แหล่งข่าวเผย Apple กำลังอยู่ในกระบวนการเจรจากับเหล่าซัพพลายเออร์ เรื่องการผลิต MacBook ในไทย เนื่องจากบริษัทกำลังขยายฐานการผลิตนอกประเทศจีนท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ (การศึกษาผลกระทบทางภูมิศาสตร์ที่มีต่อการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) โดยได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ และโมดูลของ MacBooks ภายในประเทศไทยค่ะ
Nikkei Asia เผยว่า ซัพพลายเออร์ของ Apple ได้ร่วมในการเจรจาและหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ของ MacBooks ที่โรงงานในประเทศไทย
หนึ่งในซัพพลายเออร์กล่าวว่า ชิ้นส่วนของ MacBook จะเริ่มผลิตที่ประเทศเวียดนามก่อน ซึ่งจะสามารถรองรับส่วนประกอบจากโรงงานของไทยได้ด้วย ซึ่งจะใช้เวลาแค่ 2-3 วันเท่านั้น สำหรับการขนส่งและผ่านทางศุลกาการ
โดยการผลิตดังกล่าวจะเริ่มในครึ่งปีแรกของ 2566 นี้ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นก้าวแรกที่ยากสำหรับ Apple พอสมควร เพราะกว่าบริษัทจะสร้างห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่ในประเทศนี้ได้ก็ต้องใช้เวลานานกว่าหลายสิบปี
แหล่งข่าว Nikkei Asia เผยว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ Apple เองก็ได้ค่อย ๆ ย้ายการผลิตบางส่วนของ Apple Watch, iPads และ MacBooks ไปยังทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ซึ่งจำนวนซัพพลายเออร์ของบริษัทในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นเป็น 25 ราย ในปี 2564 เทียบกับปี 2561 เป็นช่วงเริ่มสงครามการค้ามีซึ่งมีเพียง 14 รายเท่านั้น
การเติบโตดังกล่าวได้ทำให้ประเทศแถบเอชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลประโยชน์หลักจากการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทาน แต่ซัพพลายเออร์หลายรายก็ได้เจอปัญหาขาดแรงงานและวิศวะกรที่มีทักษะ
ถึงแม้สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนจะเกิดขึ้น แต่ประเทศไทยก็ยังเป็นผู้ได้ผลประโยนช์อยู่ เพราะมีซัพพลายเออร์จำนวนมากมาตั้งโรงงานในประเทศ
อย่างไรก็ดี Eddie Han นักวิเคราะห์อาวุโสของ Isaiah Research ได้เผยว่า Apple ดูไม่ค่อยกระตือรือล้นกับแนวคิดการสร้างสายการผลิตในไทยเท่าไหร่ เพราะจากการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานแล้ว ยังไงเวียดนามก็ยังมีภูมิศาสตร์ที่ใกล้ชิดกับจีนมากกว่า และมีข้อตกลงการค้าที่เสรีกว่าไทย
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังระบุว่าประเทศไทยได้ผลิต Apple Watch ให้กับทาง Apple มาเป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว หรือ iMac 2021 บางล็อตก็พบว่าผลิตในไทยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ทางสำนักข่าว Nikkei Asia ก็ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง Apple ไปแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา ยังไงก็รอดูกันอีกทีว่าบทสรุปของการเจรจาครั้งนี้จะมีอะไรเพิ่มเติมบ้าง
ที่มา : Nikkei Asia
Comment