กระแสตื่นเต้น Dynamic Island ถือว่ามาเร็วและแรงสมใจ Apple ที่จู่ ๆ โผล่มาช็อกโลกโดยไม่บอกกล่าว จากข่าวลือ “กล้องรูเจาะ” กลายเป็น “กล้องบนเกาะ” ไปซะอย่างนั้น เมื่อพี่แกเล่นใหญ่ยืนยันจะคงขอบบังจอต่อไป แต่เพิ่มฟีเจอร์ใช้งานที่มีประโยชน์จริงขนาดนี้ คนก็ต้องสงสัยกันเป็นธรรมดา ว่าคิดยังไงถึงกล้าทำ และที่สำคัญคือพัฒนายังไงให้รอยบังที่น่ารำคาญ กลายเป็นนวัตกรรมสุดว้าวในสายตาผู้ใช้งานได้ เราลองมาทำความเข้าใจกันครับ

Dynamic Island เกิดมาทำไม

เท่าที่ผ่านมา iPhone จะมีระบบแจ้งสถานะต่าง ๆ หลายรูปแบบ อย่างเวลาเริ่มชาร์จแบต เปิดปิดโหมดเงียบ ก็จะมีหน้าแจ้งเตือนขึ้นมาตรงกลางแว็บนึง เวลาโทรกับใครหรือเปิดใช้งานแอปแผนที่ก็จะมีสัญลักษณ์ขึ้นมาด้านซ้ายบน แล้วถ้าเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นอย่าง Airpod ก็จะมีหน้าขึ้นมาอีกแบบนึง อยู่ตรงกลางด้านล่างจอ เป็นต้น

Dynamic Island ใน iPhone 14 Pro/Pro Max ก็จะเป็นการรวบหน้าสถานะเหล่านี้ไว้ในที่เดียวกันตรงกล้องหน้า ที่แต่ก่อนเป็นพื้นที่ Notch สีดำเฉย ๆ ตอนนี้จึงกลายเป็นเกาะที่ลอยเด่นอยู่บนจอที่สามารถแสดงข้อมูลแจ้งเตือนและสถานะต่าง ๆ พร้อมรองรับการสัมผัสเพื่อใช้งาน เปิดปิดฟังก์ชันต่าง ๆ ได้เลย ซึ่งสาเหตุที่เรากดใช้งานมันได้ก็เพราะว่าส่วนสีดำมันเป็นจอภาพ ที่ Apple ถมดำเอาไว้ เพื่อจะสร้างส่วนนั้นเป็น Dynamic Island นั่นเอง

เผยความลับและฟีเจอร์ Dynamic Island บน iPhone 14 Pro เป็นรูกล้อง หรือเป็นหน้าจอกันแน่

ทีนี้เวลามีแจ้งเตือนสถานะจากระบบหรือแอปหลาย ๆ อย่างก็จะไปขึ้นแสดงตรง Dynamic Island แทน ยกตัวอย่างถ้ากดจับเวลาก็จะมีไอค่อนนาฬิกาคอยบ่งบอกว่าใช้เวลาไปนานเท่าไรแล้ว หรือถ้าเรากำลังฟังเพลงอยู่ ก็จะมีภาพอัลบัมเพลง พร้อมมีสัญลักษณ์คลื่นเสียงแสดงเอาไว้ และยังมีรองรับรูปแบบแสดงสถานะอื่น ๆ อีกมากมาย

ลักษณะของ Dynamic Island มีอยู่ 3 แบบหลัก ๆ แบบแรกคือหน้าหลักที่มีแสดงสถานะ 1 อย่าง แบบที่สองคือเพิ่มไอค่อนแยกไปด้านขวาเวลาแสดงสถานะ 2 อย่าง แบบที่สามคือหน้าต่างขยายเวลาเรากดค้างไว้ให้เราสั่งการหรือดูข้อมูลเพิ่มเติม โดยเมื่อเรากดไอค่อนที่แสดงผล ตัวมือถือก็จะพาเราไปหน้าของแอปนั้นทันที แปลว่าเค้าออกแบบมาเพื่อให้เราใช้งานในมือถือได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้นจากการ multitask สลับแอปไปมา

Apple ยังบอกไว้ด้วยว่าจะมีการเปิดตัว Live activity API ให้ผู้พัฒนานำไปใช้ ทำให้รองรับแอปและฟีเจอร์อื่น ๆ ได้อีก  ไม่ได้จำกัดแค่การแจ้งสถานะในตัวระบบเท่านั้น เรื่องนี้ก็ถือว่า Apple เลือกได้ถูกทาง เพราะยิ่งมีฟังก์ชันการใช้งานมากขึ้นเท่าไหร่ คนก็จะยอมรับในประโยชน์ของ Dynamic Island มากขึ้นเท่านั้น

