BALMUDA เปิดตัวมือถือรุ่นแรกของแบรนด์ ในชื่อว่า BALMUDA Phone ตามที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม มากับคอนเซปต์ “กะทัดรัดและสง่างาม” แหวกแนวเทรนด์สมาร์ทโฟนทั่วโลกที่ต่างมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยบริษัทฯ ได้ออกแบบตัวเครื่องให้มีขนาดเล็ก โค้งนูนเป็นหลังเต่าอย่างโดดเด่น เป็นการออกแบบที่ตรงตามหลักสรีรศาสตร์ เข้ากับอุ้งมือมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ส่วนราคานั้นอยู่ที่ 104,800 เยน หรือประมาณ 3 หมื่นบาท
BALMUDA Phone มีหน้าจอขนาด 4.9 นิ้ว แต่พื้นที่แสดงผลไม่ได้น้อยจนน่าตกใจ เพราะ BALMUDA เลือกใช้สัดส่วน 16:9 ไม่ได้มาแบบทรงยาว ๆ เหมือนมือถืออื่น ๆ ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน และเนื่องจากพื้นที่ด้านหน้าถูกใช้ไปกับจอภาพจนหมดแล้ว เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือจึงถูกย้ายไปไว้ที่ด้านหลังแทน แต่ตำแหน่งจะอยู่เยื้องมาทางซ้ายเกือบสุดขอบ อาจดูแปลกตาเสียหน่อย ในขณะที่กล้องหลังกับกล้องหน้าให้มาอย่างละหนึ่งตัว ความละเอียด 48MP และ 5MP ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติทนน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP44 ด้วย ป้องกันละอองน้ำได้เล็กน้อย
ภายในขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 765 5G พ่วงด้วย RAM 8GB กับ ROM 128GB และมีแบตเตอรี่ 2500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว USB PD 3.0 รวมทั้งชาร์จไร้สาย แต่อันที่จริง BALMUDA ไม่ได้เน้นตรงส่วนนี้มากเท่าไหร่นัก ตามสไตล์ของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ลูกค้าเสียมากกว่า แถมยังเน้นย้ำในเรื่องนี้อีกด้วยว่า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ มักจะแบน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผลิตสมาร์ทโฟนที่มีลักษณะโค้งนูนอย่างที่เห็น ซึ่งนี่คือหนึ่งในเหตุผลว่า ทำไม BALMUDA Phone จึงมีราคาค่อนข้างสูง ประกอบกับพวกแอปและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
สเปค BALMUDA Phone
- จอภาพ : ขนาด 4.9 นิ้ว
– ความละเอียด 1080 × 1920 พิกเซล
– สัดส่วน 16:9 - ชิป : Qualcomm Snapdragon 765 5G
- หน่วยความจำ : RAM 8GB
- ความจุ : ROM 128GB
- กล้องหลัง : 48MP, รูรับแสง ƒ/1.8
- กล้องหน้า : 8MP, รูรับแสง ƒ/2.0
- เครือข่าย : LTE / 5G
- พอร์ต : USB Type-C, แจ็กหูฟัง 3.5 มม.
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ด้านหลัง)
- แบตเตอรี่ : 2500mAh
– รองรับชาร์จไว USB PD 3.0
– รองรับชาร์จไร้สาย - ระบบปฏิบัติการ : Android
- ความทนทาน : กันน้ำและฝุ่น IP44
- ขนาด : 128 × 69 × 13.7 มม.
- น้ำหนัก : 138 กก.
- สี : ◉ ดำ, ◉ ขาว
ทั้งนี้ BALMUDA Phone มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำและสีขาว วางจำหน่ายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น (แต่มีออปชันซิมฟรีให้เลือกนะ) และหากซื้อภายในวันที่ 31 ธันวาคมกับร้าน BALMUDA ที่ร่วมแคมเปญจะมีโครงการรับประกันความพึงพอใจ หากลองใช้งานแล้วไม่ชอบ สามารถขอเงินคืนได้ภายใน 30 วันด้วย
ดูเพิ่มเติม : BALMUDA
ผมยังมองไม่ออกว่าจะสู้ brand อื่นได้ยังไง
คงขาย "ยี่ห้อ/แบรนด์" นั่นแหละ
ตามเม้นบนบอก น่าจะจับแค่ตลาด niche พวกชอบของแปลก
แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าตั้งไว้ 12k สำหรับเครื่องแบบนี้ยังพอรับได้ แต่ 30k นี่คือมันเกิดเหตุจริงๆ
"ผลิตให้โค้งนูนมันยาก เลยราคาแพง" What!!???
เน้นสะสมแหละ ไม่ได้เน้นใช้งาน
มองไม่ออกว่าตอบโจทย์ ลค กลุ่มไหน