คดีพลิกไปมาหลายตลบ จากข่าวลือสัปดาห์ก่อนว่า Google จะปล่อย Android 14 QPR1 Beta 1 ภายในวันจันทร์ แต่สุดท้ายไม่มา มาแต่แพตช์ความปลอดภัยเดือน ก.ย.อย่างเดียว หลายคนจึงคิดว่า QPR1 คงไม่มาแล้ว – ทว่า Google ก็จัดเซอร์ไพรส์ ปล่อย Android 14 QPR1 Beta 1 ออกมาอย่างเงียบ ๆ เมื่อคืนนี้ พร้อมอัปเดตฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง

เพิ่มการตั้งค่าสัดส่วนการแสดงผลแอป

แอปบางตัว ไม่ได้ถูกออกแบบสัดส่วนให้สอดรับกับอุปกรณ์ที่มีหน้าจอใหญ่ เวลาเปิดใช้งานบนแท็บเล็ตหรือมือถือจอพับจึงเหลือพื้นที่ขอบดำด้านข้างเยอะ เช่น Instagram และ Reddit แต่ตอนนี้ใน Android 14 QPR1 Beta 1 จะมีเมนู Aspect ratio เพิ่มเข้ามา ให้สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้แล้ว อยากให้แสดงผลเป็น 16:9, 4:3, 3:2, ครึ่งจอ หรือเต็มจอ เลือกได้หมด

เปลี่ยนมือถือเป็นกล้องเว็บแคม

เพิ่มตัวเลือก Webcam ขณะเชื่อมต่อมือถือกับพีซี ให้ใช้งานเป็นกล้องเว็บแคมได้ ตามข่าวลือที่มีมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยรองรับทั้งระบบ Windows, macOS และ Linux แต่ตัวเลือกนี้ไม่ได้ถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้นและถูกซ่อนอยู่ เพราะคาดว่ายังอยู่ในสถานะ WIP ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ หากอยากทดลองใช้งานต้องคอนฟิก CONFIG_USB_CONFIGFS_F_UVC ในเคอร์เนล Linux พร้อมอัปเดต USB HAL

ดูรอบชาร์จแบตเตอรี่ได้แล้ว

ในหน้า About phone จะมีเมนู Battery information เพิ่มเข้ามา ใบเบื้องต้นมีให้ดูเฉพาะรอบชาร์จเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังไม่มีภาวะสุขภาพแบตและความจุที่เหลือให้ดูเหมือนฝั่ง iOS

นาฬิกาหน้าจอล็อกแบบใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อ Double-line clock

เดิมที ในเวอร์ชัน Beta จะมีนาฬิกาหน้าจอล็อก 8 แบบ (นับรวมนาฬิกาแบบพื้นฐายด้วย) ให้เลือกใช้งานได้ตามความชอบ ล่าสุดเพิ่มรูปแบบ Metro เข้ามา รวมเป็น 9 แบบ

ขณะเดียวกัน ตัวเลือกสำหรับปรับแต่งการแสดงผลนาฬิกาในหน้าจอล็อก เปลี่ยนชื่อใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น จาก Double-line clock เป็น Dynamic clock แต่การใช้งานยังเหมือนเดิม

ตั้ง Live wallpaper แยกระหว่างหน้าจอล็อก และหน้าจอโฮม

ก่อนหน้านี้ หากใช้ภาพวอลเปเปอร์ที่เป็นภาพเคลื่อนไหวในมือถือ Pixel ระบบจะบังคับให้ใช้งานควบคู่กันไปทั้งหน้าจอล็อกและหน้าจอโฮม แต่ตอนนี้สามารถกำหนดแยกกันแบบอิสระได้แล้ว อาจไม่ใช่ฟีเจอร์ที่น่าตื่นเต้นอะไรนักสำหรับมือถือค่ายอื่นที่ทำได้ตั้งนานแล้ว

