จากตอนแรกที่คาดว่า Google จะปล่อย Android P รุ่นทดสอบสำหรับนักพัฒนาหรือ Developer Preview ออกมาในช่วงกลางเดือนมีนาคม แต่เมื่อคืนนี้อยู่ดีๆ Android Developer Blog ก็ประกาศการมาของ Android P เป็นที่เรียบร้อย แถมยังเปิดให้ผู้ใช้งาน Pixel สามารถดาวน์โหลดไปทดลองได้เสร็จสรรพ ว่าแต่ในเวอร์ชั่นนี้มีฟีเจอร์ใหม่ๆ อะไรเพิ่มเข้ามาบ้างลองมาดูกันครับ

 

Indoor positioning with Wi-Fi RTT : ระบบการระบุตำแหน่งในอาคารด้วย WiFi

รองรับการระบุตำแหน่งของผู้ใช้งาน Android ในอาคารได้แม่นยำขึ้น (ระยะ 1-2 เมตร) โดยใช้ Wi-Fi RTT หรือการคำนวนระยะการรับส่งข้อมูลจาก Access Point ในอาคารด้วย RTT APIs ซึ่งไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ Access Point เพื่อคำนวนตำแหน่ง แค่มองเห็นก็พอ และถ้ามี Access Point รอบตัวมากก็จะแม่นยำมากขึ้น

Display cutout support : รองรับหน้าจอที่ถูกตัดออก หรือจอแหว่ง

ตอนนี้มือถือหลายๆ รุ่นนั้นมีการปรับมาใช้หน้าจอขนาดเต็มพื้นที่แบบ Full View และบางส่วนของหน้าจอนั้นถูกแทรกหรือโดนตัดออกไป เช่น Essential Phone และยี่ห้ออื่นๆ เลยมีการเพิ่ม DisplayCutOut เข้ามาช่วยให้มือถือทุกรุ่นสามารถแสดงผลได้สมบูรณ์ไม่ผิดเพี้ยน

Improved messaging notifications : ปรับปรุงข้อความแจ้งเตือน

ปรับรูปแบบการแจ้งเตือนใหม่ จากเดิมที่เป็น Notification Style อ่านได้เฉพาะข้อความล่าสุดให้กลายเป็น Messaging Style สามารถย้อนอ่านข้อความและดูภาพได้บนแถบแจ้งเตือนเลย แถมยังสามารถตอบได้ทันทีหรือจะแนบรูปภาพไปด้วยก็ได้

Multi-camera API : รองรับการทำงานกับกล้องหลายตัว

เป็นครั้งแรกที่ Android รองรับการใช้งานกับกล้องหลายตัว จะเป็นกล้องหรือต่อไปจะมี 3-4 กล้องก็ไม่ว่ากัน โดยในเวอร์ชั่นนี้จะสามารถใช้การซูม การทำภาพ Bokeh, Portrait หรือวัดค่า Depth ทำภาพ 3D ได้ใน Android P และรองรับการสตรีมภาพจากหลายๆ กล้อง (อาจจะคล้าย Bothie ของ Nokia) แถมยังเพิ่ม OIS Timestamp ให้แอปสามารถเข้าถึงระบบกันสั่นและการใช้งานเอฟเฟคต่างๆ ได้ด้วย

ImageDecoder for bitmaps and drawables : ตัวแปลงไฟล์ภาพใหม่

ImageDecoder จะถูกนำมาใช้งานแทน BitmapFactory  เพื่อเพิ่มความสามารถในการแปลงไฟล์และสร้างไฟล์ภาพ การย่อขยายภาพรวมถึงการปรับแต่งให้ดีขึ้น ทั้งยังรองรับภาพเคลื่อนไหวอีกด้วย

HDR VP9 Video, HEIF image compression, and Media APIs : รองรับ HDR

Android P มีการเพิ่ม HDR VP9 Profile 2 ทำให้สามารถชมวิดีโอ HDR จาก YouTube, Play Movies และช่องทางอื่นๆ ที่รองรับได้ (แต่หน้าจอหรือตัว hardware อาจจะต้องรองรับด้วย) นอกจากนั้นยังรองรับไฟล์ภาพ HEIF เพื่อคุณภาพและความรวดเร็วในการรับส่งไฟล์ และกำลังปรับปรุง Media APIs ใหม่ (อาจจะมีข้อมูลเพิ่มเติมในงาน Google I/O)

Data cost sensitivity in JobScheduler : คำนวนการใช้งานอินเตอร์เน็ต

ปรับปรุง JobScheduler ให้สามารถควบคุมการใช้ข้อมูลอินเตอร์เน็ตได้ เช่นกำหนดขนาดของข้อมูลที่จะใช้เป็นกี่ MB หรือ GB ในกรณีที่เครือข่ายแน่น เน็ตช้า ก็อาจจะเลือกหยุดการดาวน์โหลดและไปเน้นการใช้งานทั่วไป รวมถึงการสร้างกำหนดการดาวน์โหลด (prefetch) เอาไว้ล่วงหน้า หากเจอเครือข่ายที่แรงหรือ WiFi

Neural Networks API 1.1 : เพิ่มความสามารถให้ AI

ระบบ Machine Learning ได้ถูกนำมาใช้บน Android เป็นครั้งแรกในเวอร์ชั่น 8.1 Oreo และใน Android P ก็มีการเพิ่มเติมคำสั่งเข้ามาอีก ซึ่งใครที่ใช้ Pixel 2 ก็จะสามารถใช้งาน Qualcomm Hexagon HVX ได้

Autofill improvements : ปรับปรุงระบบการเติมข้อความอัตโนมัติ

ระบบเติมข้อความต่างๆ รวมถึงการจดจำรหัสผ่านได้ถูกปรับปรุงใหม่ตามที่ผู้ใช้งานและนักพัฒนาได้ร้องเรียนเข้ามา

Open Mobile API for NFC payments and secure transactions : เปิดระบบจ่ายเงินผ่าน NFC

เปิดการเข้าถึงระบบความปลอดภัยและการชำระเงินผ่าน NFC รวมถึงการใช้งานในรูปแบบของ Smart Card

 

นั่นคือฟีเจอร์บางส่วนที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Android P เวอร์ชั่นแรกนี้ครับ แต่คาดว่าจริงๆ น่าจะยังมีอะไรอีกเยอะที่ทาง Google ยังไม่ได้ออกมาอธิบายใน Blog ซึ่งคาดว่าข้อมูลและรายละเอียดแบบเต็มๆ ของ Android P จะถูกเปิดเผยในงาน Google I/O ในช่วงเดือนพฤษภาคมครับ

อ้อลืมไปเลย สำหรับใครที่ต้องการจะลองเล่นงานนี้ต้อง flash เครื่องเอาเองนะครับ Download & Flash Android P

 

source : android developer blog