หากใครที่กำลังมองหาเมาส์สำหรับใช้งานทั่วไปในงบประหยัด ๆ ไม่เกิน 1,000 บาทอยู่ แต่อาจจะยังเลือกไม่ถูก ไม่รู้ตัวไหนดี ตัวไหนคุ้ม วันนี้ DroidSans คัดมาให้แล้ว บอกเลยว่าแต่ละตัวทีมงานได้ซื้อมาทดลองใช้เองด้วย ดังนั้นนอกจากแนะนำว่ามีรุ่นไหนน่าโดนแล้ว ยังมีรีวิวใช้งานจริงประกอบอีกต่างหาก
วิธีการเลือกซื้อเมาส์ไร้สาย
ทีมงาน DroidSans เลือกซื้อเมาส์ไร้สายมาทดสอบใช้งาน 4 รุ่น โดยตั้งเงื่อนไขไว้ดังนี้
- มี Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ หรือไว้ป้องกันตัว USB Reciver หาย เพราะเมาส์พวกนี้ถ้า USB Reciver หายก็แทบจะโยนเมาส์ทิ้งได้เลย
- มีปุ่มด้านข้าง Back, Forward เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานผ่านเว็บเป็นหลัก การมี 2 ปุ่มนี้เพิ่มมาจะช่วยให้ทำงานได้คล่องตัวขึ้นมาก
- ราคา ไม่เกิน 1 พันบาท เน้นคุ้มค่า
1. Mi Dual Mode Silent Edition
สเปคของเมาส์ Mi Dual Mode Silent Edition
- ขนาด : 112.7 x 62.7 x 36.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 82 กรัม
- Sensor : Optical
- DPI สูงสุด : 1300 DPI
- ระยะการทำงาน : 10 เมตร
- การเชื่อมต่อ : Wireless 2.4 & Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ : ไม่ระบุ
- สี : สีดำ และสีขาว
- ราคา : 400 บาท
- ประกัน : 1 ปี
Mi Dual Mode Silent Edition หนึ่งในเมาส์ไร้สายรุ่นยอดนิยมราคาไม่แพงจาก Xiaomi แบรนด์ที่ได้ชื่อว่าผลิตตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ทั้งเครื่องฟอกอากาศ มือถือ หลอดไฟ พีซี เครื่องดูดฝุ่น และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน ดีไซน์ของรุ่นนี้เป็นเมาส์ทรงบาลานซ์ ตัวอ้วน มีผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน งานประกอบถือว่าทำได้แน่นหนา ดูแข็งแรงดี
ด้านบนมีปุ่มคลิกซ้าย-ขวา แบบ Silent ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ เสียงในการคลิกจัดว่าเบา ไม่รบกวนเพื่อนร่วมงาน ตัว Scroll Mouse ตรงกลางก็เสียงเบาเช่นกัน นอกยังนี้ยังมีปุ่มปรับโหมดมาบริเวณด้านบน อยู่ในตำแหน่งที่กดง่าย เอาไว้สลับระหว่างโหมดการเชื่อมต่อ 2.4GHz กับ Bluetooth พร้อมไฟแสดงสถานะ
ด้านข้างให้ผิวสัมผัสลวดลายแบบจุด ๆ คล้ายกับลายหนัง ข้อสังเกตเล็กน้อยคือ ปุ่ม Back-Forward ด้านข้างกดไปแล้วยังมีเสียงแบบปกติ ไม่ได้เป็นแบบ Silent เหมือนปุ่มคลิกด้านบน ส่วนด้านล่างมี Feet Mouse ขนาดใหญ่ 2 จุด ปุ่มเปิด-ปิด พร้อมช่องใส่ถ่านขนาด AAA 2 ก้อน และช่องเก็บ USB Reciver เวลาเปิดฝาใช้วิธีการตัวหมุนตัวฝากออกมา
น้ำหนักเมื่อทดสอบเทียบกันแล้ว Mi Dual Mode Silent Edition เบากว่าอีก 4 ตัว คือหนักแค่ 82 กรัม และกระจายน้ำหนักค่อนข้างดี น้ำหนักไม่เทไปด้านหน้าหรือด้านหลังเกินไป ภาพรวมแล้วเมาส์ตัวนี้มีจุดเด่นที่ดีไซน์ที่เน้นความมินิมอล ที่สำคัญคือเป็นสีขาว และงานประกอบดี ตามสไตล์ Xiaomi ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึงดีไซน์เครื่องฟอกอากาศได้เลย สำนักเดียวกันเป๊ะ และมีราคาที่คุ้มค่าดี เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปเป็นอย่างมาก
