มหากาพย์คดี batterygate ที่มีการฟ้องร้องกันมาตั้งแต่ปี 2017 กรณีที่ผู้ใช้งานจำนวนมากตั้งข้อสังเกตว่า iPhone รุ่นเก่าทำงานช้าลงอย่างผิดปกติหลังอัปเดตเป็น IOS 10 และ iOS 11 ซึ่ง Apple ได้ออกมายอมรับภายหลังว่ามีการปรับลดความเร็วซีพียูจริง และจ่ายเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นค่ายอมความในปี 2020 และล่าสุดมีรายงานว่า เริ่มมีโจทก์บางรายที่ได้รับเงินชดเชยดังกล่าวแล้วในสัปดาห์นี้
สำหรับ iPhone ที่เกี่ยวข้องกับคดี batterygate มีทั้งหมด 7 รุ่น ดังนี้
- iPhone 6
- iPhone 6 Plus
- iPhone 6s
- iPhone 6s Plus
- iPhone 7
- iPhone 7 Plus
- iPhone SE (รุ่นที่ 1)
หนึ่งในผู้ร่วมฟ้องร้องแบบกลุ่มในสหรัฐฯ ระบุว่าได้รับเงินชดเชยเป็นมูลค่า 92.17 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,200 บาท) โอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง เช่นเดียวผู้ร่วมฟ้องร้องแบบกลุ่มในแคนาดา จะได้รับเงินชดเชยเป็นมูลค่าใกล้เคียงกัน สูงสุดที่ 150 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 3,900 บาท) ต่อจำนวนเครื่อง iPhone ในครอบครองที่ได้รับผลกระทบ และต้องเป็นผู้ที่ยื่นฟ้องร้องก่อนเดือนตุลาคม 2020
- Apple ยอมแล้ว… ตกลงจ่าย 113 ล้านเหรียญ ยุติคดี Batterygate
- Apple แถลงกรณีลดความเร็ว iPhone แบตเสื่อม เตรียมลดค่าเปลี่ยนแบตเพื่อเยียวยา
- Apple ยอมรับ ปรับลดประสิทธิภาพ iPhone อ้างเพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้น
ทั้งนี้ เกี่ยวกับการปรับลดความเร็วซีพียูของ Apple ตอนนั้นทาง Apple ให้เหตุผลว่า เป็นเพราะต้องการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ใน iPhone รุ่นเก่า และป้องกันไม่ให้เครื่องดับเองแบบกะทันหัน แต่ผู้ใช้งานบางส่วนมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับความยินยอม จนนำไปสู่การฟ้องร้องเป็นมหากาพย์ batterygate ดังที่เห็น
ที่มา : MacRumors
Comment