รายงานจาก RIAA เปิดเผยว่า ยอดขายซีดีเพลงในสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา เติบโตขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547 หรือกินเวลานานเกือบ 2 ทศวรรษ โดยมียอดขายอยู่ที่ 46.6 ล้านแผ่น และทำรายได้ไปทั้งสิ้น 584.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 47% และ 21% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปี 2563

แม้ว่ายอดขายซีดีเพลงในปี 2564 ยังห่างไกลกับช่วงพีก ๆ เมื่อปี 2543 ในสหรัฐฯ ที่ทำยอดขายไปเกือบ 1 พันล้านแผ่น แต่นี่อาจถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกอะไรบางอย่างในยุคที่อินเทอร์เน็ตและบริการสตรีมเพลงกำลังเฟื่องฟูสุดขีด

ประเด็นน่าสนใจเพิ่มเติมคือ แผ่นไวนิลมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังเช่นกัน โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้คนได้เริ่มคิดถึงการฟังเพลงแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะกับแผ่นไวนิลที่มีความพิเศษ ให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากการฟังเพลงในระบบดิจิทัล นอกจากนี้ซีดียังเป็นอะไรที่จับต้องได้ และให้ความรู้สึกถึงการ “เป็นเจ้าของอย่างแท้จริง” ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ปี 2564 บริการสตรีมเพลงออนไลน์ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มากที่สุดในอุตสาหกรรมเพลงในสหรัฐฯ นับเฉพาะบริการแบบที่ต้องสมัครสมาชิก ฟันรายได้ไป 8.6 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 57.2% ของทั้งหมด

  • บริการสตรีมเพลงแบบสมัครสมาชิก : สร้างรายได้ 8.6 พันล้านดอลลาร์ – คิดเป็น 57.2% (กราฟสีเขียวเข้ม)
  • บริการสตรีมเพลงแบบมีโฆษณา : สร้างรายได้ 1.8 พันล้านดอลลาร์ – คิดเป็น 11.7% (กราฟสีเขียวอ่อน)
  • ยอดขายไวนิล : สร้างรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ – คิดเป็น 6.9% (กราฟสีน้ำเงิน)
  • ยอดขายซีดีเพลง : สร้างรายได้ 584.2 ล้านดอลลาร์ – คิดเป็น 3.9% (กราฟสีส้ม)

 

ที่มา : RIAA