สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก BenQ ที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ชื่อรุ่นของมือถือรุ่นนี้คือ BenQ F5 มือถือที่จะมาสู้ศึกมือถือตลาดกลาง (Mid-range) โดยเลือก CPU ยอดนิยมอย่าง Qualcomm Snapdragon 400 Quad-core 1.2 GHz พร้อมหน้าจอ IPS HD ขนาด 5 นิ้วซึ่งต้องบอกว่าเป็นหน้าจอที่ “มีของ” อยู่เหมือนกัน นอกจากนั้นยังรองรับเครือข่าย 4G LTE ในประเทศไทยอีกด้วย โดย BenQ จะวางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ ขาวและดำ ส่วนราคานั้นอยู่ 8,490 7,990 บาทซึ่งถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมของมือถือรุ่นนี้กันดีกว่า


ทำความรู้จักกับ BenQ

ก่อนอื่นต้องขออภัยที่มาบอกเล่ากันช้าสักหน่อยเนื่องจากติดภาระกิจหลายอย่างในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา หากเราพูดถึงชื่อ BenQ หลายท่านคงคุ้นหูกันดีว่าเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Notebook, จอมอนิเตอร์, โปรเจ็คเตอร์ และกล้องดิจิตอล ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทแม่ของ BenQ อย่าง Qisda ก็เป็น OEM ที่ผลิตสมาร์ทโฟนให้กับบริษัทมือถือหลายๆเจ้า ดังนั้น BenQ จึงมั่นใจว่าสามารถทำสมาร์ทโฟนแบรนด์ของตัวเองด้วย Know how ที่มีอยู่ในบริษัทได้ จึงตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนตั้งแต่ปี 2010 โดยแบ่งมือถือของตัวเองออกเป็น 4 Series คือ

  • Q – Innovation: จะเป็นซีรีย์ Top สุดสำหรับคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนอยู่แล้วและแสวงหาความแรงพร้อมเทคโนโลยีระดับสูงเป็นหลัก
  • F – Stylish: เป็นซีรีย์สำหรับคนที่สนใจดีไซน์และราคาไม่แพงมาก
  • T – Simplicity: เป็นซีรีย์สำหรับตลาดล่างไม่เน้นสเปก แต่เน้นที่ราคามากกว่า
  • B – Basic: เป็นซีรีย์สำหรับตลาด Entry-level คือเน้นราคาถูกเป็นหลัก

และปีนี้ BenQ ก็ตัดสินใจเข้าทำตลาดในประเทศไทย โดยส่งสมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ของบริษัทอย่าง BenQ F5 เพื่อเป็นการแนะนำตัวซะก่อน เรามาดูกันว่า BenQ F5 จะมีดีอะไรมาสู้กับคู่แข่งในตลาดได้บ้าง

 

BenQ F5 Preview

สเปกของ BenQ F5 ก็อย่างที่เห็นในภาพเลยครับ มาพร้อม Android 4.4.2 KitKat ใช้ CPU Snapdragon 400 Quad-core ความเร็ว 1.2 GHz โดยมีหน้าจอIPS ขนาด 5 นิ้วความละเอียด HD 720p และมีเทคโนโลยีปรับแสงสีฟ้าของหน้าจอได้โดยไม่ต้องติดฟิล์มเพิ่มเติม เดี๋ยวเราจะว่ากันต่อทีหลัง ในส่วนของเครือข่ายก็รองรับ 3G ทุกเครือข่ายของประเทศไทยรวมถึง 4G LTE ด้วย ในส่วนของกล้องหลังนั้นมีความละเอียด 13 MP ใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor พร้อม LED flash ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 2MP สำหรับหน่วยความจำนั้นมี RAM ให้ 2GB พร้อมหน่วยความภายใน 16GB เพิ่ม MicroSD ได้ถึง 64GB ในด้านความอึดนั้น BenQ F5 มีแบตเตอรี่ขนาด 2520 mAh ไม่สามารถเปลี่ยนแบตได้ครับ

 

งานออกแบบตัวเครื่องของ BenQ F5 นั้นวัสดุที่ใช้เป็นพลาสติกทั้งหมดมีส่วนเว้าส่วนโค้งพอประมาณ ฝาหลังเป็นแบบด้านไม่มันเงา แต่ก็เห็นคราบเหงื่อชัดเหมือนกัน โดยในรุ่นสีดำที่ผมได้ลองจับดูจะใช้สีแดงมาเน้นส่วนกล้องและลำโพงของตัวเครื่อง อันนี้ดูแล้วนึกถึงงานออกแบบของ HTC One X+ อยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมถือว่า ดูสวยงาม สมกับเป็นซีรีย์ F-Stylish นะครับ