วิธีการพัฒนา Dynamic Island ให้เคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวล

ฟีเจอร์ดี ๆ จะใส่ใจแค่เพียงฟังก์ชันการใช้งานอย่าวเดียวไม่ได้ แต่ยังต้องคำนึงถึงประสบการณ์จากผู้ใช้ด้วย ทาง Apple ก็โฆษณาเอาไว้ว่าดีไซน์แอนิเมชั่นออกมาให้ดูและรู้สึกเป็นเหมือนของเหลว เคลื่อนไปมาดูมีชีวิตชีวา โดยเค้ามีเคล็ดลับสร้างความรู้สึก “ลื่นไหล” ได้โดยเทคโนโลยี Dynamic Sub-pixel Anti-aliasing มาช่วยลบรอยหยักของพิกเซล ให้ทุกความเคลื่อนไหวดูนุ่มนวลและคมชัดมากกว่าแอนิเมชั่นไหน ๆ ที่เคยมีมาใน iOS

Sub-pixel Anti-aliasing เป็นเทคนิคการสร้างความคมชัดของภาพ ทำได้โดยการแบ่งส่วนพิกเซลลึกถึงขึ้นหลอดแสดงสี RGB เพื่อให้ดูเหมือนว่าภาพมีความละเอียดมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า

 

ดูจากตัวอย่าง (a) จะเป็นภาพการแบ่ง pixel แบบเต็มตัวตามปกติ ทำให้วัตถุดูมีรอยหยักตรงขอบชัดจนเกินไป พอแบ่งตามแท่งสีที่มีในพิกเซลก็จะได้ภาพ (b) และ (c) ที่มีรอยหยักขอบน้อยกว่า เพราะถือว่าภาพละเอียดขึ้น 3 เท่าครับ

ซี่งวิธีนี้ส่วนมากจะนำมาใช้กับตัวอักษรในจอที่มีความละเอียดต่ำ เพื่อแบ่งพิกเซลให้ได้มากขึ้น ทีนี้พอนำมาใช้แบ่งกับหน้าจอมือถือรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ Dynamic Island มีความคมชัดสูงเข้าไปอีก เหมาะกับแอนิเมชั่นเด้งดึ๋งทั้งหลายแหล่ที่เค้าดีไซน์เอาไว้

ขอบของ Dynamic Island ที่ดูเนียนมากขึ้นเพราะ Sub-pixel Anti-aliasing

Dynamic Island ฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ

การเปิดตัวรูปแบบการใช้งานใหม่ขั้น Dynamic Island ถึงจะน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ยังมีปัญหาบางอย่างที่อาจจะขัดใจหลาย ๆ คนได้ เรื่องแรกคือการใช้งานจริง เวลากดแตะที่ไอค่อนสถานะ จะเป็นการเปิดตัวแอปนั้นขึ้นมาทันที แต่ถ้าต้องการกดเรียกหน้าขยายกว้างของ Dynamic Island กลับกลายเป็นว่าเราต้องกดค้างเอาไว้ ทำให้ถ้าต้องการกดสั่งอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เราต้องกดค้างให้เสียเวลานานกว่าซะอย่างงั้น เลยคิดว่ามันขัดกันแปลก ๆ

อีกปัญหาคือเรื่องขนาดและตำแหน่ง ที่เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อนแล้วพบว่ามีการกินพิ้นที่มากกว่าเดิม เพราะมีการเว้นช่องระยะห่างมาจากขอบจอด้านบนอีก เวลาใช้งานแอปต่าง ๆ ก็จะโดนบดบังอยู่ดี

สุดท้ายแล้ว Dynamic Island ก็เป็นเพียงฟีเจอร์แสดงสถานะและการแจ้งเตือน ที่ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในการใช้งานมือถือ ไม่ใช่ว่าเราจะมาคอยจับขยับพวกแจ้งเตือนอะไรอย่างนี้ทั้งวัน…พอมาชั่งน้ำหนักความสำคัญกับพื้นที่หน้าจอที่ถูกบดบังไปแล้ว หลายคนก็อาจคิดว่ามันไม่คุ้มกันอยู่ดี เพราะฉะนั้นใครสนใจซื้อ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ก็ต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ก่อนจะตัดสินใจซื้อนะ จุดเริ่มต้นนวัตกรรม มันก็ต้องเจอทางขรุขระระหว่างทางเป็นธรรมดา

ที่มา theverge, researchgate