ภายในงาน Apple Event ก็ได้มีการเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นซีรีส์ 8 มาพร้อมกับ Apple Watch SE รุ่นที่ 2 และ Apple Watch Ultra ที่เผยโฉมกันเป็นครั้งแรกมาเอาใจสายลุยโดยเฉพาะ คราวนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ฟีเจอร์เกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของชีวิต อย่างตัวจับรอบประจำเดือน ระบบตรวจจับรถชน และมีโหมดรักษาพลังงานให้ใช้งานได้นานขึ้นสองเท่า ราคาเริ่มต้นในไทยอยู่ที่ 9,900 บาท

ดีไซน์ปีนี้ใช้โครงเหล็กอลูมิเนียมรีไซเคิล มีสีให้เลือกอย่าง  Midnight, Starlight, Silver, และ Product(Red) และมีรุ่นที่ทำจาก stainless steel ด้วยสี Silver, Gold and Graphite พร้อมมีหน้าปัดดีไซน์สวย ๆ จาก Nike และสายรัดจาก Hermes ปีนี้มีหน้าปัดขนาดใหญ่ขึ้น 20% กันน้ำกันฝุ่นได้

ฟีเจอร์เด่นมีการตรวจจับอุณหภูมิได้แม่นยำถึง 0.1 องศาเซลเซียส ที่ช่วยวัดรอบประจำเดือนและช่วงการตกไข่ของผู้หญิงได้ ทำให้ช่วยในการวางแผนการตั้งครรภ์กับครอบครัว และปรึกษากับแพทย์ได้โดยการใช้ข้อมูลจากตัวนาฬิกาได้ครับ

Apple Watch Series 8 ช่วยรายงานเวลารถชนได้ ด้วยระบบ Crash Detection ที่จะแจ้งเตือนหน่วยงานให้ความช่วยเหลือ ด้วยข้อมูลอย่างสถานที่เกิดเหตุ และผู้ติดต่อสำคัญของเราได้ เซนเซอร์ Gyroscope และ accelerometer ที่อัปเกรดมาให้ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนได้ไวขึ้น 4 เท่า

Apple Watch Series 8 มีแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 18 ชั่วโมง และยังมีระบบ Low Power ทำให้ใช้ได้ถึง 36 ชม. ติดต่อกัน ด้วยการปิดฟีเจอร์บางอย่างที่ไม่จำเป็นเช่น Always on display และตรวจจับการออกกำลังกายครับ

รุ่นนี้พัฒนามาให้เชื่อมต่อกับสัญญาณ Cellular นอกประเทศได้ ทำให้เดินทางออกไปต่างประเทศได้โดยใช้การเชื่อมต่อจากซิมเดิม ตอนนี้มีรับรองผู้ให้เครือข่าย 30 เจ้าทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ตรวจจับการออกกำลังกายหลายประเภท การชาร์จไว ตรวจจับช่วงวงจรการนอน afib history และอื่น ๆ อีก

Apple Watch SE

ในปีนี้มีเปิดตัว Apple Watch SE รุ่นที่ 2 มาด้วยกันในบอดี้อะลูมิเนียมรีไซเคิล สี Silver, midnight, and starlight ส่วนด้านล่างเครื่องทำจากวัสดุไนล่อนผสม

รุ่นนี้ก็จะมีฟีเจอร์เด่น ๆ ของปีนี้อย่างตัวตรวจจับอุบัติเหตุรถชน ใช้ชิปเดียวกันกับตัว Series 8 ทำให้ประมวลผลต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ SE ตัวเก่า มีตรวจจับระดับการนอนและอื่น ๆ อีกเช่นกันครับ

Apple Watch Ultra

Apple Watch Ultra รุ่นนี้มาด้วยดีไซน์โครงบอดี้แบบเหล็กไทเทเนียม จอเป็นแก้ว sapphire crystal ขอบหนา 49 มม. มีด้วยจอสว่างมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาถึง 2000 นิต มีจุดเด่นเป็นปุ่มสีส้มเด่น ๆ ที่เรียกว่าปุ่ม Action button ที่ตั้งค่าได้ว่าจะให้ทำอะไร

