เมื่อไม่นานมานี้ Apple เพิ่งประกาศอัปเดตระบบความปลอดภัยยกเครื่อง ทำให้มีการเข้ารหัสข้อมูลแบบ end-to-end สำหรับบริการ iCloud, iMessage, Backup, Photos ซึ่งก็เป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้งานทุกคนเพราะว่าข้อมูลของตนจะมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่กลับถือเป็นข่าวร้ายสำหรับหน่วยงาน FBI ของสหรัฐฯ เพราะว่าจะทำให้เข้าถึงข้อมูลเพื่อหาเบาะแสป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ยากขึ้นครับ
Apple ได้เริ่มโครงการ Advanced Data Protection ใน iOS 16.2 beta ซึ่งเป็นการจัดการระบบเก็บข้อมูลให้มีการเข้ารหัสข้อมูลผู้ใช้แบบ end-to-end ทำให้แม้มีการเข้าถึงข้อมูลจากใน Cloud ได้ แต่ก็จะไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้ทำอะไรได้เพราะต้องนำมาเข้ารหัสที่มีอยู่บนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานเท่านั้น ทำให้เป็นระบบที่แม้แต่ Apple เองก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้เลย ตอนนี้เปิดให้ใช้สำหรับบริการหลายอย่าง เช่น
- Device Backups
- Messages Backups
- iCloud Drive
- Notes
- Photos
- Reminders
- Safari Bookmarks
- Siri Shortcuts
- Voice Memos
- Wallet Passes
- iCloud Keychain
- Health data
เบื้องต้นบริการนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ให้ผู้สนใจเข้าไปกดเปิดได้ในหน้าการตั้งค่าก่อนเท่านั้น แต่ก็มีแผนว่าเมื่อพัฒนาเสร็จสิ้นแล้วจะเปิดระบบนี้ให้ผู้ใช้งานทุกคนได้ใช้กันถ้วนหน้าครับ
FBI กังวลการเข้ารหัส end-to-end ของ Apple
FBI หรือ สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ เป็นหน่วยงานที่มีประวัติขัดแย้งกับ Apple มาบ้าง จากเหตุการณ์เมื่อปี 2016 ที่ขอให้ Apple ปลดล็อกมือถือของผู้ก่อการร้าย แต่ Apple ไม่ยอมทำให้จน FBI ต้องไปหาทางเอาเอง
ก็เลยเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไม FBI จะไม่ค่อยชอบใจการอัปเดตล่าสุดของ Apple ซักเท่าไร เพราะทำให้บริการหลายอย่างมีการเข้ารหัส เพิ่มความยากในการเจาะระบบเพื่อสอบสวนหาข้อมูลผู้ต้องสงสัยขึ้นไปอีก
โดยมีการแถลงออกมาว่าทาง FBI รู้สึก “กังวล” กับภัยอันตรายที่อาจเกิดจากโครงการ Advanced Data Protection เพราะมันจะมาขัดขวางระบบการทำงานของ FBI โดยอ้างถึงภัยอย่างเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์, เหตุการณ์ใช้ความรุนแรงต่อเด็ก, ขบวนการค้ายา, และอื่น ๆ
แต่ในขณะเดียวกัน อัปเดตใหม่ของ Apple กลับได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานความปลอดภัยอื่น ๆ เช่นจาก Electronic Frontier Foundation ที่ชมเรื่องระบบเข้ารหัส และการยกเลิกระบบ CSAM ตรวจหาเนื้อหาละเมิดทางเพศเด็ก
Comment