2. Anitech W226
สเปคของเมาส์ Anitech W226
- ขนาด : 110 x 65 x 37 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 120 กรัม
- Sensor : Optical
- DPI สูงสุด : 1600 DPI
- ระยะการทำงาน : 10 เมตร
- การเชื่อมต่อ : Wireless 2.4 & Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ : ไม่ระบุ
- สี : สีดำ และสีน้ำเงิน
- ราคา : 300 บาท
- ประกัน : 2 ปี
บอกเลยว่า Anitech W226 คือเมาส์ไร้สายที่ได้สเปคต่อราคาคุ้มสุด ๆ ดีไซน์เป็นเมาส์ทรงบาลานซ์ ตัวเล็ก ผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน ให้ความรู้สึกค่อนข้างสาก จับแล้วแน่นไม่ลื่นหลุดมือง่าย งานประกอบแน่นดี แต่คุณภาพวัสดุถือว่าไม่โดดเด่นมากนัก
ด้านบนมีปุ่มคลิกซ้าย-ขวา แบบ Silent แต่ข้อสังเกตถัดมาคือตัว Scroll Mouse เสียงดังพอสมควร และรู้สึกถึงความคลอน ไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ส่วนปุ่มปรับโหมดการทำงานระหว่าง 2.4GHz กับ Bluetooth อยู่ด้านบน พร้อมไฟแสดงสถานะ
ด้านข้างจะเป็นผิวด้านวัสดุเดียวกับด้านบน แต่จะมีการเพิ่มเท็กซ์เจอร์เป็นลวดลายลูกศรจิ๋ว ๆ สร้างความแต่ต่างเล็กน้อย ตัวเมาส์มีการเว้าเข้าไปเล็กน้อย เพื่อให้จับทำได้ถนัดมากขึ้น และมีปุ่ม Back-Forward แบบมีเสียงปกติ ไม่ได้เป็นแบบ Silent ด้านล่างมี Feet Mouse 2 จุดขนาดใหญ่ ปุ่มเปิด-ปิด ปุ่มปรับ DPI ซึ่งเลือกได้ 3 แบบ ได้แก่ 800, 1200 และ 1600 DPI พร้อมช่องใส่ถ่านแบบ AA 1 ก้อน และช่องเก็บ USB Reciver ที่เป็นแบบแม่เหล็กดูดด้วย เวลาจะเปิดฝาด้านล่างใช้วิธีสไลด์ออกมาตรง ๆ และมาพร้อมกับไฟ Sensor สีแดงแบบคลาสสิก
ภาพรวมแล้วเมาส์ตัวนี้มีจุดเด่นที่ราคาถูก แต่ฟังก์ชั่นให้มาจัดเต็ม หารุ่นอื่นสู้ได้ยากจริง ๆ ในราคานี้ ข้อสังเกตคือ วัสดุยังให้ความรู้สึกก๊องแก๊งไปหน่อย เป็นสิ่งที่ต้องแลกมา และเมาส์ชอบ Sleep เองตอนใช้งาน (เพื่อประหยัดแบต) เวลาจะปลุกต้องกดปุ่มอะไรก็ได้ ก่อน 1 ที คือบางครั้งก็รู้สึกว่ามัน Sleep เร็วไปหน่อยอะ
3. Ugreen Egonomic Mouse MU006
สเปคของเมาส์ Ugreen Egonomic Mouse MU006
- ขนาด : 110 x 70.6 x 39 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 85 กรัม
- Sensor : Optical
- DPI สูงสุด : 4000 DPI
- ระยะการทำงาน : 15 เมตร
- การเชื่อมต่อ : Wireless 2.4 & Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ : 18 เดือน
- สี : สีดำ
- ราคา : 379 บาท
- ประกัน : 2 ปี
เมาส์ไร้สายราคาคุ้มจากแบรนด์เจ้าพ่อ USB Hub และสายแปลงทั้งหลาย ดีไซน์เป็นเมาส์ทรงมือขวา ตัวใหญ่ มีการทำปีกที่ด้านซ้ายออกมารองรับนิ้วโป้งด้วย ผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน งานประกอบแน่นดี แต่รู้สึกว่าพลาสติกมันบางไปนิด รู้สึกว่าด้านในตัวเมาส์มีความกลวง ๆ กว่าเมาส์รุ่นอื่น
