ในทางเทคนิคแล้ว Studio Display จอภาพตัวใหม่ที่ Apple พึ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ สามารถใช้งานข้ามฟากกับพีซีในระบบ Windows ได้เหมือนกับมอนิเตอร์ทั่วไปที่มีกล้องเว็บแคมและลำโพงในตัว แต่ถึงกระนั้นก็มีข้อจำกัดเล็กน้อย โดยโฆษกของบริษัทฯ ได้บอกว่า ฟีเจอร์อย่าง Center Stage และ Spatial Audio รวมถึงการสั่งงาน Siri ด้วยเสียงจะไม่สามารถใช้งานได้
นอกจากนี้โฆษกของ Apple ยังให้กล่าวเพิ่มเติมว่า การอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ Studio Display จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ Mac เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ควรทราบเพิ่มเติม สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่คิดจะซื้อ Studio Display คือ ถึงแม้มันจะรองรับการใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของ Apple ครอบคลุมหลายอย่าง ทั้ง Mac และ iPad แต่ไม่ใช่ทุกรุ่นจะใช้งานได้ โดยรุ่นที่ถูกระบุความเข้ากันได้บนเว็บไซต์ มีดังนี้
Mac ที่รันด้วย macOS Monterey 12.3 หรือใหม่กว่า
- Mac Studio (ปี 2022)
- MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (ปี 2019 หรือใหม่กว่า)
- MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว (ปี 2021)
- MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว (ปี 2016 หรือใหม่กว่า)
- MacBook Pro รุ่น 15 นิ้ว (ปี 2016 หรือใหม่กว่า)
- MacBook Air (ปี 2018 หรือใหม่กว่า)
- Mac mini (ปี 2018 หรือใหม่กว่า)
- Mac Pro (ปี 2019 หรือใหม่กว่า)
- iMac รุ่น 24 นิ้ว (ปี 2021)
- iMac รุ่น 27 นิ้ว (ปี 2017 หรือใหม่กว่า)
- iMac รุ่น 21.5 นิ้ว (ปี 2017 หรือใหม่กว่า)
- iMac Pro (ปี 2017)
iPad ที่รันด้วย iPadOS 15.4 หรือใหม่กว่า
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3 หรือใหม่กว่า)
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว
- iPad Air (รุ่นที่ 5)
โดยจะเห็นได้ว่า Mac mini รุ่นที่เก่ากว่าปี 2017 ลงไปและ iPad Air รุ่นที่ 4 ไม่มีปรากฏในรายชื่อ
ทั้งนี้ Studio Display มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 54,900 บาท โดยมีตัวเลือกอัปเกรดเพิ่มเติม คือ กระจก Nano-texture เคลือบสารลดแสงสะท้อน และขาตั้งแบบปรับระดับความสูงได้ (ขาตั้งรุ่นพื้นฐานที่แถมมา ปรับได้แค่ก้มและเงย)
เอาจริงไม่ควรให้ Windows สามารถใช้งานได้เลย
ผมว่าก็โอเคนะใครมีทั้งสองระบบจะได้ไม่ต้องซื้อจออีกอันสำหรับ Windows