ได้เวลาจับตัวมือถือท็อปของทั้งระบบ iOS และ Android มาเจอกัน ปีนี้มีรุ่นส่งเข้าชิงเป็น iPhone 14 Pro Max, Galaxy S22 Ultra, vivo X80 Pro, OPPO Find X5 Pro, Xiaomi 12S Ultra แต่ละค่ายบอกได้เลยว่าภาพสวยกันไปคนละแบบ แต่รุ่นไหนเด่นอะไร โทนสีของภาพเป็นแบบไหน เราลองมาดูความแตกต่างกันได้ครับ

มือถือในรุ่นปัจจุบันก็มีการแข่งขันด้านกล้องกันอย่างดุเดือด พร้อมนำเอาลูกเล่นต่าง ๆ เข้ามาเสริม อย่างการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์กล้องต่าง ๆ และการคิดค้นเทคโนโลยีประมวลผลภาพแบบใหม่มาในมือถือ อย่าง iPhone 14 Pro Max ก็มีการใช้ระบบประมวลผลภาพ Photonic Engine ร่วมกับเทคโนโลยี  Deep Fusion พร้อมยกเครื่องกล้องชุดใหญ่ ใช้กล้องหลักความละเอียด 48MP

OPPO Find X5 Pro ก็เป็นผลงานระหว่างการร่วมมือกับแบรนด์กล้องสัญชาติสวีเดน Hasselblad ทาง vivo X80 Pro 5G ก็ใช้กล้องที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์ ZEISS ส่วน Xiaomi 12s Ultra ก็ไม่น้อยหน้าควงคู่มากับ LEICA ขอโชว์พาวบ้าง และสุดท้ายพี่ใหญ่อย่าง Samsung Galaxy S22 Ultra ถึงไม่ต้องพกแบรนด์ไหนมาโชว์ แต่ตัวเทคโนโลยีกล้องเค้าไปไกลมาก

ตารางเปรียบเทียบสเปคกล้อง iPhone 14 Pro Max, Galaxy S22 Ultra, vivo X80 Pro, OPPO Find X5 Pro, Xiaomi 12S Ultra

iPhone 14 Pro MaxGalaxy S22 Ultravivo X80 ProOPPO Find X5 ProXiaomi 12S Ultra
กล้องหลัก48MP (f/1.78), 1.22µm, dual pixel PDAF, sensor-shift OIS108 MP (f/1.8), 0.8µm,  PDAF, Laser AF, OIS50MP (f/1.57), PDAF, Laser AF, OIS50MP (f/1.7), 1.0µm, โฟกัส PDAF หลายวัตถุ, ระบบกันสั่น OIS SLR-Level 5-Axis Stabilization50MP (f/1.9), 1.6µm,  Dual Pixel PDAF, Laser AF, OIS
กล้องอัลตราไวด์12MP (f/2.2)  1.4µm มุมกว้าง 120˚, dual pixel PDAF12 MP (f/2.2),  1.4µm มุมกว้าง  120˚,  dual pixel PDAF, Super Steady video48 MP (f/2.2), มุมกว้าง 114˚,  AF50MP (f/2.2),  1.0µm, มุมกว้าง 110.3°, โฟกัส PDAF หลายวัตถุ48 MP (f/2.2), 0.8µm, มุมกว้าง 128˚, Dual-Pixel PDAF
กล้องเทเลโฟโต้12MP (f/2.8),  3x optical zoom, PDAF, OIS10 MP (f/2.4),  1.12µm, 3x optical zoom, dual pixel PDAF, OIS

Periscope: 10MP (f/4.9),  1.12µm, Optical Zoom 10x, dual pixel PDAF, OIS

12 MP (f/1.9), 1.22µm,  2x optical zoom, Dual Pixel PDAF

Periscope: 8 MP (f/3.4), 1.0µm, 5x optical zoom, PDAF, OIS

13 MP (f/2.4), 2x optical zoom, PDAFPeriscope: 48 MP (f/4.1),  0.8µm, 5x optical zoom, PDAF, OIS
กล้องหน้า12 MP (f/1.9)40MP (f/2.2), 0.7µm, PDAF32 MP (f/2.5), 0.8µm32 MP (f/2.4), 0.8µm32 MP (f/2.4), 0.7µm