ด้านบนมีปุ่มคลิกซ้าย-ขวา แบบ Silent ตัว Scroll Mouse เมาส์เวลาเลื่อนเสียงเงียบดี มีปุ่มปรับโหมดการทำงานอยู่ด้านบน ระหว่าง Windows กับ macOS พร้อมไฟแสดงสถานะ ไม่ได้ปรับระหว่าง Wireless กับ Bluetooth แต่อย่างใด แต่รายละเอียดในหน้าร้านค้าระบุไว้ชัดเจนว่าตัวเมาส์สามารถใช้ Bluetooth ในการเชื่อมต่อได้ พอมาใช้จริงพบว่าใช้ไม่ได้ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ในการซื้อมาใช้ใครจะซื้อเมาส์รุ่นนี้ยังไงก็ดูดี ๆ ด้วยนะ
ตัวปุ่มปรับโหมดนี้สามรถใช้ปรับ DPI ได้ด้วย โดยกดสองครั้งเพื่อปรับ DPI ซึ่งถ้าไฟกระพริบ 1 ครั้ง หมายถึง 800 DPI กระพริบ 2 ครั้ง หมายถึง 1200 DPI กระพริบ 3 ครั้ง หมายถึง 1600 DPI กระพริบ 4 ครั้ง หมายถึง 2000 DPI และกระพริบ 5 ครั้ง หมายถึง 4000 DPI
ด้านข้างบริเวณนิ้วโป้งจะเป็นผิวสัมผัสแบบยาง พร้อมลายตัดขวางเส้นๆ ช่วยให้การจับทำได้ถนัดมากขึ้นและไม่ลื่น และมีปุ่ม Back-Forward ซึ่งของรุ่นนี้เป็นปุ่มแบบ Silent ด้วย ในขณะที่ด้านล่างมี Feet Mouse 3 จุดขนาดใหญ่ ปุ่มเปิด-ปิด พร้อมช่องใส่ถ่านแบบ AA 1 ก้อน และช่องเก็บ USB Reciver เวลาจะเปิดฝาด้านล่างใช้วิธีสไลด์ออกมาตรง ๆ และมาพร้อมกับไฟ Sensor สีฟ้า
ภาพรวมแล้วเมาส์ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเมาส์ขนาดใหญ่ ทรงมือขวา ให้ความรู้สึกแบบเมาส์เกมมิ่ง ข้อสังเกตคือ วัสดุจับไปแล้วรู้สึกไม่ค่อยแน่น ตัวเมาส์มีขนาดใหญ่ทำให้อาจจะไม่ถูกใจคนที่ชอบเมาส์ตัวเล็ก และค่อนข้างกินแบตมากพอสมควรใช้ไปไม่กี่เดือนถ่านหมดแล้ว
4. Logitech M650
สเปคของเมาส์ Logitech M650
- ขนาด : 108.2 x 61 x 38.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 101.4 กรัม
- Sensor : Optical
- DPI สูงสุด : 4000 DPI
- ระยะการทำงาน : 10 เมตร
- การเชื่อมต่อ : Wireless 2.4 & Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ : 24 เดือน
- สี : สีดำ สีขาว และ สีชมพู
- ราคา : 950 บาท
- ประกัน : 1 ปี
Logitech M650 เมาส์ไร้สายจาก Logitech อันคุ้นเคย เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงเคยผ่านการใช้เมาส์และคีย์บอร์ดจากแบรนด์นี้กันมาแล้วแทบทุกคน ดีไซน์เป็นเมาส์ทรงบาลานซ์ ให้ความรู้สึกเพรียว คล่องตัว มีการทำปีกด้านข้างออกมารองรับนิ้วทั้งสองด้านด้วย แต่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก ผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน มีการเล่นเท็กซ์เจอร์พื้นผิวหลายส่วน งานประกอบเรียบร้อยดี สัมผัสแล้วบอกได้เลยว่าดูมีราคา
ด้านบนมีปุ่มคลิกซ้าย-ขวา แบบ Silent ตัว Scroll Mouse เมาส์เวลาเลื่อนเสียงเงียบดี และถ้าออกแรงเลื่อนแรง ๆ จะพบว่ามันหมุนฟรีได้ ซึ่งบอกเลยว่าเจ๋งมาก เอาไว้เลื่อนหน้าเว็บหรือเอกสารที่ยาว ๆ ทีละหลายบรรทัด
