ปีที่แล้วก่อนงาน Google I/O ทางกูเกิลก็ได้เปิดตัว Android N เวอร์ชันสำหรับนักพัฒนาออกมาให้นักพัฒนาได้เล่นกันก่อน ปีนี้ทางกูเกิลก็ยังคงทำตามแนวทางเดิม เพราะล่าสุดได้ปล่อย Android O สำหรับนักพัฒนาเวอร์ชันแรกออกมาแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ออกมาก่อนงาน Google I/O 2017 อยู่ราวเดือนครึ่งเลย แน่นอนว่าฟีเจอร์ใหม่ๆ มาเพียบ ทางเราเลยเอามาสรุปให้เพื่อนๆ อ่านกัน

1. Background limits

เพื่อพัฒนาให้ Android มีอายุแบตเตอรี่ที่ดียิ่งขึ้นโดยไม่กระทบกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ กูเกิลเลยเพิ่มระบบการจำกัดการทำงานของแอปแบบอัตโนมัติเข้ามาให้สำหรับแอปที่มีการทำงานเบื้องหลัง (implicit broadcast, background services, location updates) ซึ่งช่วยให้จัดการการทำงานของแอปได้ง่ายขึ้น กูเกิลเน้นย้ำนักพัฒนาทั้งหลายควรทำความเข้าใจกับระบบใหม่และพัฒนาแอปให้เป็นไปทางแนวทางนี้

 

2. Notification channels

นักพัฒนาสามารถแบ่งประเภทการแจ้งเตือนของแอปได้ ว่าเป็นหมวดหมู่ไหน และสำหรับผู้ใช้งานก็สามารถเลือกได้ว่าจะปิดการแจ้งเตือนเป็นหมวดๆ หรือปรับเปลี่ยนการทำงานได้ โดยไม่ต้องไปปิดการแจ้งเตือนของทั้งแอป และใน Android O ก็จะปรับการแสดงผลของการแจ้งเตือนด้วยทำให้ใช้งานง่ายขึ้น (เดี๋ยวรอเปรียบเทียบ UI อีกทีนะครับ)

 

3. Autofill APIs

กูเกิลพัฒนาให้ใน Android O รองรับการตั้งค่า Default App สำหรับกลุ่มแอป Autofill และผู้ใช้เลือกเปลี่ยนได้ผ่าน Settingsอ พร้อมทำเพิ่ม Autofill Framework ให้นักพัฒนานำไปใช้กับแอปตัวเองได้ด้วย

 

4. Picture in Picture and new windowing features

ถ้าใครใช้ Android TV น่าจะคุ้นกับการแสดงผลแบบ Picture in Picture (PIP) ที่เล่นวิดีโอได้ต่อเนื่องแม้เราจะย้ายไปทำงานส่วนอื่นของระบบ ใน Android O นั้นจะรองรับการแสดงผลลแบบนี้แล้ว นอกจากนี้แล้วกูเกิลยังเพิ่มการรองรับการแสดงผลหลายจอด้วย หากอุปกรณ์ที่ใช้มีหลายจอ ก็สามารถย้าย multi-window ไปอีกจอได้

 

5. Fonts resources in XML

อันนี้อาจจะเป็นเรื่องเฉพาะนักพัฒนาไปหน่อย เพราะกูเกิลปรับให้ใน Android O ปรับให้ฟอนท์เป็นหนึ่งใน resource ประเภทนึงแล้ว และปรับแต่งตั้งค่าได้ในไฟล์ XML เลย

 

6. Adaptive icons


ดูเหมือนว่ากูเกิลจะให้ความใส่ใจกับธีมใน Android อยู่เหมือนกัน เพราะว่า Adaptive icons จะช่วยให้นักพัฒนาแอปเพิ่มไอคอนของแอปที่มีรูปร่างหน้าตาที่หลากหลาไยด้ รวมถึงอนิเมชันเวลาเกิดการกระทำต่างๆ ได้ด้วย โดยการแสดงผลนั้นจะขึ้นแต่ละอุปกรณ์ที่นักพัฒนากำหนด

