หลังจากที่เปิดตัวแบบเงียบ ๆ สำหรับ AirPods Max หูฟัง Full-Size ครอบหูรุ่นแรกของทาง Apple ที่ตั้งราคาแบบสูงกว่าเพื่อน ๆ ในเซคเม้นท์เดียวกัน แต่บอกเลยว่าหลังจากผมได้ลองใช้งาน สัมผัสดู ก็พบว่าคุณภาพวัสดุต่าง ๆ มันแบบพรีเมียมจริง ๆ ว่าแต่ในกล่องจะมีอะไรบ้าง เรามาหาคำตอบกันไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ
โดยตัวกล่องก็มาแบบเรียบ ๆ ตามสไตล์ของ Apple เลย พร้อมกับรูปหูฟัง AirPods Max ด้านหน้า ซึ่งสีที่เราไปกดมาจะเป็นสีเงิน Silver ที่เอาไปแมทช์กับ MacBook หรือ iPhone ได้แบบสบาย ๆ คุมโทนมินิมอลสุด ๆ
พอแกะกล่องออกมาก็จะพบเจอเข้ากับเจ้า AirPods Max ใส่ไว้ในสมาร์ทเคสที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกับ…ชุดชั้นในยังไงยังงั้น ฮ่า ๆ โดยนอกจากตัวหูฟังแล้ว ยังมีสายชาร์จแบบ USB-C to Lightning …ใช่แล้วฟังไม่ผิด สาย USB-C to Lightning ไม่ใช่ USB-C และแน่นอนว่าไม่มีหัวชาร์จอะแดปเตอร์แถมมาให้
ใครที่เคยผ่านการใช้งานหูฟังแบบครอบหูมาก่อน ก็จะคุ้นชินกับการพับตัวหูฟังเก็บใส่เคส พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทว่าในส่วนของ AirPods Max นี้กลับไม่สามารถพับได้ซะงั้น ทำได้แค่หมุน ๆ ใส่สมาร์ทเคสเท่านั้น ซึ่งตัวเคสเนี้ย ก็จะป้องกันแค่เฉพาะตัวบอดี้ของหูฟังเท่านั้น แล้วก็ปล่อยให้ตัวคาดหูเป็นเหมือนหูหิ้ว หรือกระเป๋าสวย ๆ นั่นเอง
ตัวเคสเป็นวัสดุคล้าย ๆ หนังเรียบ ๆ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นคราบเปื้อนง่าย ๆ เพราะงั้นต้องระวังให้ดี ซึ่งตัวที่ปิดหูฟังก็จะตัวฝาพับแม่เหล็กที่ดูดไม่แรงเท่าไหร่ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
หยิบตัวหูฟังขึ้นมาแล้วก็บอกเลยว่าหนักใช่ย่อยเลยเพราะเป็น Aluminum ทั้งหมดเลย น้ำหนักอยู่ที่ราว ๆ 386 กรัม (ไม่รวมเคส) ซึ่งเมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายที่เป็นประเภทคล้าย ๆ กันอย่าง Sony WH1000-XM4 ที่มีน้ำหนักเพียง 250 กรัม ก็ถือว่าหนักกว่าพอสมควร ทั้งที่ความจริงแล้วหูฟังประเภทนี้มันควรจะออกแบบมาให้น้ำหนักเบาสำหรับใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ
ตัวเปิดปิดเคสเป็นตัวบานพับแม่เหล็กนะครับ ซึ่งตัวแม่เหล็กก็ไม่ได้แน่นมากเท่าไหร่ สามารถดึงหูฟังออกมาได้ตรง ๆ เลย ซึ่งด้านนอกจะเป็นวัสดุเรียบ ๆ ส่วนด้านในก็จะเป็นสัมผัสนุ่ม ๆ แบบกำมะหยี่ทำให้ช่วยถนอมให้ไม่เป็นรอยนั่นเอง
ตัวฟองน้ำหูฟังอยู่ซึ่งตัวฟองน้ำก็จะมีลักษณะแบบตาข่าย ๆ มีความนุ่มนิ่ม จิ้มแล้วมีความรู้สึกเหมือนหมอน Memory Foam ที่จิ้ม ๆ ไปแล้วจะบุ๋ม ๆ แล้วค่อย ๆ ฟูกลับขึ้นมาใหม่เหมือนหมอนสุขภาพนั่นเอง ซึ่งตัวอักษร Left/Right ก็จะอยู่ที่ด้านในตัวหูฟังนั่นเอง
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจในหูฟัง AirPods Max ที่หูฟังตัวอื่นไม่น่าจะมีก็จะเป็นในเรื่องของตัว Earcups ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งวิธีถอดก็แค่ดึงออกมาได้เลยเพราะตัว Earcups ต่อกับหูฟังด้วยแม่เหล็กนั่นเอง ซึ่งเป็นการดีไซน์ที่บอกเลยว่าดีมากเพราะหูฟังตัวอื่นก็สามารถเปลี่ยนได้แค่ใส่ก็ยางถอดก็ยาก พอใช้ไปนาน ๆ เข้าแล้วมันก็จะลอกเสื่อมไปตามการเวลา แต่อันนี้ถอดใส่ได้สบาย ๆ เลยครับ
ตัวบอดีเป็นอลูมิเนียมแข็งแรงทนทาน มีสัมผัสเรียบ ๆ เย็น ๆ นะครับจับแล้วก็พรีเมียมสมราคามาก ๆ แถมตัวก้านก็เป็น อลูมิเนี่ยมที่เคลือบวัสดุแนว ๆ Soft-touch ให้ความรู้สึกเรียบ ๆ มือ แต่สีขาวตัวนี้บอกเลยว่าถ้ามือดำ ๆ ก็อาจจะเป็นรอยได้เพราะงั้นต้องระวัง ๆ กันหน่อยนะครับ