ด้านข้างจะเป็นวัสดุแบบเคลือบยาง มีการเล่นลวดลายและมีผิวสัมผัสที่หนึบมือมากกว่าบริเวณอื่น และมีปุ่ม Back-Forward ที่กดไปแล้วมีเสียงปกติ ไม่ได้เป็นแบบ Silent ด้านล่างมี Feet Mouse 5 จุด ปุ่มเปิด-ปิด ปุ่มสลับ Mode ระหว่าง 2.4GHz กับ Bluetooth พร้อมช่องใส่ถ่านแบบ AA 1 ก้อน และช่องเก็บ USB Reciver เวลาจะเปิดฝาด้านล่างใช้วิธีสไลด์ออกมาตรง ๆ แต่มันจะแน่น ๆ เปิดยากสักหน่อย และใช้ Sensor ไม่มีไฟ
USB Reciver เป็นแบบพิเศษ (USB Logi Bolt) สามารถเชื่อมต่อเมาส์และคีย์บอร์ด Logitech หลายตัวพร้อมกันด้วย Reciver อันเดียว สูงสุด 6 อุปกรณ์ นอกจากนี้ หากเราเผลอทำ Recive เราหาย เราก็สามารถไปหาซื้ออันใหม่มาทดแทนได้ และทีเด็ดคือ Logitech M650 เป็นเมาส์รุ่นเดียวจากในนี้ที่มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งปุ่ม และค่า DPI ได้
ภาพรวมแล้ว Logitech M650 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเมาส์ที่ฟังก์ชันให้ใช้งานมากกว่าเมาส์ไร้สายพื้นฐาน ได้คุณภาพงานประกอบและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ข้อสังเกตคือ ราคาสูง และไม่มีปุ่มปรับ DPI บนตัวเมาส์ (ต้องไปปรับในโปรแกรม) แต่ถ้าไม่ได้เปลี่ยน DPI บ่อย ๆ ก็ไม่ส่งผลเสียอะไรนัก
ทั้งนี้ ตัวซอฟต์แวร์ Logitech M650 มีข้อจำกัดในการปรับแต่งบางฟังก์ชัน คือไม่ได้ปรับได้อิสระแบบตัว Gaming G Hub ที่ใช้กับเมาส์เกมมิ่ง ถ้าต้องการปรับแต่งได้เยอะ ๆ เพิ่มเงินไม่กี่ร้อยบาท เลือกเป็นรุ่น Logitech G304 แทนจะจบกว่า
สรุปเลือกตัวไหนดี ?
ต้องบอกเลยว่าเมาส์ทั้ง 4 ตัวที่เราเลือกมานี้มีจุดเด่นที่ต่างกัน เลือกตามความชอบ หรือตามงบประมาณได้เลย
- เน้นคุ้มไป Anitech W226 – ราคา 300 บาท คุ้มจริง ๆ ในงบนี้
- เน้นจับถนัดมือไป Ugreen MU006 – ราคา 379 บาท ตัวใหญ่เต็มไม้เต็มมือดีจริง ๆ
- เน้นสวยไป Mi Dual Mode – ราคา 400 บาท รับรองว่าถูกใจสายมินิมอลที่ชอบขาว ๆ คลีน ๆ แน่นอน
- เน้นตัวจบ งบไม่ใช่ปัญหาไป Logitech M650 – ราคา 950 บาท ฟังก์ชันเยอะกว่าเพื่อน มีซอฟต์แวร์ปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ วัสดุและงานประกอบก็ดีกว่า
xiaomi นี่แบตหมดเร็วมาก เปลี่ยนไป 4 – 5 ก้อนแล้ว Logitech ยังไม่หดเลย ทั้งที่ Logitech ใช้เยอะกว่า
เคยใช้ Xiaomi Wireless Mouse (น่าจะรุ่นแรกเลย) กินแบตจริงครับ เปลืองค่าถ่านสุด ๆ จนทนไม่ไหว ตอนหลังเลยกัดฟันซื้อ Logitech MX Master 3 มีแบตในตัว ใช้ยาว ๆ เดือนกว่า – สองเดือน ชาร์จที สบายเลย
ตอนแรกใชh m331 แล้วเคยลองซื้อ Ugreen มาแล้วบอกไม่ถูก feel มันไม่ได้ มีความรู้สึกว่ามันไม่ smooth ตอนนี้ลอง m650 ชอบมาก ในราคา รับได้
เมาส์ไร้สาย เรื่องสำคัญคือ ความทนของแบตเตอรี่เลย ถ้าไม่ใช้ Logitech, Genius, Microsoft, Dell, HP,…. พวกนี้แบตทน 6 เดือน++ แต่ถ้าเป็น Signo, MDTech, … ที่อัน 2-300 เปลี่ยนถ่านทุกเดือนแน่ ๆ ตอนนี้ใช้ Fantech แบบชาร์จเอาประมาณเดือนละครั้ง