ในปีผ่านมากระแสความตื่นตัวด้านรถ EV บ้านเราบูมขึ้นอย่างมาก ทำให้มีรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายค่ายตบเท้าส่งรถหลายรุ่นลงตลาดบ้านเรา โดยเฉพาะค่ายรถจากประเทศจีน ผู้บริโภคอย่างเราเลยเข้าถึงรถประเภทนี้กันได้ง่ายขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอัตราภาษีการนำเข้ารถ EV ในประเทศไทยอยู่ที่ 0% ทำให้ราคาขายของหลายรุ่นเปิดมาได้เร้าใจมาก จนทำให้หลายคนเปลี่ยนไปใช้รถ EV แทนรถน้ำมันแล้ว แต่เรื่องแบบนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นที่อเมริกา

Elon Musk CEO ของ Tesla ให้สัมภาษณ์กับนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ว่าผู้ผลิตรถยนต์จีนจะ ‘ทำลายล้าง’ คู่แข่งทั่วโลกหากไม่มีอุปสรรคทางการค้า เช่น กำแพงภาษี หรือระเบียบข้อบังคับของประเทศนั้น ๆ สกัดเอาไว้

Elon Musk กล่าวว่า

“จากที่เราสังเกตมา บริษัทรถยนต์ของจีนมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในโลก ซึ่งผมคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างมากนอกประเทศจีน ถ้าไม่มีการตั้งกำแพงภาษี หรือถูกกีดกันทางการค้า แน่นอนว่าถ้าไม่มีมาตรการเหล่านี้ รถยนต์ค่ายจีนจะแย่งส่วนแบ่งตลาดจนทำลายล้างรถยนต์ EV แบรนด์อื่นจนไม่มีที่ยืนแน่นอน”

เมื่อไม่นานมานี้ BYD ได้ทำยอดขายรถยนต์ EV แซงหน้า Tesla กลายเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลก และขณะเดียวกันบริษัทอื่น ๆ จากจีนก็ขยายตัว เติบโตกันอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะตัวรถมีให้เลือกหลายรุ่น หลายระดับราคา ทำให้สามารถเข้าถึงง่ายกว่า Tesla มาก แถมยังควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ให้แพงมากจนเกินไปได้ด้วย

และแม้ว่ารถยนต์ EV แบรนด์จีนได้เริ่มกระจายไปทำตลาดทั่วทั้งโลกแล้ว แต่ก็ยังมีบางภูมิภาคที่ยังเข้าไปไม่ได้อยู่เหมือนกัน เช่น ในสหรัฐฯ ที่ทางประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยกล่าวว่า “จีนตั้งใจที่จะครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และเขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น” จึงได้สร้างมาตรการกีดกันทางการค้าต่าง ๆ ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้รถ EV จีนเจาะตลาดอเมริกาได้

รวมถึงในยุโรปเองก็ได้มีมาตรการกีดกันรถ EV จีนในปีที่แล้วด้วย โดยทำการตั้งกำแพงภาษีสูงลิบลิ่ว เพื่อปกป้องผู้ผลิตรถยนต์ในสหภาพยุโรปจากรถ EV จีนที่ถูกกว่า ไม่ให้ครองส่วนแบ่งตลาดมากจนเกินไป

อย่างไรก็ตามพักหลังมานี้จะเห็นได้ว่า Tesla เองก็จำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามราคารถยนต์ EV ด้วย เพื่อให้แข่งขันกับรถ EV จีนได้ ถึงอย่างนั้นการยอดขายรถของ Tesla ทั้งหมดก็ยังสู้รถ EV แบรนด์จีนไม่ได้อยู่ดี

ที่มา : reuters