หลังจากเกิดดราม่าครั้งใหญ่หลัง Apple ออกมายอมรับว่ามีการปรับความเร็วการทำงานของ iPhone ที่แบตเสื่อมจริง จนเป็นเหตุให้ต้องออกมาเยี่ยวยาลูกค้าด้วยโปรโมชั่นเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ในราคาพิเศษจนถึงสิ้นปี 2018 ซึ่งสาวกหลายๆ คนก็แฮปปี้กันไป แต่ในช่วงที่ผ่านมานั้นก็เกิดปัญหาเช่นในบ้านเราเองก็มีกรณีแบตเตอรี่นั้นไม่พอกับความต้องการ ต้องต่อคิวหรือวางมัดจำกันเป็นเดือนๆ ล่าสุดมีกรณีใหม่เกิดขึ้นที่อังกฤษ เมื่อ Apple เริ่มปฏิเสธการเปลี่ยนแบตเตอรี่ หากดไม่ยอมจ่ายค่าซ่อมชิ้นส่วนอื่นๆ ก่อน

จากปัญหาดราม่าเครื่องอืดหลังอัพเดท iOS เวอร์ชั่นใหม่ ส่งผลกระทบให้ผู้ใช้ iPhone SE และ iPhone 6 ซึ่งอายุแบตเตอรี่ก็สมควรแก่เวลาเข้าไปเต็มๆ แล้ว การเยียวยาด้วยด้วยส่วนลดแบตเตอรี่ 63% จาก 79 เหรียญเหลือ 29 เหรียญ นั้นนับเป็นทางออกที่ดีมากทางหนึ่ง และในบ้านเราเองก็มีค่าใช้จ่ายเพียง 1,000 บาท

ซึ่งปัญหาแรกที่ผู้ใช้งานในบ่านเราเจอก็คือแบตเตอรี่นั้นมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ และผู้ให้บริการของ Apple บางรายก็มีการเรียกร้องให้จ่ายเงินค่ามัดจำเอาไว้ล่วงหน้า 500 บาทเพื่อรอคิวการเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่ด้วย

แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าของ Apple ในสหราชอาณาจักรอาจจะเจอปัญหาหนักกว่าในบ้านเราซะแล้ว เมื่อผู้ใช้ iPhone หลายๆคนที่ต้องการจะไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ กลับถูกเรียกค่าซ่อมชิ้นส่วนต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งหากไม่ยอมจ่าย ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้

Josh Landsburgh ได้ส่ง iPhone ของเค้าไปให้ Apple ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่กลับพบว่าทาง Apple ต้องการให้เขาเปลี่ยนตัวเครื่องที่มีรอยบุบด้วย โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 200 ปอนด์ หรือราวๆ 8,700 บาท สุดท้ายเขาตัดสินใจไปเปลี่ยนกับร้านซ่อมแถวละแวกบ้าน ประหยัดกว่า

แต่กรณีนั้นยังไม่เท่าไหร่ ลองมาเจอ David Bowler ที่ส่งเครื่องไปเปลี่ยนแบตเหมือนกัน โดยสภาพภายนอกใหม่กริ๊บ แต่ Apple ก็ยังแจ้งกลับมาว่าไมโครโฟน และลำโพงน่าจะมีปัญหา และแน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 250 ปอนด์ (10,800 บาท) และต้องจ่ายก่อน ถึงจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ สุดท้ายเขาก็เอาไปให้ร้านซ่อม ซึ่งพอช่างแกะดูก็ไม่พบว่าไมโครโฟนหรือลำโพงจะมีปัญหาตรงไหร

จะว่ากันตามตรงเรื่องนี้ Apple เองก็ได้มีการประกาศเอาไว้บนหน้าเวบไซต์แล้วว่าถ้าหากตัวเครื่อง iPhone มีความเสียหายที่อาจส่งผลถึงการเปลี่ยนแบตเตอรี่เช่นหน้าจอแตก ก็อาจจะต้องมีการซ่อมก่อน ซึ่งเมื่อทาง BBC สอบถามไป ก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกับที่ระบุไว้บนหน้าเวบไซต์เป๊ะๆ ไม่ได้อธิบายว่าต้องมีความเสียหายระดับไหน ถึงจะเข้าข่ายว่าต้องซ่อมก่อนเปลี่ยนแบตอยู่ดี

 

เพิ่มเติมกันนิดนึง (Gimme)

แชร์ประสบการณ์ไปเปลี่ยนแบตที่ศูนย์บริการ Apple กันสักนิดนึง โดยตัว iPhone 6 ของที่บ้านนั้นก็แบตเสื่อมและใช้งานได้หน่วงๆตามที่ทาง Apple ได้ตั้งค่าเอาไว้ ซึ่งต้องบอกว่าต้องใช้ความพยายามหนักมากกว่าจะหาร้านเปลี่ยนได้ (ไว้จะเล่าให้ฟังอีก blog นึง) แต่เมื่อไปถึงกลับถูกพนักงานปฎิเสธการซ่อม เพราะ TouchID ใช้งานไม่ได้!?! ซึ่งสอบถามพนักงานว่ามันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแบตยังไง มันไปขวางส่วนไหน พนักงานก็ได้แต่ตอบว่าเป็นไปตามนโยบายที่ Apple ได้วางเอาไว้ สรุปคือต้องแบกเครื่องกลับบ้านโดยไม่ได้เปลี่ยนแบตแต่อย่างใด ถ้าต้องการจะเปลี่ยนต้องซ่อม TouchID ก่อน ซึ่งถ้าจำไม่ผิดคิดเป็นเงินราวๆ 6 พันกว่าบาท ซึ่งปัจจุบันถ้าต้องการซื้อ iPhone 6 มาใช้อยู่ที่ราวๆ 9 พันบาทเท่านั้นเองครับ…สุดท้ายเลยตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ เสียเงินให้ Samsung Galaxy S8 ไปแบบไม่ต้องคิดมากกันไปเลยครับ

เอวัง

 

source : phonearena , bbc