 

รอบตัวเครื่องของ BenQ F5 นั้นจะมีปุ่มเพิ่มลดเสียงอยู่ทางด้านขวาของเครื่อง ส่วนด้านบนจะปุ่ม Power, ไมค์ตัดเสียง และช่องเสียบหูฟัง 3.5mm สำหรับด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบ MicroUSB และไมค์สนทนาครับ

 

พอเปิดฝาหลังออกมาก็จะแบตเตอรี่อยู่ แต่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้นะครับ

 

สำหรับช่องเสียบ MicroSD card จะอยู่ทางด้านซ้าย ส่วน Micro SIM ก็เสียบทางด้านขวา

 

BenQ F5 นั้นมาพร้อม Q Home UI ซึ่งเป็น Homescreen ที่ BenQ ทำขึ้นมาเอง แต่การใช้งานก็ไม่หนีจาก Standard Launcher ของ Android ทั่วๆไปสักเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าจะไม่มีหน้ารวมแอพหรือ App Drawer โดย App ทั้งหมดจะวางอยู่บนหน้า Homescreen เลย ตรงนี้คล้ายๆกับรูปแบบของ MIUI นะครับ ส่วนแอพของแถมก็มีมาให้พอสมควรตามรูป เดี๋ยวคงได้ลงรายละเอียดกันอีกที ตอนที่เว็บเราได้เครื่องรีวิวมาแล้วนะครับ

 

ความแรงจากการวัด benchmark ด้วย Antutu ก็ได้คะแนนประมาณ 16679 ถือว่าไม่ขี้เหร่สำหรับมือถือ Mid-range โดยการใช้งานโดยรวมทำได้ลื่นไหลดีเหมือนกัน

 

จุดขายอย่างหนึ่งของ BenQ F5 คือกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซ็นเซอร์ของ Sony Exmor ต้องบอกว่าเก่าไปหน่อย แต่ก็ชูประเด็นเรื่องการรับแสงได้มากกว่าเซ็นเซอร์ทั่วไปถึง 4 เท่าในเวลากลางคืน ทำให้ได้ภาพที่สว่างและชัดเจนมากกว่า ตรงนี้ต้องรอดูตอนรีวิวอีกทีว่าสมราคาคุยหรือไม่

 

จุดขายอีกอย่างที่แตกต่างจากคู่แข่งคือ การปรับแสงสีฟ้าของหน้าจอได้ด้วย แสงสีฟ้า หรือ Blue light นั้นเป็นแสงที่ทำให้สายตาของเรารู้สึกล้าเวลาใช้งานมือถือนานๆ และอาจจะทำให้เกิดอาการปวดหัวหรือนอนไม่กลับได้ ซึ่งนี่เป็นมือถือรุ่นแรกที่สามารถปรับแสงที่ว่าได้โดยไม่ต้องติดฟิล์มกรองแสงอย่างที่ขายกันอยู่ในบ้านเราเพิ่มเติม ก็ต้องมาดูอีกทีตอนรีวิวเช่นกันว่า จะออกมาเป็นอย่างไรครับ

 

สำหรับคู่แข่งของ BenQ F5 นั้นมีอยู่หลายรุ่นในตลาด แต่ที่ BenQ มองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงนั้นมี HTC Desire 816, ASUS Zenfone 5, Oppo R3, Sony Xperia M2 ซึ่งก็จัดทำสไลด์เปรียบเทียบมาให้ดูเลย ลองดูเปรียบเทียบกันได้

 

BenQ F5 จะวางจำหน่ายในประเทศไทยต้นเดือนกันยายนหรืออาทิตย์ที่จะถึงนี้ในราคา 8,490 7,990 บาท มีสองสีด้วยกันคือ สีขาวและสีดำ โดยร่วมมือกับ Ingram Micro ในการจัดจำหน่ายและ Lazada เป็นช่องทางขายออนไลน์ ส่วนศูนย์บริการสามารถนำเข้าไปที่ศูนย์ Ingram หรือ Shop ที่เราซื้อเครื่องมาได้เลย มีนโยบายเปลี่ยนเครื่องใหม่ใน 7 วันถ้าเครื่องมีปัญหา นอกจากนั้นถ้าผมฟังไม่ผิด หากเราพบ defect ของเครื่องระหว่างการใช้งานหลัง 7 วันไปแล้วก็ยังสามารถเปลี่ยนเครื่องได้เช่นกัน ตรงนี้ BenQ บอกว่าเหมือนกับนโยบายของ Apple เลย แต่ก็ต้องรอดูของจริงกันอีกทีครับ