การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ เลยสำหรับบริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์และซีรีส์ จากที่แต่ก่อนมีเพียง Netflix เจ้าเดียวเท่านั้นที่ยืนหนึ่งในด้านนี้ ทว่าดูเหมือนว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หลัง Disney ประกาศจะทำบริการของตัวเองขึ้นมา ไหนจะ HBO อีกที่นำซีรีส์เด็ดๆ อย่าง GoT และ Chernobyl เข้ามาฉาย ล่าสุด Apple ก็เตรียมปล่อย Apple TV+ มาท้าชนบ้างในเดือนพฤศจิกายนนี้ ค่าบริการเริ่มต้น $9.99 ต่อเดือนหรือประมาณ 310 บาทเท่านั้น
วิธีการปล่อยคอนเทนต์ของ Apple TV+ จะมีความแตกต่างจาก Netflix ตรงที่ พวกเขานั้นจะไม่ปล่อยคอนเทนต์รวดเดียวทั้งหมด แต่เลือกแบบปล่อยก่อน 3 ตอนในสัปดาห์แรกแทน จากนั้นค่อยปล่อยเป็นสัปดาห์ละตอนไป เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานเสพคอนเทนต์รวดเดียวจนหมดภายในเวลาอันสั้น เพราะหลังจากนั้นอาจจะต้องรอซีซั่นใหม่นานนับปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานมาอีกว่าค่าบริการของ Apple TV+ นี้จะอยู่ที่ $9.99 ต่อเดือนหรือประมาณ 310 บาท ซึ่งก็เท่ากับค่าบริการของ Apple News+ และ Apple Music ในประเทศสหรัฐ ฯ (ในไทย Apple Music เสียค่าบริการเพียงเดือนละ 129 บาท) ขณะที่คู่แข่งอย่าง Netflix และ Disney+ เคาะค่าบริการต่อเดือนเริ่มต้นที่เพียง 280 บาท และ 215 บาทเท่านั้น ทว่าในรายของ Disney+ ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเข้าไทยแต่อย่างใดนะ
โดย Apple ก็ได้อัพตัวอย่างซีรีส์เรื่องแรกของทาง Apple TV+ อย่าง The Morning Show ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำโดย Jennifer Aniston, Reese Witherspoon และ Steve Carell เป็นนักแสดงหลัก แว่วๆ มาว่าตอนนี้พวกเขาได้ลงทุนเม็ดเงินไปกว่า $300 ล้าน หรือประมาณ 9 พันล้านบาทไปกับซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนนี้วางแผนกันไปถึงซีซั่นที่สองแล้ว Apple TV+ จะเปิดตัวให้บริการในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ไม่เฉพาะแค่ในประเทศสหรัฐ ฯ เท่านั้น หวังว่าหนึ่งในนั้นจะมีประเทศไทยติดกับเข้าไปด้วยนะ
ดูเหมือนว่าปล่อยคอนเทนต์ออกมาก่อน 3 ตอนในสัปดาห์แรก จากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยปล่อยออกมาสัปดาห์ละตอนของ Apple จะดูแปลกๆ อยู่พอสมควรนะ เพราะเหมือนกับไปตัดตัวเลือกของกลุ่มผู้ใช้งานที่อยากดูรวดเดียวจบอย่างไงอย่างงั้นเลย เนื่องจากถึงแม้ว่า Netflix จะปล่อยรวดเดียวหมด แต่ผู้ใช้งานก็ยังมีสิทธิ์เลือกอยู่ดีว่าจะดูทีเดียวจบ หรือว่าวันละตอน สัปดาห์ละตอน
เกือบลืมบอกไปไหนแหนะ Apple TV+ เปิดให้ทดลองใช้งานฟรีด้วยนะ ทั้งนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าให้ดูฟรีนานแค่ไหน แต่ถ้าพิจารณาจากมาตรฐานของบริการพวกนี้แล้วล่ะก็ น่าจะประมาณ 1 เดือนนี่แหละ
ที่มา: techspot
ไว้มีโอกาสต้องลองซักหน่อย 🙂 🙂