ตัวสายรัดข้อมือมีความยืดหยุ่นสูง ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการผลิตทำให้ไม่มีรอยเชื่อมต่อ เป็นทรงรีรัดจับกับข้อมือได้อยู่แน่นแม้ต้องลงน้ำทะเลลึกหรือเล่นกีฬาทางทะเล มีมาตรฐานความเข้มข้นและความลึกของน้ำ EN13319 ลงน้ำได้ลึก 40 เมตร และมีมาตรฐานความคงทน Mil-STD 810

มีการอัปเกรดลำโพงให้เสียงดังมากขึ้นถึง 86dB พร้อมแจ้งเตือนคนหากเราต้องการความช่วยเหลือ  มาด้วยไมโครโฟน 3 ตัว ที่ทำให้โทรคุยได้ด้วยเสียงคมชัดมากขึ้นแม้จะอยู่ในที่มีลมมาก ตัวนี้อยู่ได้นาน 36 ชั่วโมงแบบต่อเนื่อง และก็จะมีอัปเดตซอฟต์แวร์ให้อยู่ได้นาน 60 ชั่วโมงด้วยครับ จะเอาไปใช้วิ่งมาราธอนก็ไหว มีแบตเหลือกลับบ้านมา

ค้าเน้นเรื่อง GPS ที่ใช้ L1 และ L5 GPS ทำให้มีตัวบ่งบอกตำแหน่งที่แม่นยำที่สุดมากกว่าสมาร์ทวอทช์ใด ๆ ที่เคยมีมา พร้อมมีระบบเปลี่ยนขอบ Digital Crown ตามทิศทางเพื่อให้เรารู้ว่าเดินมาจากทางไหน ช่วยให้ไม่หลงทางได้หากอยู่ในป่า

ซึ่งในจอมีการออกแบบให้แสดงข้อมูลได้เยอะมากขึ้น มีตัว Wayfinder, ตรวจระดับความสูง, และหน้าเข็มทิศบอกทิศทาง พร้อมให้ใช้ลุยได้ทุกอย่างไม่ว่าจะไปปีนเขา ไปทะเล พร้อมปรับหน้าจอเป็น Night Mode ให้เหมาะการใช้ตอนกลางคืนด้วย

รุ่นนี้เกิดมาเพื่อคนเล่นกีฬาทางน้ำ มีระบบ Dive computer ตรวจจับระดับความลึกในน้ำ ดูเวลาและอุณหภูมิน้ำ ดูความไวเวลายกตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ และ ตรวจดู Decompression ได้เพื่อความปลอดภัยของนักดำน้ำ ใช้คู่กับแอป Oceanic+

ราคาและการวางขาย Apple Watch 

Apple Watch Series 8

  • ตัวเรือนหน้าปัด 41 มม. ราคา 15,900 บาท
  • ตัวเรือนหน้าปัด 45 มม. ราคา 16,900 บาท
  • การเชื่อมต่อ GPS ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท
  • การเชื่อมต่อ GPS + Cellular ราคาเริ่มต้น 19,900 บาท

Apple Watch SE

  • ตัวเรือนหน้าปัด 40 มม. ราคา 9,900 บาท
  • ตัวเรือนหน้าปัด 44 มม. ราคา 10,900 บาท
  • การเชื่อมต่อ GPS ราคาเริ่มต้น 9,900 บาท
  • การเชื่อมต่อ GPS + Cellular ราคาเริ่มต้น 11,900 บาท

Apple Watch Ultra

  • ตัวเรือนหน้าปัด 49 มม. การเชื่อมต่อ GPS + Cellular ราคา 31,900 บาท

โดยขณะนี้ยังไม่มีการประกาศวันวางขายที่แน่ชัดครับ โดยมีข้อมูลคร่าว ๆ ว่าจะวางขายในต่างประเทศช่วงเดือนตุลาคม 2022 ส่วนวันขายจริงในไทยก็ต้องรออีกทีนะ