ทำไมแอปเปิ้ลถึงร่วงหล่นลงมา? เพราะแรงดึงดูดของโลกตามกฎแรงดึงดูดของ เซอร์ไอแซค นิวตัน ที่เราคุ้นเคยกันดีใช่หรือไม่? แต่รายงานล่าสุดโดยมอร์แกนสแตนลีย์กล่าวว่า มันเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดนวัตกรรมของ Apple นั่นเอง (คนละ Apple กันสินะ)

ขณะที่หุ้นของ Apple Inc. (NASDAQ: AAPL) ดิ่งลงไปปิดที่ $ 110.49 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2015 จนเกิดคำถามขึ้นว่า ยุคทองของ iPhone สิ้นสุดลงแล้วหรือ เพราะถ้าย้อนกลับไปนับตั้งแต่การเปิดตัวของ iPhone ในปี 2007 นั้น iPhone ได้กลายเป็นรายได้หลักสำหรับ Apple เกือบ 62.4% ของรายได้รวมในไตรมาสสุดท้ายของ 2015 

Apple นั้นอาศัยสินค้าหลัก 3 ประเภทในการดำเนินกิจการ ซึ่งมี iPhone, iPad และ PC แยกเป็นสามขาแบกรับลูกแอปเปิ้ลที่แห่วงอยู่เอาไว้ด้านบนเหมือนกับขาตั้งกล้อง และเมื่อดูจากสถานการณ์ที่ผ่านมา ยอดขาย iPad ก็น่าผิดหวัง แถมความนิยมในตลาด PC ของ Mac ก็เริ่มค่อยๆ ลดความนิยมลง และตอนนี้เหมือน Apple ยืนอยู่บนขาข้างเดียวของพวกเขาด้วยตัวเลขรายได้มาจากสินค้ายอดนิยมของตัวเองคือ iPhone

ดูจากสถิติ 3 ปีที่ผ่านมา ทุกๆ ไตรมาสที่ 3 ที่ Apple เปิดตัวสินค้าใหม่จะมีตัวเลขจำนวนยอดขายและรายได้ที่สวยงามเสมอ มา ลองดูยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก Q3 ปี 2012 Apple ขาย iPhone ได้ 179,000,000 เครื่อง เมื่อเทียบกับ Q3 ปี 2015 มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเกือบ 2 เท่า ด้วยยอดขายเครื่องถึง 355,000,000 แต่ตัวเลขส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิ้ลกลับลดลงจาก 15% เป็น 13.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน และจากตัวเลขดังกล่าวดูเหมือนว่าแอปเปิ้ลจะเจาะฐานผู้ใช้หน้าใหม่ไม่ได้สักเท่าไหร่ ยังคงเป็นสาวกของตัวเองที่ซื้อไปใช้อยู่หรือเปล่า

จากตัวเลขคาดการณ์ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกปี 2016 จะหดตัวลงราวๆ 6% อาจฟังดูไม่เยอะนัก แต่ถ้าเทียบกับสถานการณ์ของ Apple บวกลบคูณเข้าไปก็น่าจะมีผลกระทบอยู่ไม่น้อย เพราะตอนนี้เหมือนบริษัทอาศัยรายได้จากโทรศัพท์หรือ iPhone เป็นหลักนั่นเอง 

Apple ตกต่ำลงจริงหรือ?

มาลองวิเคราะห์กันดู ด้วยตัวเลขของ iPhone 6s และ 6s Plus เปิดตัวอลังการงานสร้างกับยอดขาย 13,000,000 เครื่อง ภายใน 3 วัน แต่ผ่านไปไม่นาน สถานการณ์เริ่มแย่ลงและแย่ลง ด้วยเหตุผลบางประการ

