Apple ยืนยันแล้วว่า Apple Vision Pro จะเริ่มเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในสหรัฐฯ ในวันที่ 19 มกราคม 2024 ขณะเดียวกัน Apple ก็ได้อัปเดต Xcode เป็นเวอร์ชัน 15.2 เพื่อให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอปในระบบ visionOS ลง Apple Store ได้ – ทว่า กลับมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจตามมา เมื่อส่วนหนึ่งของข้อกำหนดของ Apple ระบุให้นักพัฒนาอย่าเอ่ยถึงแอป visionOS ด้วยคำว่า AR, VR, XR และ MR

โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักเรียกอุปกรณ์ลักษณะนี้แบบรวม ๆ ว่า แว่น VR (virtual reality) ถึงแม้เฮดที่พบเห็นในปัจจุบันเกือบทั้งหมดจะมีความสามารถที่ครอบคลุมด้าน AR (augmented reality), XR (extended reality) และ MR (mixed reality) ด้วยก็ตาม แต่ดูเหมือน Apple จะมองว่าคำเหล่านี้ยังนิยามประสบการณ์การใช้งานของ Apple Vision Pro ได้ไม่ดีพอ จึงกำหนดให้นักพัฒนาใช้คำว่า ‘Spatial computing’ แทน

หากพิจารณาจากคำนิยามของ Spatial computing ที่หมายถึงปฏิสัมพันธ์และการโต้ตอบกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ซึ่งครอบคลุมทั้งคอนเซปต์ของ AR, VR, XR และ MR ก็อาจเป็นเรื่องดูที่สมเหตุสมผลดี ที่ Apple เลือกใช้คำคำนี้ และคำนี้ก็ถูก Tim Cook หยิบมาพูดถึงหลายครั้งขณะนำเสนอ Apple Vision Pro ครั้งแรกในงาน WWDC23 เมื่อเดือนมิถุนายนปีกลาย

ส่วนคำแนะนำและข้อกำหนดอื่น ๆ ในการพัฒนาแอป visionOS นั้นไม่มีอะไรแแปลกใหม่ ข้อกำหนดส่วนใหญ่นักพัฒนาคงคาดเดากันได้อยู่แล้ว ยกตัวอย่างบางส่วน เช่น

  • เขียนคำว่า Apple Vision Pro และ visionOS ด้วยตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่ตามนี้เสมอ โดยไม่แยกบรรทัด
  • ห้ามมีคำว่า Apple Vision Pro อยู่ในชื่อแอป
  • ชื่อแอปควรจะเรียบง่าย เป็นที่จดจำ และมีความยาวไม่เกิน 30 ตัวอักษร
  • ภาพ screenshot และภาพพรีวิวควรมีคุณภาพสูง และได้ระนาบ (ไม่หันศีรษะ ก้ม-เงย ซ้าย-ขวา) ขณะจับภาพหน้าจอ

Apple Vision Pro มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3,499 ดอลลาร์ ในรุ่นความจุ 256GB หรือประมาณ 122,000 บาท ไม่รวมภาษี ส่วนเลนส์เสริม ZEISS Optical Inserts สำหรับผู้มีปัญหาค่าสายตา มีราคาเริ่มต้นที่ 99 ดอลลาร์

ที่มา : Apple