<<–ชี้แจงเรื่องภาพยนตร์โฆษณาเครืองเก่าแลก iPhone 6 จากทาง dtac–>>

จากการที่ดีแทคกระตุ้นการขายสมาร์ทโฟนและสร้างโอกาสให้ลูกค้าสามารถซื้อ iPhone 6 หรือ iPhone 6 Plus ได้ในราคาที่ดีมากขึ้น ผ่านแคมเปญ “มือถืออะไรก็ได้มาแลกเป็น iPhone 6” โดยได้ออกอากาศภาพยนตร์โฆษณา ไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีการแสดงความคิดเห็นต่อภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวเป็นที่หลากหลายในวงกว้าง

ดีแทคขอขอบคุณทุกเสียงที่แนะนำ คำติติง ความไม่สบายใจ และความห่วงใยที่เข้ามา โดยดีแทคพร้อมน้อมรับความคิดเห็นจากทุกท่าน และขออภัยที่ภาพยนตร์ดังกล่าวอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ มา ณ โอกาสนี้ และด้วยการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกค้าทุกท่าน ทางดีแทคจึงพิจารณางดเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจต่อคำแนะนำและคำติชมที่มีให้ ดีแทคยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานด้วยความจริงใจและตั้งใจดี ด้วยความห่วงใยและใส่ใจในทุก ๆ อย่างต่อลูกค้าของเรา


 

<—- สำหรับเนื้อหาด้านล่างนี้ ผมจะขอเก็บเอาไว้เป็นสำเนาให้คนที่ไม่ทราบเรื่องได้อ่านกันนะครับ —->

ก็ไม่รู้เป็นแผนส่งเสริมการตลาดในเชิงลบ (negative marketing campaign) ของทางดีแทคหรืออย่างไรถึงได้ปล่อยโฆษณาที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากคนที่ได้รับชม กด dislike กันไปรัวๆ 1,250 ครั้ง ใน 58,000 วิวบน YouTube หลังจากรับชมโฆษณา ด้วยเนื้อหาที่เหยียดผู้ใช้สมาร์ทโฟนอื่นๆที่ไม่ใช่ iPhone ว่าเป็นเรื่องน่าอาย ต้องหลบๆซ่อนๆที่จะใช้ พยายามชี้นำว่าคนตัดสินกันแต่เพียงแค่ภายนอกและสิ่งของ ทิ้งภาพลักษณ์ของแบรนด์ฟีลกู๊ดที่เคยสร้างแคมเปญดีๆน่ารักๆออกมาให้คนรู้สึกดีๆกันมาโดยตลอด

สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู สามารถกดเข้าไปดูกันได้ที่นี่  Play video  ตอนนี้ทางดีแทคได้หยุดเผยแพร่โฆษณาชิ้นนี้ไปเรียบร้อยแล้วนะครับ และพร้อมที่จะปรับปรุงโฆษณาให้ดีขึ้นต่อไปครับ 

แต่ถ้าไม่อยากเข้าไปช่วยเพิ่มยอดรับชมให้แคมเปญการตลาดนี้ ผมขอแคปภาพเนื้อหาคร่าวๆที่เป็นประเด็นมาให้ดูดังนี้

เริ่มต้นกับสองสาวที่คนหนึ่งเดโมใช้งาน Siri

เพื่อนสาวอีกคนที่ยกมือถือตัวเองขึ้นมาแล้วทำท่าอาย ไม่มีฟีเจอร์นี้ใช้ รีบซ่อนลงไปอย่างไว

ตัดมาที่ชายหนุ่มอีกคนที่ถือไอโฟนขึ้นมาถ่ายสโลวโมชั่นลง IG

ชายอีกคนที่นั่งข้างๆเห็นเข้า ก็ทำหน้าเจื่อนรีบเก็บโทรศัพท์ตนลงไปเพราะว่าอายเช่นกัน

ตัดมาคู่ที่สาม เป็นสาวสวยคนนึงเดินมา

ผู้ชายที่นั่งอยู่ต้องยกเอานิตยสารที่ตนถืออยู่มาปิดบังโทรศัพท์ที่ใช้เพราะว่าอาย

หลังจากนี้ก็เป็นการโฆษณาแคมเปญของเค้าที่ไม่ขอพูดถึง ไม่อยากช่วยประชาสัมพันธ์ให้

ใครดูออกบ้างว่ามีมือถือรุ่นใดบ้าง และผมอยากรู้มากว่ามีมือถือ dtac trinet ที่ค่ายขายเองอยู่ในโฆษณาชิ้นนี้หรือไม่ และอยากรู้เหมือนกันว่า dtac ต้องการจะบอกลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์คุณอยู่เป็นเรื่องน่าอายด้วยรึเปล่า?

