ในงาน WWDC 2015 ที่แอปเปิลจัดขึ้นในปีนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่สิ่งหนึ่งคือบริการ Apple Music ที่เราอาจจะได้ยินข่าวหลุดข่าวลือมาพอสมควรแล้วว่ามาแน่ๆ แม้ว่าการเปิดตัว Apple Music จะเหมือนหวยล็อค แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชาวหุ่นเขียวอย่างเราๆ ต้องประหลาดใจคือ แอปเปิลนั้นพัฒนา Apple Music ให้รองรับทั้งระบบ Android และ PC ด้วย

Apple Music เป็นบริการสตรีมเพลงออนไลน์ที่มีเพลงรวมกว่า 30 ล้านเพลง รวมถึงมีมิวสิควิดีโอแบบ HD อีกมากมาย โดยสามารถเลือกฟังเองหรือให้ระบบคัดเลือกให้ก็ได้ ฟีเจอร์สำหรับคัดเลือกเพลงให้นั้นเรียกว่า For You โดยจะคัดเลือกเพลงให้เข้ากับผู้ใช้ และสามารถสั่งให้ Siri เล่นเพลงให้ได้ด้วย Apple Music ยังมีส่วนอื่นๆ อีกดังนี้

  • Apple Music Radio สถานีวิทยุออนไลน์ 24 ชั่วโมงในชื่อ Beats 1 เปิดให้บริการกว่า 100 ประเทศทั่วโลกและมีดีเจหลัก 3 คนที่เป็นผู้คัดเลือกเพลง
  • Apple Music Connect โซเชียลมีเดียของ Apple Music ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้แฟนคลับและศิลปินเข้าถึงกันได้อย่างง่ายดาย และสามารถแชร์ไปยัง Facebook Twitter และโซเชียลมีเดียอื่นๆ ได้

บริการของ Apple Music นั้นจะฟรีสำหรับ 3 เดือนแรก หลังจากนั้นแอปเปิลคิดค่าบริการเดือนละ $9.99 หรือคิดเป็นเงินไทยราว 3xx บาท และอีกทางเลือกหนึ่งคือบริการสำหรับครอบครัวมีราคาอยู่ที่ $14.99 ต่อเดือนหรือราว 4xx-5xx บาท โดยจะมีผู้ใช้งานร่วมกันได้ 6 คน

Apple Music จะพร้อมให้ใช้บริการสิ้นเดือนนี้วันที่ 30 มิถุนายน สำหรับ iPhone, iPod, iPod touch, Mac และ PC และสำหรับ Android นั้นจะเริ่มใช้งานได้ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ (ราวเดือนตุลาคม)

งาน WWDC ครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นงานที่แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้เราตื่นตาตื่นใจเลย อย่างปีที่แล้วยังมีการเปิดตัวภาษา Swift ที่ทำให้นักพัฒนาอึ้งไปหน่อยๆ แต่ในปีนี้ล้วนเป็นฟีเจอร์ที่เราเคยพบเห็นใน Android มาก่อนแล้ว (ขอไม่เปรียบเทียบในเชิงประสิทธิภาพ) สิ่งที่ทำให้ผมสะดุดได้ก็คือบริการ Apple Music ตัวนี้ 

การที่แอปเปิลตัดสินใจสร้างบริการให้กับแพลตฟอร์มอื่นนอกจากแพลตฟอร์มของตนเองนั้นถือเป็นก้าวเดินของแอปเปิลที่น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เพราะเลือกพัฒนาลงระบบ Android ที่เป็นคู่แข่งอีกด้วย แต่คงไม่ต้องสงสัยกันว่าเพราะอะไร  เพราะดูแล้วแอปเปิลอาจจะต้องการใช้เทคโนโลยีสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการบันเทิงและหวังลูกค้าแบบครอบคลุมหรือกินรวบเบ็ตเสร็จนั่นเอง หรือแอปเปิลอาจจะคาดหวังจำนวนผู้ใช้งานจากแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Android ที่มีผู้ใช้งานราว 80% ทั่วโลกก็เป็นได้ เพราะอะไรทำไมแอปเปิลถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ และนี่จะเป็นก้าวแรกของ Apple ทีจะพัฒนาแอปลงบน OS อื่นๆ เพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า

 

ที่มา: Businesswire, ภาพจาก Blognone, The Verge