มี Repair mode ส่งเครื่องซ่อม ไม่ต้องล้างข้อมูล

กรณีส่งเครื่องชำรุดเสียหายหรือซอฟต์แวร์มีปัญหาจนต้องส่งซ่อม ใน Android จะมีฟีเจอร์ Repair mode ช่วยปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวโดยไม่ต้องคืนค่าโรงงาน คาดว่าฟีเจอร์นี้ทำงานโดยอาศัยประโยชน์จาก Dynamic System Updates (DSU) เพื่อให้สามารถบูต Generic System Image (GSI) ได้ ผลคือระบบสร้างอิมเมจขึ้นใหม่โดยไม่ต้องเขียนทับของเดิม เวลาช่างเปิดเครื่องเพื่อทดสอบหรือวิเคราะห์ ก็จะเข้าใช้งานได้เหมือนอุปกรณ์ที่พึ่งผ่านการล้างเครื่องมา แต่ข้อมูลเดิมจริง ๆ ยังอยู่ครบทั้งหมด

ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดให้ใช้งานแบบทั่วไป คาดว่าจะมาในรอบอัปเดต Feature drop ช่วงเดือนธันวาคม และยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นเอกซ์คลูซีฟเฉพาะมือถือ Pixel หรือเปิดให้ใช้งานได้ทุกค่าย

Google Now on Tap กำลังจะกลับมา

มือถือระบบ Android เคยมีผู้ช่วยอัจฉริยะชื่อ Google Now มาก่อน ก่อนที่ Google จะยกเครื่องใหม่และแทนที่ด้วย Google Assistant ลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถือเป็นจุดขายของ Google Now ในตอนนั้นคือ Google Now on Tap แตะปุ่มโฮมค้างเพื่อเรียกใช้งาน Google Now มันจะพิจารณาสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโดยอัตโนมัติ เพื่อวิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานต้องการความช่วยเหลืออะไร จากนั้นจะแสดงการตอบโต้กลับมาตามบริบท เช่น แสดงผลการค้นหาบน Google Maps หากตรวจเจอคีย์เวิร์ดที่เป็นชื่อสถานที่ หรือแสดงผลคำแปลด้วย Google Translate หากตรวจเจอประโยคที่เป็นภาษาต่างประเทศ เป็นต้น

ใน Android 14 QPR1 Beta 1 มีสัญญาณบ่งชี้ว่า Google อาจนำเอาฟีเจอร์ที่มีลักษณะเดียวกับ Google Now on Tap กลับมา จากเมนู Hold handle to searh ที่ปรากฏในหน้าจอตั้งค่า Gesture navigation ซึ่งมีวิธีเรียกใช้งานโดยการแตะค้างเหมือนเดิมเลย แต่เปลี่ยนจากการแตะที่ปุ่มโฮม เป็นแตะที่แถบนำทาง อย่างไรก็ดี ตอนนี้เหมือน Google ยังพัฒนาไม่เรียบร้อยดี เพราะพอแตะไปแล้ว ยังเป็นการเรียกใช้งาน Google Lens ธรรมดา

ฟีเจอร์ใหม่อื่น ๆ บางส่วน

  • แอปที่ถูกจับคู่โหมดแบ่งหน้าจอ สามารถเซฟเป็นชอร์ตคัตให้เรียกใช้งานใหม่ได้สะดวกจากหน้าจอโฮม แต่ตอนนี้ฟีเจอร์ยังบั๊ก ไม่แสดงผลไอคอนชอร์ตคัตที่เซฟ และเปลี่ยนชื่อไม่ได้
  • หน้าจอล็อกรองรับการหมุนเป็นแนวนอน ส่วนหน้าจอโฮมหมุนได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
  • ปรับปรุงแอนิเมชันใน Wallaper & style เมื่อเปลี่ยนภาพพื้นหลังหรือธีมสีของระบบ ให้แสดงผลได้สวยงามขึ้น

Pixel Tablet รุ่นใหม่ เตรียมรองรับปากกาและคีย์บอร์ด

นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อ Pratyush ยังค้นพบโค้ดจากไฟล์อิมเมจของ Android 14 QPR1 Beta 1 ที่น่าสนใจ โดยมีโค้ดสองบรรทัดที่เขียนว่า ‘Keyboard for Pixel Tablet’ และ ‘Pen for Pixel Tablet’