  • iPhone รุ่นใหม่ ไม่ใหม่สมชื่อ ไม่สร้างแรงจูงใจให้คนเปลี่ยนเครื่อง
  • ราคาที่สูงเกินไป ขยับราคาทุกปี การบุกตลาดใหม่ๆ เช่นอินเดีย ก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวใจผู้ใช้ให้มาซื้อ iPhone
  • เศรษฐกิจประเทศจีนชะลอตัว จีนเป็นตลาดใหญ่สุดของ iPhone เมื่อตลาดหด ก็กระทบต่อยอดขาย
  • ตลาดใหม่ของ Apple ไม่เอื้อต่อ Apple เช่นการขาดโครงสร้างระบบ LTE ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นไม่เหมาะสม ส่งผลให้เสียลูกค้าไปให้ Android

แอปเปิ้ลก็ดูจะรู้ถึงปัญหาในอนาคตของพวกเค้าดี เห็นได้จากการวางแผนสั่งลดการผลิต iPhone ลง จากผลประมาณการณ์ยอดขายปี 2016

Apple ควรทำอย่างไร?

จากการประมาณการณ์ยอดขายของตัวเอง Apple ตระหนักดีว่า iPhone 6s และ 6s Plus ไม่ได้ทำยอดขายตามที่คาดหวังไว้ ด้วยความรู้และศักยภาพที่บริษัทมี ก็น่าจะสามารถกู้ศรัทธาจากผู้ใช้ได้ไม่ยาก คงต้องรอดูการมาของ iPhone 7 ว่าจะเปิดตัวออกมาได้ดีแค่ไหนในปี 2016

นอกจากนั้น Apple เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหานี้ เริ่มปรับแผนงานของบริษัทและที่มาของรายได้ไปสู่หลายทางเหมือนที่เราได้เห็นกันไปบ้าง แต่เราคาดหวังจะเห็นอะไรใหม่ในปีหน้า

  • Apple Watch และ Watch OS ที่เจ๋งกว่าเดิม เพราะ Apple สามารถทำกำไรได้ดีกับสินค้าในกลุ่มนี้
  • แผนการตลาดใหม่ในการเจาะตลาดอินเดีย ที่มีแฟนๆ ของ Apple เยอะ แต่กลับมีจำนวนผู้ใช้น้อย
  • สมาร์ทโฟนรุ่นกลาง อาจจะเป็น iPhone ขนาดเล็ก (iPhone 6C ที่ลือกัน) สเปคกลางๆ
  • รักษาฐานลูกค้าเก่า ให้ยังใช้ iPhone และอัพเกรดเป็นรุ่นใหม่เสมอ (ที่เห็นข่าวกันว่ามีการโฆษณาให้ลูกค้าเปลี่ยนเป็น iPhone รุ่นใหม่ใน App Store)
  • ฟื้นยอดขายของ iPad สร้างความสดใหม่ เช่นการมาของ iPad Pro ที่เจาะตลาดเฉพาะทาง 

แถมมาด้วยข่าวลือที่ Tim Cook และบริษัท กำลังจะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าสวมใส่หรือ Wearable เพื่อนำไปใช้กับ Apple Watch 2.0 ของตัวเอง

ที่มา: Dazeinfo

 

มุมของผู้เขียน

Apple กำลังทำอะไรกันแน่? จากที่เคยเป็นผู้นำตลาด ขายสินค้าราคาแพงที่สุดและเป็นคนกำหนดมาตราฐานสมาร์ทโฟนจากรุ่นสู่รุ่นมาตลอด หรือตอนนี้กำลังเสียหลักให้กับมาของ Android ที่ราคาถูกกว่า แต่สเปคไม่หนีห่างอีกต่อไป การออกแบบสินค้าใหม่ๆ เช่น แบตเตอรี่เคสที่ไม่หลงเหลือเสน่ห์ของ Apple หรือการไม่ฟังความคิดเห็นของลูกค้าและผู้ใช้งาน ที่อาจจะสร้างศัตรูให้ Apple ต้องคอยติดตามกันว่า CEO แห่ง Apple Tim Cook จะสามารถสานต่อตำนานของ Steve Jobs ได้อย่างไร