Google ออก Android 15 Beta 2 อย่างเป็นทางการแล้ว ตามที่สัญญาไว้บนเวที Google I/O 2024 รอบนี้มีของใหม่เพิ่มเข้ามาหลายอย่าง โดยเฉพาะฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย – การป้องกันข้อมูลเมื่อมือถือถูกขโมย ส่วน private space ที่ Google ทดสอบมานาน และน่าจะเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนสนใจ ตอนนี้ก็เปิดให้ใช้งานแล้วเช่นกัน

โคลนแอป ล็อกแอป ซ่อนแอป ผ่าน Private Space

เมื่อเปิดใช้งาน private space ระบบจะสร้างพื้นที่ที่เป็นเอกเทศขึ้นมา ให้ผู้ใช้งานเก็บข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน หรือติดตั้งแอปแยกเป็นอีกชุดภายใต้พื้นที่นี้ได้ แยกได้แม้กระทั่ง Play Store ที่ล็อกอินด้วย Google Account บัญชีอื่น ซึ่งข้อมูลทั้งหมดใน private space จะถูกปกป้องเอาไว้ด้วยรหัสผ่านอีกชั้น ตามแต่ผู้ใช้งานกำหนด โดยจะเป็นรหัสผ่านชุดเดียวกับตัวเครื่องหรือไม่ก็ได้ รวมถึงการปลดล็อกด้วยไบโอเมทริกซ์ เช่น การสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือ แบบเดียวกับ Secure Folder ของ Samsung

มือถือรุ่นเล็ก รุ่นกลาง ดูวิดีโอกินแบตน้อยลง

เปลี่ยนมาใช้ตัวถอดรหัสวิดีโอ AV1 ด้วยซอฟต์แวร์เป็นไลบรารี dav1d ของ VideoLAN รองรับความละเอียดสูงสุด 720p โดย Gogole เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าไลบรารีตัวเดิมถึง 3 เท่า สำหรับมือถือรุ่นเล็กและรุ่นกลาง (ส่วนเรือธงมีตัวถอดรหัสแบบฮาร์ดแวร์ที่ประสิทธิภาพเหนือกว่าบนชิปอยู่แล้ว)

ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ

  • แอปที่เปิดในโหมด split-screen หรือมัลติวินโดว สามารถเซฟการจับคู่แอปนั้น ๆ เก็บไว้เป็นชอร์ตคัตบนหน้าโฮม หรือบนแถบทาสก์บาร์สำหรับแท็บเล็ต หรือมือถือจอพับ เพื่อให้การเปิดใช้งานในครั้งถัด ๆ ไปทำได้สะดวกขึ้น
  • แถบนำทางแสดงผลโปร่งใสอย่างสมบูรณ์แบบ edge-to-edge ไม่มีพื้นหลังสีดำแล้ว สำหรับแอปที่กำหนด target เป็น Android 15 หรือสูงกว่า
  • ปรับปรุงการทำงานของ Picture-in-Picture (PiP) ให้แสดงผลได้ราบรื่นขึ้นตอนเปิดวิดีโอแบบหน้าต่างลอย
  • นักพัฒนาสามารถสร้างตัวอย่างวิดเจ็ตบนหน้า widget picker โดยอ้างอิงกับข้อมูลของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ได้ เช่นวิดเจ็ตของแอป Contacts ที่ไปดึงภาพจากรายชื่อผู้ติดต่อของผู้ใช้งานมาโชว์ให้ดูก่อนกดเพิ่มวิดเจ็ตบนหน้าโฮม (ดังภาพด้านบน)
  • เปิดใช้งานฟีเจอร์ predictive back เป็นค่าเริ่มต้นของเครื่องแล้ว มีผลเฉพาะกรณีตั้งค่าการนำทางเป็น gesture navigation หรือการนำทางด้วยท่าทาง (แอปต้องอัปเดตตามด้วย ถึงจะแสดงผล)
  • เพิ่มฟีเจอร์ Adaptive Vibration ปรับความแรงของการสั่นแจ้งเตือนไปตามสภาพเสียงแวดล้อม หากอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง เครื่องจะสั่นแรงขึ้น และในทางตรงกันข้าม หากอยู่ในที่ที่มีเบา เครื่องก็จะสั่นเบาลง
  • เพิ่มตัวเลือก grammatical gender สำหรับภาษาที่มีการแบ่งเพศทางไวยากรณ์ ที่ระบบจะแสดงผลโต้ตอบกับผู้ใช้งาน โดยสามารถเลือกได้ระหว่าง ผู้ชาย ผู้หญิง และเพศเป็นกลาง (แต่เดิม ‘ผู้ชาย’ จะเป็นค่าเริ่มต้นเสมอ) เบื้องต้นเปิดให้ใช้งานในภาษาฝรั่งเศสก่อนเป็นภาษาแรก ภาษาอื่นตามมาภายหลัง
  • เพิ่มตัวเลือกสิทธิ์การเข้าถึงรูปภาพและวิดีโอแบบใหม่เรียกว่า partial access โดยให้สิทธิ์เข้าถึงแค่บางส่วนที่เป็นไฟล์ล่าสุด (ของเดิมคือเลือกได้แค่ ให้สิทธิ์เข้าถึงทั้งหมด หรือไม่ให้สิทธิ์เข้าถึงไปเลย)
  • ฝัง Almost Native Graphics Layer Engine (ANGEL) ลงในระบบ หลังจากพัฒนามานาน ให้แอปที่เรียกใช้ OpenGL ES ที่เป็น API เก่ามารันบน Vulkan ตามไทม์ไลน์คือจะกำหนด ANGEL เป็นไดรเวอร์เริ่มต้นในปี 2025 แล้วบังคับแอปให้รัน OpenGL บน Vulkan อย่างเดียวต่อไปในปี 2026
  • ปรับปรุงการแสดงผลของฟอนต์ภาษา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และเพิ่มฟอนต์ ‘เฮ็นไทงานะ’ แบบใหม่ ที่เป็นหนึ่งในรูปแบบของอักษรฮิรางานะเก่า
  • ปรับปรุง API บน TextView ให้ตัดขอบข้อความได้ถูกต้องไม่ตกขอบ – ล้นขอบ ในบางภาษา รวมถึงภาษาไทย

นอกเหนือจากที่กล่าวมา Android 15 Beta 2 ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งาน ความปลอดภัยเบื้องหน้า เบื้องหลัง และการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มเติมด้วย

มือถือ Android รุ่นไหน อัปเดต Android 15 Beta 2 ได้บ้าง

Android 15 Beta 2 เปิดให้อัปเดตบนมือถือ Pixel ของ Google ตั้งแต่ Pixel 6 ขึ้นไป ดังนี้

  • Google Pixel 6
  • Google Pixel 6 Pro
  • Google Pixel 6a
  • Google Pixel 7
  • Google Pixel 7 Pro
  • Google Pixel 7a
  • Google Pixel 8
  • Google Pixel 8 Pro
  • Google Pixel Fold
  • Google Pixel Tablet

ที่มา : Android