จึงมีความเป็นไปได้ที่ Pixel Tablet รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในอนาคต อาจรองรับปากกาสไตลัสและเคสคีย์บอร์ด และ Google เองก็เคยพูดถึงเรื่องการปรับปรุงการใช้งานปากกาสไตลัสไปแล้วบนเวทีเปิดตัว Android 13

Android QPR คืออะไร

สำหรับ Android Quarterly Platform Releases หรือเรียกย่อ ๆ ได้ว่า QPR เป็นแนวทางการอัปเดตระบบปฏิบัติการแบบใหม่จาก Google ควบคู่ไปกับ Android เวอร์ชันปกติ เริ่มนำมาใช้งานครั้งแรกใน Android 13 เมื่อปีที่แล้ว นับถึงตอนนี้ก็ครบรอบ 1 ปีพอดี

จุดประสงค์หลักของ QPR คือ การทดสอบฟีเจอร์ใหม่ ๆ การทดลองปรับปรุงประสิทธิภาพ และการแก้ไขบั๊ก ก่อนที่จะนำความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นไปสู่ Platform Stability ตัวเต็ม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุก ๆ การอัปเดตจะเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดข้อบกพร่องน้อยที่สุด

หากอธิบายให้เห็นภาพง่ายขึ้น แนวทางนี้เป็นแนวทางแบบเดียวกับที่ Microsoft ทำในโครงการ Windows Insider Program โดยมี 3 การอัปเดตแยกกัน ได้แก่ Dev Channel, Beta Channel, Release Preview Channel ซึ่งระดับความเสถียรจะไล่จากน้อยไปหามาก สามารถเทียบกันได้ ดังนี้

  • Windows Dev Channel = Android Developer Previews
  • Windows Beta Channel = Android Beta Releases
  • Windows Release Preview Channel = Android Quarterly Platform Releases

ทาง Google ระบุว่า โดยปกติแล้ว Android QPR จะมีความเสถียรเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ก็อาจยังมีบั๊กอยู่ แอปบางตัวอาจไม่ทำงาน และไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้งานฟีเจอร์ด้าน Accessibility ในชีวิตประจำวัน เช่น ผู้พิการทางการได้ยิน หรือผู้พิการทางการมองเห็น

มือถือรุ่นไหน อัปเดต Android 14 QPR1 Beta 1 ได้บ้าง

Android 14 QPR1 Beta 1 เปิดให้อัปเดตแล้ววันนี้ ครอบคลุมตั้งแต่ Pixel 4a จนถึง Pixel 7a รวมทั้ง Pixel Fold และ Pixel Tablet รวม 11 รุ่น

  • Pixel 4a 5G
  • Pixel 5
  • Pixel 5a 5G
  • Pixel 6
  • Pixel 6 Pro
  • Pixel 6a
  • Pixel 7
  • Pixel 7 Pro
  • Pixel 7a
  • Pixel Tablet
  • Pixel Fold

การจะอัปเดต Android 14 QPR1 Beta 1 ต้องลงทะเบียนใน google.com/android/beta เสียก่อน โดยล็อกอินด้วยบัญชี Google บัญชีเดียวกับที่ใช้งานในมือถือ เมื่อรายชื่ออุปกรณ์ปรากฏที่ด้านล่าง ให้กดปุ่ม ‘Opt in’ จากนั้นรออัปเดตผ่าน OTA ตามปกติ (อาจต้องรอ 5 – 10 นาที) ส่วนการดาวน์เกรดกลับเวอร์ชันเดิม ก็ทำวิธีแบบเดียวกัน แต่เปลี่ยนจาก ‘Opt in’ เป็น ‘Opt out’ แต่ข้อควรทราบคือ หากดาวน์เกรดแล้วข้อมูลจะหายทั้งหมด เพราะระบบจะบังคับคืนค่าโรงงาน