 

7. Wide-gamut color for apps

เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนชอบใช้แอปแต่งภาพกันแบบเน้นๆ เลยสำหรับฟีเจอร์นี้ เพราะใน Android O จะรองรับให้แอปกำหนดการแสดงผลที่มีช่วงสีกว้างขึ้นได้แล้ว (รองรับ AdobeRGB, Pro Photo RGB, DCI-P3 และอื่นๆ) แต่ก็ขึ้นกับจอของอุปกรณ์ที่ใช้ด้วยนะว่ารองรับการแสดงช่วงสีกว้างด้วยรึเปล่า

 

8. Connectivity

กูเกิลได้พัฒนาให้ใน Android O นั้นมีคุณภาพเสียงผ่านการเชื่อมต่อไร้สายที่ดียิ่งขึ้น โดยการนำ Bluetooth codecs คุณภาพสูง เช่น LDAC ของโซนี่ มาใส่ให้รองรับเป็นพื้นฐาน และได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับส่วนของ Wi-Fi อย่าง WiFi Aware หรือชื่อเก่าคือ Neighbor Awareness Networking (NAN) เพื่อให้อุปกรณ์ค้นหาและสามารถติดต่อกันได้โดยไม่จำเป็นต้องมี Internet Access Point กูเกิลบอกด้วยว่ากำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์เข็นอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน Wi-Fi Aware ออกมาในเร็วๆ นี้ด้วย

 

9. Keyboard Navigation

Android O เพิ่มการรองรับให้การควบคุมด้วยคีย์บอร์ดจริง อย่างเวลาใช้แอปบน Chrome OS จะรองรับการเลื่อนตำแหน่งด้วยการใช้ ปุ่ม arrow หรือปุ่ม Tab ได้

 

10. AAudio API for Pro Audio

AAudio เป็นฟีเจอร์เกี่ยวกับเสียงตัวใหม่ที่ออกแบบมารองรับแอปที่ต้องการระบบเสียงที่ประสิทธิภาพสูงและมีความหน่วงต่ำ แอปที่ใช้ AAudio นั้นจะมีการเขียนอ่านเสียงในแบบ Stream คาดว่าน่าจะคล้ายๆ กับ ASIO บน Windows ครับ

 

11. WebView enhancements

มีการแยก WebView ออกจากแอปหลักเพื่อเพิ่มความเสถียรของตัวแอปหลัก พร้อมทั้งเพิ่ม API สำหรับให้นักพัฒนาตรวจสอบปัญหา error ต่างๆ ได้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

 

12. Java 8 Language APIs and runtime optimizations

เพิ่มการรองรับ API ของ Java 8 มากขึ้น รวมถึงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพตอน Runtime ที่ดีขึ้น ในบางแอปมีความรวดเร็วเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

 

13. Partner platform contributions

ในกลุ่มพาร์ทเนอร์กูเกิลและนักพัฒนาต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุง Android จนมาเป็น Android O หนึ่งในนั้นก็คือโซนี่ ที่ได้ช่วยพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ กว่า 30 ฟีเจอร์ รวมถึงการนำ LDAC มาใส่ให้กับ Android O ด้วย นอกจากนี้แล้วโซนี่ยังช่วยจัดการบั๊กให้กับ Android O ไปอีกกว่า 250 บั๊ก

ไล่มา 13 ฟีเจอร์นี้แล้ว ดูท่าปีนี้ Android O ก็จะมีของใหม่ๆ มาเพิ่มอีกเพียบเลย คงต้องรอดกันอีกทีในงาน Google I/O 2017 ว่าฟีเจอร์ทั้งหมดของ Android O จะมีอะไรบ้าง จะมีอะไรเพิ่มมาอีกหรือเปล่า เพื่อนๆ เห็นฟีเจอร์ทั้งหลายเหล่านี้แล้วคิดเห็นอย่างไรก็มาคอมเมนท์กันได้นะครับ
ที่มา: android developer