Dolby Laboratories ประกาศเปิดตัว Dolby Vision 2 เทคโนโลยีด้านภาพเวอร์ชันใหม่ ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Dolby Vision ที่อยู่ครองตลาดมาตั้งแต่ปี 2014 โดยเน้นไปที่การปรับปรุงแก้ไขเทคโนโลยี High Dynamic Range (HDR) ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

Dolby Vision 2 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Image Engine ที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม และเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Content Intelligence ซึ่งจะทำหน้าที่ปรับแต่งภาพหรือการแสดงผลให้เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ

  • Precision Black: แก้ปัญหา “ภาพมืดเกินไป” โดยจะช่วยเพิ่มความคมชัดและรายละเอียดในฉากมืดให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น และไม่กระทบกับระดับความมืดที่ผู้สร้างคอนเทนต์ตั้งใจเอาไว้
  • Light Sense: ปรับคุณภาพของภาพตามสภาพแสง (ambient light) ให้ได้ภาพที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมในการรับชม
  • Sports and Gaming Optimization: เพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลของคอนเทนต์กีฬาหรือเกมโดยเฉพาะ สำหรับคอนเทนต์ที่มีการแสดงผลภาพแบบเคลื่อนไหวเร็วๆ

นอกจากนี้ Dolby Vision 2 ยังได้เพิ่มฟีเจอร์อย่าง Authentic Motion ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมการเคลื่อนไหว (motion control tool) ที่ช่วยลดอาการภาพกระตุก (Judder) ทำให้ภาพเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

โดยทีวีที่รองรับเทคโนโลยี Dolby Vision 2 จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่

  1. Dolby Vision 2 : สำหรับทีวีรุ่นปกติ (Mainstream) รองรับเทคโนโลยี Image Engine และ Content Intelligence
  2. Dolby Vision 2 Max: รองรับฟีเจอร์พรีเมียมเพิ่มเติม (ยังไม่มีรายละเอียด) ที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพของจอภาพแบบขั้นสุด

ในการเปิดตัวครั้งนี้ Hisense จะเป็นผู้ผลิตทีวีรายแรกที่นำ Dolby Vision 2 มาใช้กับทีวีของทางบริษัท พร้อมกับบริษัทสื่อจากประเทศฝรั่งเศษอย่าง CANAL+ ก็ประกาศที่จะผลิตคอนเทนต์ซึ่งรองรับ Dolby Vision 2 ด้วยเช่นกัน

ทางฝั่งของชิปเซ็ตก็จะมีชิป MediaTek Pentonic 800 ที่เป็นชิปสำหรับทีวีรุ่นแรกที่รองรับ Dolby Vision 2 ด้วย

ที่มา : Dolby