หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Facebook ไล่ปิด account แถมยังบังคับให้เราไล่เปลี่ยนชื่อเป็นชื่อจริงนามสกุลจริง ถึงขั้นต้องส่งเอกสารทั้งบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตไปยืนยันตัวตนกันแบบโคตรจะวุ่นวายมาแล้วรอบนึง ล่าสุดทาง Facebook ได้ปรับ Community Standards หรือกฏกติกามารยาทในการอยู่ร่มกันใหม่ ซึ่งมีเนื้อหายาวเหยียดมาก แต่มีใจความสำคัญที่เป็นประเด็นหลักๆ อยู่ประมาณ 4 หัวข้อ และหนึ่งในนั้นคือ

ยอมให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ชื่อเรียกแทนชื่อจริงได้ “authentic identity” อ้าว! เฮ้ย! แล้วที่ก่อนนี้บังคับให้เปลี่ยนไปหละ T T

ประเด็นสำคัญทั้ง 4 ข้อที่ Facebook มีการปรับเนื้อหาเพิ่มเติมได้แก่

  • Authentic Identity การระบุตัวตนผู้ใช้งาน
  • Hate Speech การใช้คำด่าทอผู้อื่น
  • Sexual Violence ภาพ/คลิป โป๊เปลือยลามกอนาจาร
  • Content Removal การลบข้อมูลและเนื้อหา


Authentic Identity 

ในส่วนของ Authentic Identity ที่มีปัญหาต้องเปลี่ยนชื่อจริงกันอลหม่านนั้น ทาง Facebook ได้ออกมาให้ราบละเอียดเพิ่มเติมว่าไม่ต้องถึงขั้นใช้ชื่อนามสกุลตามบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือพาสปอร์ตก็ได้

Using Your Authentic Identity: How Facebook’s real name requirement creates a safer environment.

People connect on Facebook using their authentic identities. When people stand behind their opinions and actions with their authentic name and reputation, our community is more accountable. If we discover that you have multiple personal profiles, we may ask you to close the additional profiles. We also remove any profiles that impersonate other people.

If you want to create a presence on Facebook for your pet, organization, favorite movie, games character, or another purpose, please create a Page instead of a Facebook Profile. Pages can help you conduct business, reach out to fans, or promote a cause you care about.

ขอแค่เป็นชื่อที่ใช้ประจำ มีชื่อที่มีคนเรียกหรือเป็นที่รู้จักในชื่อนั้นๆ ก็พอแล้ว (อ้าว แล้วที่ส่ง e-mail มาขอบัตรประชาชนไปนี่ยังไง แล้วพอเปลี่ยนชื่อไม่ตรงก็ไม่ให้เปิด account อีก เอาดีๆ ดิ)

 

Hate Speech

Facebook ไม่ยินยอมให้มีการใช้ถ้อยคำด่าทอเหยียดหยามหรือถ้อยคำแนว Hate speech มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งก็มีการอธิบายเพิ่มเติมไว้ตามนี้ครับ

Facebook removes hate speech, which includes content that directly attacks people based on their:
  – Race,
  – Ethnicity,
  – National origin,
  – Religious affiliation,
  – Sexual orientation,
  – Sex, gender, or gender identity, or
  – Serious disabilities or diseases.

นั่นก็คือห้ามใช้ถ้อยคำว่ากล่าวผู้อื่นในเชิงเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ประเทศ ศาสนา เพศและเพศสภาพ รวมถึงผู้พิการ ทุพพลลภาพ หรือเป็นโรคต่างๆ

 

Sexual Violence

ทาง Facebook จะลบภาพหรือคลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาส่อไปในทางลามกอนาจาร ซึ่งรวมไปถึงกรณีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพของเหยื่อที่ถูกข่มขืน หรือล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อปกป้องผุ้ใช้งาน นั่นรวมไปถึงคลิปที่แฟนเก่าชอบเอามาแปะเอามาแชร์เพื่อทำลายชื่อเสียงด้วย

Sexual Violence and Exploitation: How we fight sexual violence and exploitation on Facebook.

We remove content that threatens or promotes sexual violence or exploitation. This includes the sexual exploitation of minors, and sexual assault. To protect victims and survivors, we also remove photographs or videos depicting incidents of sexual violence and images shared in revenge or without permissions from the people in the images.

Our definition of sexual exploitation includes solicitation of sexual material, any sexual content involving minors, threats to share intimate images, and offers of sexual services. Where appropriate, we refer this content to law enforcement. Offers of sexual services include prostitution, escort services, sexual massages, and filmed sexual activity.

 

Content Removal

ส่วนของการ Reporting Abuse หรือการแจ้งเพื่อขอลบข้อมูลและเนื้อหานั้น ก็มีการอธิบายเพิ่มเติมว่าไม่ใช่แค่คนแจ้งมาเยอะๆ แล้วเราจะลบ แต่เราจะมีคณะกรรมการตรวจสอบ ถ้าเป็นเรื่องที่เข้าข่ายเช่น Nudity, Hate Speech ก็ถือว่าเข้าข่ายแต่ในบางครั้งก็มีเจ้าหน้าที่บางประเทศขอให้ลบเนื้อหาที่ผิดต่อกฏหมาย

Governments also sometimes ask us to remove content that violates local laws, but does not violate our Community Standards. If after careful legal review, we find that the content is illegal under local law, then we may make it unavailable only in the relevant country or territory.

ซึ่งในกรณีนี้ถ้าเราพิสูจน์แล้วว่ามันผิดกฏหมายของประเทศนั้นจริง ข้อความนั้นอาจจะถูกลบหรือไม่ถูกลบ แต่อาจจะถูก block ไม่ให้แสดงผลในประเทศที่ถือว่าละเมิดหรือผิดกฏหมายก็ได้

 

 

 

 

source : re/code via blognone