ส่วนฟีเจอร์ต่างๆที่โฆษณาพยายามจะสื่อ อย่าง Siri ที่คุยเล่นเจื้อยแจ้ว ลองมาเล่น Google Now ที่ตอบคำถามที่เราต้องการได้อย่างฉับไว้ ไม่เอาแต่ตอบ “ฉันหาอะไรเกี่ยวกับ …. ในเว็บไซต์ไม่เจอสักอย่างเลย ไม่น่าเป็นไปได้” หรือว่าจะลองเข้าไปดูภาพสวยๆถ่ายจากแอนดรอยด์ใน DroidShot ก็จะเห็นว่ามือถือที่ราคาถูกกว่าเป็นเท่าตัวก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน

ทั้งหมดนี้ผมขอออกตัวก่อนว่าผมไม่มีปัญหากับคนใช้ iPhone และผมก็คิดว่า iPhone ก็เป็นอุปกรณ์ที่ดีมากชิ้นหนึ่ง ฟีเจอร์หลายๆอย่างทำออกมาดีจนหลายๆคนอยากได้เอามาใช้ คนที่ผมรู้จักหลายๆคนก็มีนิสัยน่ารัก ไม่ได้ดูถูกคนหรือตัดสินใครจากอุปกรณ์ที่ใช้อย่างที่โฆษณาชิ้นนี้พยายามสื่อออกมา พวกเค้าก็มองว่า iPhone เป็นแค่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ไม่สามารถตัดสินความดี หรือคุณค่าของความเป็นคนได้ ผมจะใช้ Android เพื่อนจะใช้ iPhone ก็ไม่มีปัญหาอะไร เราสามารถดึงความสามารถของเครื่องออกมาใช้งานหาเงินมาจ่ายค่าบริการโทรศัพท์ได้เหมือนกัน จะมีหรือไม่มี Siri จะถ่าย Slow ได้หรือไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกด้อยกว่าแต่อย่างใด

โฆษณาชิ้นนี้นอกจากจะทำให้คนใช้สมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการณ์อื่นรู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว เหล่าคนรอบตัวผมที่ใช้ iPhone อยู่หลายๆคนยังรู้สึกไม่ดีไปด้วย เพราะมันส่งเสริมให้คนคลั่งวัตถุนิยม ตัดสินคุณค่าของตัวเองจากสิ่งของที่ใช้ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเป็นโฆษณาที่ทำจากแบรนด์ใหญ่ระดับประเทศอย่าง Dtac ที่เคยสร้างภาพลักษณ์ดีๆจากหลากหลายแคมเปญว่าเป็นคนดี ใสๆ ตรงๆ มีจรรยาบรรณ เป็นคนทำขึ้นมา จริงอยู่ว่าแคมเปญมันเหมือนจะไม่มีอะไร ก็แค่โฆษณาส่งเสริมการขายชิ้นนึง แต่ถ้าคนคิดไอเดีย และคนอนุมัติ ลองมองในมุมกลับอย่างที่หลายๆตำหนิกันอยู่นี้ ก็น่าจะพอหาวิธีเล่าเรื่องแบบใหม่ที่ป้องกันข้อครหาได้ไม่ยาก

ท้ายที่สุดนี้ ผมก็ไม่อยากจะว่าเหมารวม Dtac ทั้งหมด เพราะก็มีคนที่ทำงานดี ให้บริการอย่างเต็มที่จนหลายๆคนประทับใจอยู่ไม่น้อย แต่เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญเสริมสร้างค่านิยมทางวัตถุนี้ น่าจะลองพิจารณาและตอบคำถามสังคมที่ได้ถามกันเต็มไปหมดทั่ว Timeline และ Comment ณ เวลานี้ครับ