ทีนี้เราลองมาเทียบการทดลองถ่ายภาพจริงกันบ้างว่าแต่ละรุ่นออกมาเป็นยังไง แต่ต้องขอชี้แจงว่าในการทดสอบเราใช้โทนทีของแต่ละค่ายที่ให้มา ของ iPhone 14 Pro Max ใช้โปรไฟล์สี Standard, Galaxy S22 Ultra โหมด Auto Scene, OPPO Find X5 Pro โทนสีหลักของ Hasselblad, vivo X80 Pro 5G ใช้โหมด ZEISS Natural Color,  Xiaomi 12s Ultra ใช้โหมด LEICA Authentic

กล้องเลนส์ Wide

เลนส์กล้องหลักเป็นตัวที่คนทั่วไปใช้มากที่สุด เวลาจะหยิบถ่ายอะไรไว ๆ จากภาพชุดนีก็จะเห็นว่าค่ายต่าง ๆ จัดการกับแต่ละโทนสียังไง ทาง iPhone 14 Pro Max มีการปรับคอนทราสต์สูง เห็นเส้นและลวดลายต่าง ๆ เด่นชัด ส่วนค่ายอื่นอาจยังไม่เห็นความต่างกันมาก ให้มาลองเทียบกันในชุดภาพถัดไป

ภาพชุดนี้น่าจะเป็นตัวบ่งบอกความต่างของโปรไฟล์สีแต่ละค่ายได้ดี ดูของ iPhone 14 Pro Max ยังมีกลิ่นอายประจำค่าย โทนสีออกไปทางเหลืองนิดนึง แต่สีดูคอนทราสต์เด่นชัด ให้อารมณ์ความจริงจัง ดราม่า ถัดมาเป็น Galaxy S22 Ultra สีอวบอิ่มดูสดใส ใบไม้ด้านหลังสีเขียวชัดมาก แต่มีบางโมเมนต์ตัดขอบวัตถุเหลี่ยมเกินไปหน่อย

จากนั้น Find X5 Pro ของ OPPO ก็มาในโทนกลาง ๆ ไม่อวบอื่มหรือซีดไป ทำให้สีดูเป็นธรรมชาติ ไม่เน้นคอนทราสต์มากเท่าใหร่ ส่วน vivo x80 Pro มาด้วยโปรไฟล์สีสว่าง โทนดูขาว ๆ ตามฉบับ ZEISS ส่วน Xiaomi 12S Ultra ถ่ายออกมาสีออกโทนน้ำเงิน-ม่วง มีคอนทราสต์สูง แบบ LEICA แถมใบหน้าอาจมีการเกลี่ยเพื่อความสวยงามเยอะไปนิดนึง แต่ด้วยความที่เลนส์กล้องขนาดใหญ่ 1 นิ้ว ถ่ายแล้วหลังละลายกว่าใครเพื่อน

กล้องเลนส์ Wide + HDR

ลองมาใช้โหมด HDR ในกล้องหลักกันหน่อย ฉากนี้ก็มีจุดเด่นเป็นสีสันของอาคารศาลเจ้า และมุมมืดด้านในที่ตัดกับท้องฟ้าที่มีแสงสว่างจ้าสุด ๆ ลองส่องดูจะเห็นว่า บางรุ่นมีหลุดไปบ้าง อย่าง iPhone ถ่ายแล้วท้องฟ้าสว่างเกินจนกลายเป็นสีขาว ซึ่งลองกดใหม่ 2-3 รอบก็ยังแก้ไม่หาย ส่วน Samsung แม้จะยังคงท้องฟ้าและตัวศาลเจ้าเอาไว้ได้ แต่กลับยกแสงนางแบบจนดูสว่างจ้าไปด้วย

ส่วนอีก 3 รุ่นที่เหลือทำได้ดีพอ ๆ กัน อย่าง vivo OPPO และ Xiaomi ที่เก็บรายละเอียดครบทั้งท้องฟ้าและนางแบบ และยังมีเฉดสีไล่เลี่ยกัน

ชุดนี้มีความละเอียดสูงมาก ไอโฟนลองแล้วเบลอภาพพื้นหลังมาให้น้อยที่สุด แต่ยังเก็บรายละเอียดในทั้งพื้นที่สว่างและมือของภาพได้ดี เช่นเดียวกันกับ vivo และ Samsung ส่วน OPPO และ Xiaomi ภาพออกมาคล้ายกัน แต่เสียวหมี่มีจับโฟกัสพลาดไปเล็งพุ่มไม้ด้านหลังแทน

