายร่างเป็น Android 10 แบบเสร็จสมบูรณ์ พร้อมกับมีการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เข้ามามากมาย

ซึ่งหากคัดเอาเฉพาะที่เด็ดๆ ก็จะมี 10 ฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์ของ Android เวอร์ชั่นนี้ได้แก่

Live Caption มีซับไตเติ้ลให้อ่านได้ทันที

ฟีเจอร์สารพัดประโยชน์ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้บกพร่องทางการพูดและฟังทำได้เหมือนคนปกติ ด้วยระบบ AI สุดอัจฉริยะ ที่สามารถแปลงคำพูดจาก Video, เพลง, Podcast, เสียงสนทนาทางโทรศัพท์, เสียงจากการฝากข้อความ จากทุกแอปให้กลายเป็นตัวอักษรได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

Smart Reply ตอบข้อความได้ตรงกับเรื่องที่คุย ด้วยตัวเลือกอัตโนมัติ

ฟีเจอร์ Smart Reply ที่จะมากับ Android 10 เป็นฟีเจอร์ที่เหมาะสุดๆ กับขาแชท โดย Smart Reply จะทำงานเมื่อเรากำลังใช้แอปแชทอย่างเช่น Message (ที่ติดมากับเครื่อง), Facebook Messenger, WhatsApp รวมถึงแอปอื่นๆ สมมุติว่าเพื่อนเราแชทมาถามว่ากำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่สยาม จะไปด้วยกันมั้ย? บนหน้าจอของเราก็จะมีตัวเลือกให้กดตอบได้ทันทีว่า ไป, ไม่ไป, อาจจะ อะไรประมาณนี้ หรือถ้าเพื่อนส่งข้อความเป็นสถานที่มาบอก ก็จะมีตัวเลือกขึ้นมาว่าต้องการให้นำทางไปเลยรึเปล่า (Maps)

 

Sound Amplifier ระบบตัดเสียงรบกวนแบบใหม่

การฟังเสียงต่างๆ จะชัดเจนกว่าเดิม ด้วยระบบ Sound Amplifier ที่จะตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกไป ช่วยให้การฟัง Podcast ดูหนัง หรือคุยกับปลายสายนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น

 

Gesture Navigation ควบคุมเครื่องผ่านท่าทาง

แถบ Navigation Bar (ปุ่ม Recent Apps, Home, Back) ที่ทุกคนคุ้นเคย ได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็น Gesture แบบมีแค่ 2 ปุ่มไปเมื่อตอน Android 9 Pie และใน Android 10 ตอนนี้เหลือเพียงปุ่มเดียว และเน้นการควบคุมด้วยท่าทางการลากนิ้วเป็นหลัก มาพร้อมอนิเมชั่นแบบใหม่สวยงาม ส่วนใครยังไม่ถนัดก็สามารถจะเลือกใช้แบบเดิมก็ได้

 

Dark Theme สีเข้มประหยัดแบต และถนอมสายตา

Dark Theme จะเปลี่ยนสีต่างๆ บนหน้าจอให้มืดลงหรือเปลี่ยนพื้นที่บนหน้าจอส่วนมากให้กลายเป็นสีดำไปเลย โดย Dark Mode นี้ นอกจากจะช่วยให้การแสดงผลของหน้าจอมีความสบายตามากขึ้นแล้ว มันยังช่วยให้เหล่ามือถือที่มีหน้าจอแบบ OLED ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่าเดิม เนื่องจากเม็ดพิกเซลตรงส่วนที่เป็นสีดำจะดับไปเลย หมายความว่าตรงส่วนนั้นก็จะไม่ใช้พลังงานเลยนั่นเอง และถึงแม้ว่าบางแอปจะไม่มี Dark Mode ให้เลือก แต่ใน Android 10 เราจะสามารถบังคับให้แอปต่างๆ เปลี่ยนไปใช้ Dark Theme ได้ด้วยฟีเจอร์ Force Dark

Privacy Control ควบคุมความเป็นส่วนตัว

ใน Android 10 แอปต่างๆ จะถูกจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลต่างๆ มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่อาจจะถูกเก็บเอาไว้ในแอปต่างๆ และเราสามารถจัดการเข้าไปตรวจสอบ อนุญาต และลบการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

Location Control ควบคุมการเข้าถึงตำแหน่ง

Android 10 ยังเปิดให้เราสามารถจำกัดเสิทธ์ในการเข้าถึงตำแหน่ง (Location Service) ว่าจะปิดไปเลย / เปิดให้ใช้งานได้เฉพาะช่วงที่เปิดแอปอยู่เท่านั้น / หรือเปิดให้ตลอดสำหรับบางแอปก็ได้

Security Updates อัพเดทความปลอดภัยผ่าน Google Play

แพทช์ความปลอดภัยใน Android 10 นั้นได้ถูกปรับปรุงใหม่ โดยเชื่อมกับระบบของ Google Play System Update ทำให้ไม่ต้องรอค่ายมือถือต่างๆ ทำการอัพเดทแพทช์แล้ว แค่อัพเดท Google Play เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก็จะได้แพทช์ความปลอดภัยไปพร้อมกัน

Focus Mode ตัดสิ่งรบกวน เพิ่มสมาธิ

เวลาที่เรากำลังต้องการสมาธิเพื่อตั้งใจอ่านหนังสือ, ดูหนัง, ทำงาน ฯลฯ เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปไหนเข้าสู่ Focus Mode เพื่อหยุดการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ ได้

Family Link เชื่อมต่อมือถือของคนในครอบครัว

ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้เหล่าผู้ปกครองสามารถควบคุมการใช้งานมือถือของลูกๆ ได้มากขึ้น โดยมือถือที่ตั้งเป็นเครื่องลูกจะสามารถตั้งเวลาในการใช้งานของแต่ละวันได้, สอดส่องได้ว่าเครื่องลูกกำลังจะติดตั้งแอปอะไรบ้าง หรือแม้แต่ตั้งเวลาให้มือถือเครื่องลูกหยุดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อเตรียมตัวเข้านอน นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาการใช้แอปในแต่ละวันได้อีก

 

สำหรับ Android 10 ในตอนนี้ใครที่ใช้ Google Pixel สามารถกดรับอัพเดทกันได้เลยครับ ส่วนค่ายอื่นๆ อาจจะต้องรออีกสักนิด (เห็นว่า Essential Phone ก็สามารถอัพเดทได้แล้ว)