เผยผลทดสอบชิป Exynos 2400 ที่จะใช้ใน Samsung Galaxy S24 แรงเกือบเท่า Snapdragon 8 Gen 3 แล้ว

เผยคะแนนทดสอบชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2400 ที่คาดว่าจะนำมาใช้ใน Samsung Galaxy S24 และ Galaxy S24+ บนฐานข้อมูลของ Geekbench โดยคะแนนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจขึ้น เพราะทำคะแนนได้ใกล้เคียงกับ Snapdragon 8 Gen 3 ที่ใช้ใน Galaxy S24 Ultra เป็นที่เรียบร้อย

เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา เคยมีคะแนนของชิป Exynos 2400 ที่ใช้ใน Galaxy S24+ หลุดออกมาแล้ว ซึ่งคะแนนในตอนนั้นเมื่อเทียบกับ Galaxy S24 Ultra ที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 3 และมีคะแนนทดสอบหลุดออกมาพร้อมกัน Exynos 2400 ดันทำคะแนนได้ต่ำกว่า 8% ในการทดสอบแบบ Single Core และ 4% ในการทดสอบแบบ Multi-Core ซึ่งผลคะแนนออกมาดังนี้

คะแนน Exynos 2400 vs Snapdragon 8 Gen 3 ในเดือนตุลาคม 2023

Galaxy S24+ ที่ใช้ Exynos 2400: 2067 (single-core) / 6520 (multi-core)
Galaxy S24 Ultra ที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 3: 2234 (single-core) / 6807 (multi-core)

แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าทาง Samsung จะกลับไปปรับปรุงประสิทธิภาพชิป Exynos 2400 ให้ทำงานได้ดีขึ้น หลังทำคะแนนชุดล่าสุดตีตื้น Snapdragon 8 Gen 3 ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด โดยมีคะแนนห่างกันแค่เพียง 5% ในการทดสอบแบบ Single Core และ 3% ในการทดสอบแบบ Multi-Core ซึ่งสามารถแจงคะแนนออกมาได้ดังนี้

คะแนน Exynos 2400 vs Snapdragon 8 Gen 3 ในเดือนมกราคม 2024

Galaxy S24+ ที่ใช้ Exynos 2400: 2193 (single-core) / 6895(multi-core)
Galaxy S24 Ultra ที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 3: 2297 (single-core) / 7104 (multi-core)

ประเภทคอร์	Snapdragon 8 Gen 3	Exynos 2400
Prime Core	Cortex-X4 @ 3.3GHz 1 คอร์	Cortex-X4 @ 3.1GHz 1 คอร์
Big Core	Cortex-A720 3.2GHz 3 คอร์	Cortex-A720 @ 2.9GHz 2 คอร์
Mid Core	Cortex-A720 @ 3.0GHz 2 คอร์	Cortex-A720 @ 2.6GHz 3 คอร์
Small Core	Cortex-A520 @ 2.3GHz 2 คอร์	Cortex-A520 @ 1.8GHz 4 คอร์

ตารางเทียบสเปค Snapdragon 8 Gen 3 และ Exynos 2400 บน Galaxy S24 Series (ยังไม่เป็นทางการ)

หากเจาะลึกไปในด้านสเปคของตัวชิป Exynos 2400 จะจัดเรียง CPU Core มาในรูปแบบ 1+2+3+4 (Deca Core) ส่วน Snapdragon 8 Gen 3 จะมาในรูปแบบ 1+3+2+2 (Octa Core) โดยฝั่ง Samsung จะเน้นอัดคอร์ประหยัดพลังงานมาให้ 2 ตัว ซึ่งก็น่าจะหวังผลในเรื่องการจัดการพลังงานได้ดีกว่าฝั่ง Snapdragon 8 Gen 3 ที่เน้นปรับความแรง Clockspeed ใน Base และ Prime Core นั่นเอง

ทั้งนี้หากดูแค่คะแนนทดสอบบน Geekbench อาจจะยังบอกไม่ได้ว่าการใช้งานจริงจะต่างกันแค่ไหน ต้องรอดูทดสอบในด้านอุณหภูมิในระหว่างการใช้งาน รวมถึงการประมวลผลในแง่อื่น ๆ ทั้งการถ่ายภาพ วิดีโอ รวมถึงระบบ AI ที่ทาง Samsung ต้องการชูให้เป็นจุดเด่นในรุ่นนี้ ซึ่งต้องติดตามกันให้ดีหลังงานเปิดตัวในวันที่ 18 มกราคม 2024 เวลาไทยตี 1 นะ

ที่มา: GSMArena, SamMobile