ในที่สุด iPhone 15 Series ที่ทุกคนต่างรอคอยตั้งแต่ก่อนเปิดตัว ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวกันเรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าสมการรอแน่นอน เพราะมีการปรับดีไซน์ในเรื่องของพอร์ตแบบใหม่ ทั้ง iPhone 15 pro, iPhone 15 pro Max รวมไปถึงการอัปเกรดฟีเจอร์ กล้องหลัง หรือว่าชิป A17 Pro อีกด้วย ทางเราได้แบ่งหัวที่น่าสนใจแล้วสรุปออกมาให้ดูกันเป็นหัวข้อดังนี้

1.หน้าจอขอบบางที่สุดในรุ่น มาพร้อมวัสดุไทเทเนียม

iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ยังใช้ดีไซน์แบบเดิม แต่มีการปรับดีไซน์ฝาหลังให้มีความโค้งมนมากขึ้น จากที่ในรุ่นเดิมเป็นกระจกที่เรียบเสมอไปกับขอบเฟรมตัวเครื่องแทบทั้งหมด ส่วนเฟรมขอบตัวเครื่องในรุ่นนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางดีไซน์ที่มากเกินไป ยังคงใช้หน้าจอเจาะรูเหมือนกับ IPHONE 14 PRO / IPHONE 14 PRO MAX

ซึ่งหน้าจอ ของ iPhone 15 Pro มีขนาดอยู่ที่ 6.1 นิ้ว และ iPhone 15 Pro Max มีขนาดอยู่ที่ 6.7 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี ProMotion ในรุ่นนี้จะดีไซน์ขอบจอแสดงผลออกมาได้บางที่สุดในวงการ มีขนาดเพียงแค่ 1.55 มม. เท่านั้น แถมยังมีการเปลี่ยนวัสดุตัวเครื่องจาก Stainless Steel เป็นวัสดุไทเทเนียม ที่ช่วยให้ตัวเครื่องทนทานขึ้น ดูแพงไม่น้อย

ซึ่งรูกล้องดังกล่าวยังใช้ฟีเจอร์ Dynamic Island ที่จะปรับเปลี่ยนรูกล้องให้กลายเป็นแถบสำหรับแสดงผลต่าง ๆ ทั้งการแจ้งเตือน หรืออื่น ๆ และอินเทอร์เฟซบริเวณรอบรูกล้องจะเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ารูกล้องนี้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับหน้าจอและไม่เกะกะรบกวนสายตาเท่าไหร่นัก

2.พอร์ต USB – C โฉมใหม่

หลังจากที่ Apple ได้ทำตามกฏหมายของ EU ที่กำหนดให้อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องรองรับมาตรฐานการชาร์จพอร์ต USB-C เหมือนกันหมดภายในปี 2024 ก็มาถึงคราวของ iPhone 15 series โดยกา เปลี่ยนมาใช้ USB-C แทน Lightning Port เดิม

3.จอภาพสว่าง 2,000 นิตเท่าเดิม

iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max มากับหน้าจอ Super Retina XDR ที่ทำให้สว่างกว่าในการใช้งานกลางแจ้งดันความสว่างเฉพาะจุดได้สูงสุด 2,000 นิต และในการแสดงผล HDR ก็ได้ประโยชน์ไปด้วยจากการดันความสว่างเฉพาะจุดได้สูงสุด 1,600 นิต ซึ่งในแง่ของ HDR นั้น ความสว่างที่เพิ่มขึ้นหมายถึงการให้ภาพที่สมจริงกว่าเดิม รับชมคอนเทนต์ได้เต็มอรรถรส

ส่วนพาเนลจอคาดว่าจะใช้ LTPO Super Retina XDR OLED 1 – 120Hz เหมือนเดิม แต่จะมาพร้อมกับชิปไดรเวอร์ที่ขนาดเล็กลง และกินไฟน้อยลงกว่าเดิมจาก 40nm HV เหลือเพียง 28nm HV ซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น ไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมดกลางทาง

4.ชิป A17 Pro แบบใหม่ แรงกว่าเดิม

iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ใช้ชิป Apple A17 Pro และเทคโนโลยี MetalFX Upscaling ทำให้สามารถพอร์ทเกมลงให้เล่นกันบนมือถือได้เลย

  • CPU แบบ 6-core  ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์
  • GPU แบบ 6-core 
  • Neural Engine แบบ 16-core 

ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 3 นาโนเมตรของ TSMC พร้อมทรานซิสเตอร์เกือบ 1 หมื่น 6 พันล้านตัว ซีพียูและจีพียูจากเดิมที่แรงมากอยู่แล้วก็แรงขึ้นไปอีก มี Neural Engine ที่คำนวณได้ 17 ล้านล้านรายการต่อวินาที และ ISP ใหม่ เมื่อรวมกันแล้วส่งผลให้การประมวลผล Computational Photography ขณะถ่ายภาพและวิดีโอทำได้ละเอียดอ่อนลึกซึ้งกว่าเดิมมาก ทั้งการใช้พลังงานในภาพรวมก็น้อยลง และบอกเลยว่าความเร็วได้ดีกว่ารุ่นเดิมถึง 10 – 15% ทำให้จัดการพลังงานได้ดีกว่าเดิมถึง 30% ด้วย

5.อัปเกรดกล้องหลังรุ่นใหญ่ Pro Max ซูมไกลขึ้น 5 เท่า

กล้องหลังของ iPhone 15 Pro และ iPhone 14 Pro Max เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีการอัปเกรดขนานใหญ่ จากการเปลี่ยนเซนเซอร์กล้องหลัก 12MP เป็น 48MP ความละเอียดเพิ่มขึ้น 4 เท่า และขนาดใหญ่ขึ้น 65%

แถมยังเพิ่มกล้อง Periscope ซูมไกลถึง 5 เท่าให้เฉพาะ iPhone 15 Pro Max เท่านั้น และยังซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า และช่วงซูมแบบออปติคัล 10 เท่า ,ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 25 เท่า นอกจากนี้ยังคาดว่าจะได้เปลี่ยนเซนเซอร์กล้องหลักใหม่เป็น Sony IMX903 ที่มีขนาดใหญ่เกือบ 1 นิ้ว

ส่วน iPhone 15 Pro ยังได้กล้องชุดเดิมเพราะมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ ซึ่งข้อแตกต่างตรงนี้อาจทำให้ iPhone 15 Pro Max มาเหนือเหมือนกันด้วยการอัปเกรดกล้องแบบจัดเต็มใส่เซนเซอร์ Periscope ซูมไกลถึง 5 เท่า ที่สำคัญความละเอียดได้เพิ่มเป็น 4K@60FPS ต่างจากรุ่นก่อนที่จำกัดแค่ความละเอียด 4K@30FPS

6. แบตอึดเหมือนเดิม

ในขณะที่ iPhone 15 Pro เล่นวิดีโอนานสูงสุด 23 ชม.และ iPhone 15 Pro Max เล่นวิดีโอนานสูงสุด29 ชม. เรียกว่าใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

  • iPhone 15 Pro Max เล่นวิดีโอได้นานกว่า iPhone 12 Pro Max สูงสุดถึง 9 ชั่วโมง
  • iPhone 15 Pro เล่นวิดีโอได้นานกว่า iPhone 12 Pro สูงสุดถึง 6 ชั่วโมง

7.ปุ่ม Action Button

เป็นฟีเจอร์ใหม่กริ๊ง โดยนำปุ่ม Mute Switch ที่ได้หายไปแล้วหลังอยู่คู่กับ iPhone มานานตั้งแต่เริ่มต้น โดยในรุ่น iPhone 15 Pro Series ได้นำปุ่ม Action Button เข้ามาแทนที่ เป็นปุ่มที่สามารถตั้งค่าคำสั่งด่วนต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ จะใช้เป็นปุ่ม Mute เหมือนเดิมก็ได้ หรือปิดเสียง เปิดสั่น เปิดไฟฉาย เป็นต้น

8.กล้อง Spatial video สุดสมจริง

ถ่ายวิดีโอเชิงมิติพื้นที่ ด้วยกล้อว 120 มม.ซูมได้อย่างโปร โดยการบันทึกวิดีโอ Spatial video ที่ให้ใช้งานได้แล้วบน iPhone ซึ่งถ่ายวิดีโอบน iPhone 15 Pro แล้วมาย้อนดูบน Apple Vision Pro ให้ความทรงจำดูเหมือนจริงยิ่งขึ้น และ iPhone 15 Pro สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 3D โดยใช้กล้องอัลตร้าไวด์และกล้องหลักสุดล้ำเพื่อมาย้อนดูช่วงเวลาที่น่าประทับใจได้บนแว่น Apple Vision Pro อีกด้วยนะทุกคน

ราคาและการวางจำหน่าย

สำหรับราคา iPhone 15 ทั้งสองรุ่นมีดังนี้

  • iPhone 15 Pro – ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท
  • iPhone 15 Pro Max – ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท

Apple จะเริ่มเปิดให้พรีออร์เดอร์ iPhone 15 ทั้ง 4 รุ่น ในวันที่ 15 กันยายน และจะวางขายตามปกติต่อไปในวันที่ 22 กันยายน