ในส่วนของการควบคุมก็จะมีตัว Digital Crown แบบที่น่าจะคุ้นเคยกันใน Apple Watch ซึ่งสามารถควบคุมได้ทั้งในแบบของการหมุนเพื่อเพิ่มเสียงลดเสียง และการกดไปเพื่อควบคุม ไม่ว่าจะเป็น Play/Pause เปลี่ยนเพลง หรือเปิดใช้งาน Siri ได้นั่นเอง
มองลงมาด้านล่างเราก็จะเห็นเป็นช่องเสียบสาย Lightning เอาไว้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่นั่นเองซึ่งตัวเคสก็จะมี Cut-out ตรงส่วนนี้เอาไว้เพื่อให้สามารถชาร์จไฟได้ขณะที่ใส่อยู่ในเคสนั่นเองครับ
ถือว่าพอแค่นี้กันก่อนดีกว่าสำหรับการ Unbox หูฟัง AirPods Max สำหรับใครที่อยากรู้ว่าคุณภาพเสียง และฟีเจอร์ต่าง ๆ จะเจ๋งแค่ไหนก็ต้องรอดูใน Review เร็ว ๆ นี้ครับ (จากที่ฟังมาแล้วก็บอกได้เลยว่า ว้าว สมราคาอยู่พอสมควรเลยครับ)
รอชมรีวิวเลยค้าบ ขอเน้น ๆ เรื่อง computational audio ดูจากคลิปโปรโมทแล้วแอปเปิลบอกว่าใช้ชิพปรับ EQ ตลอดเวลาเพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุด สูงสุด 200 ครั้งต่อวินาทีเลย รอดูครับ
เชื่อมต่อด้วยอะไร bluetooth อย่างเดียวรึ interface อื่นร่วมด้วย?
เล่นเกมส์เสียงดีเลย์มั้ย
ต่อสายฟังได้รึเปล่ารึได้แค่ชาร์จไฟ
ดูรีวิวไทยมาหลายเจ้าไม่มียักกะมีพูดถึง 😒
เรียนคุณ Zexus รีวิวเต็มและเปรียบเทียบกำลังมาครับผมอดใจรออีกนิดนึงนะครับ แต่ผมจะมาไขข้อสงสัยให้นะครับ การเชื่อมต่อใช้เป็น Bluetooth ครับผมไม่จำเป็นต้องมี Interface อื่นมาร่วม Seamless มาก ๆ ครับแต่จากที่ลองตอนนี้ลองไปแค่กับฝั่ง Apple เพราะตัว Chip ที่ออกแบบมาเข้ากันทำให้เสียงดีมาก ๆ แล้วก็การเชื่อมต่อไม่มีดีเลย์เลยครับ ทีมตัดต่อสามารุเอาไปเชื่อมต่อ Mac เพื่อตัดต่อได้ไม่มีปัญหาเลย ส่วนตัวสายเอาไว้ชาร์จไฟครับ และทางทีมงานได้เอา Lightning to 3.5 มาลองแล้วสามารถฟังผ่านสายได้ครับ แต่ด้วยความที่ว่ายังไม่ได้ลองหา Lightning to Lightning มาต่อกับ iPhone (ไม่ชัวร์ด้วยว่ามีไหม) เลยยังไม่มั่นใจว่าได้ไหมครับ อาจจะเอา Lightning to 3.5 เสียบเข้า 3.5 to Lightning แต่ผมว่าก็อาจจะผิดจุดไปหน่อย 🤣 ส่วนเรื่องฟีเจอร์และคุณภาพเสียงอดใจรออีกหน่อยนะครับสัญญาว่าจะรีบทำมาให้อ่านแน่นอน ขอบคุณที่ให้ความสนใจและคอยอ่าน Droidsans นะครับผม
ขอบคุณที่ช่วยไขข้อข้องใจครับ ไม่มีคนถูกถึงจริงๆ
เคยใช้ Shure SRH-440 อยู่ หนัก 311g ยังปวดคอเลย…เจ้าตัวนี้ไม่รอดแน่นอน (ปัจจุบันใช้ Audio-Technica ATH-M30x หนัก 220g สบายสุดๆ)
.tb_button {padding:1px;cursor:pointer;border-right: 1px solid #8b8b8b;border-left: 1px solid #FFF;border-bottom: 1px solid #fff;}.tb_button.hover {borer:2px outset #def; background-color: #f8f8f8 !important;}.ws_toolbar {z-index:100000} .ws_toolbar .ws_tb_btn {cursor:pointer;border:1px solid #555;padding:3px} .tb_highlight{background-color:yellow} .tb_hide {visibility:hidden} .ws_toolbar img {padding:2px;margin:0px}
ตัวหูฟังสวยดี แต่เคสดูแล้วแปลกๆแต่ช่างเถอะคงแขวนคอตามปกติ
มีห่วงอยู่2เรื่อง คุณภาพเสียงกับน้ำหนัก ความจริงไหนๆก็ทำให้เปลี่ยนEarcupsได้ง่ายแบบMaster Dynamicแล้ว น่าจะมีแบบover earให้เปลี่ยนด้วย บางทีเดินถนนไม่อยากใส่Fullsize มันร้อน
ปล. ออกแบบให้เปลี่ยนEarcupsสะดวก กลัวใจจริงๆว่าตัวEarcupsจะลอกง่าย
หูฟังราคาระดับนี้แถมหนักแบบนี้น่าจะขายได้แค่สาวกหรือนักสะสมเท่านั้นแหละ