ลองมาส่องภาพแบบ indoor โดยกล้องหลัก พบว่าสไตล์ vivo สีแบบขาว ๆ กลับชูห้องสีทึมให้ดูสว่างและสดใสขึ้นมาได้ ออกมาคล้ายกับของ Samsung ที่สีขาวดูเที่ยงตรงเป็นธรรมชาติ ส่วนภาพจาก iPhone กลายเป็นว่าติดเขียวนิด ๆ และ OPPO กับ Xiaomi ดึงสีไปทางแดงม่วง และไม่ค่อยดึงภาพให้สว่างเท่าไร

กล้องเลนส์อัลตราไวด์

พอลองเปลี่ยนมาใช้เลนส์ ultra-wide ในซีนเดียวกัน ก็จะเห็นความต่างของสี ซึ่งกล้องที่ดีเวลาเปลี่ยนเลนส์แล้วควรมีโทนแบบเดียวกัน หรือไม่ต่างกันมาก ซึ่งพอลองดูแล้วก็พบว่าแต่ละค่ายก็ยังพอคงสไตล์เหมือนกล้องหลักไว้ได้อยู่ แต่ของ OPPO มีการปรับสีให้สว่างมากขึ้น จากโทนแดงในเลนส์ wide กลายเป็นออกเหลืองมาหน่อย แต่ที่สีเปลี่ยนเยอะอาจเป็นเพราะพอขยายมุมแล้วมีแสงไฟด้านบนเข้ามาในภาพ

อัลตราไวด์ชุดนี้เป็นภาพนางแบบยืนอยู่ในสถานที่มีรายละเอียดเยอะ และมี dynamic range สูง แต่ละรุ่นมีความบิดเบี้ยวของภาพตามองศาเลนส์พอ ๆ กัน แต่จะเห็นว่า iPhone 14 Pro Max มีการขยับแสงภาพให้สว่างมากทั้งภาพ ทำเอาสีรองเท้า และตึกด้านหลังรายละเอียดหายไปบ้าง แต่ก็รักษาสกินโทนให้สีสวยไว้ได้ ส่วน Xiaomi ก็มีหลุดตึกหายไปเหมือนกัน แต่ภาพส่วนอื่นยังดูมืดไม่สมดุล ในขณะที่ Samsung มีภาพสีสดแต่ยอมปล่อยวัตถุคนมืดลงไปได้ ทำให้นางแบบที่เป็นจุดเด่นของภาพโดนกลบไป แต่สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ดันสวยแทน

ส่วน vivo เก็บ Dynamic Range ได้ดี จุดที่สว่างสุดอย่างตัวตึกยังเก็บรายละเอียดครบ ส่วนที่มืดก็ยังดึงให้สว่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่นเดียวกันกับ OPPO ที่ต้องขอชมว่าแม้เจอซีนจัดการยากแต่ยังรักษาสีสันไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เข้มและไม่จืดเกินไป

ลองมาดูสีสันตึกและท้องฟ้าจากเลนส์อัลตราไวด์ พบว่าแต่ละค่ายพาโทนไปคนละทางเลย ของ OPPO และ Samsung นี่ไปทางภาพสีสด ดึงให้ตึกออกมาดูสีแดงสว่าง แต่สีกระเบื้องพื้นต่างกัน อย่าง OPPO นี่พาดึงพื้นให้ขาวสว่างไปเลย ส่วนรุ่นที่เหลือนั้นปล่อยให้ตึกสีออกเข้ม ทาง Apple ชูสีส่วนต่าง ๆ น้อยที่สุด แต่ไปเด่นตรงท้องฟ้าที่มีสีน้ำเงินเข้ม ส่วนท้องฟ้าค่ายอื่นออกสีฟ้าเบา ๆ มากกว่า

โหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait

โหมด Portrait นี่คนก็น่าจะใช้บ่อยกันไม่น้อย เวลาอยากถ่ายภาพคนให้เด่นชัด มีพื้นหลังเบลอ ๆ ซีนนี้เป็นมุมเปิดประตูมาเจอแสงข้างนอก โดยยังมีพื้นหลังเป็นในห้องแสงน้อย แว๊บแรกเห็นความแตกต่างเป็นการแต่งหน้าจากระบบ ที่ vivo กับ Xiaomi นี้เกลี่ยนหน้าเนียนมาก ๆ รองลงมาเป็น Samsung และ OPPO ที่ปัดหน้าให้พอดี ๆ

ส่วนความคอนทราสต์ของภาพเก็นเด่นชัดมากใน iPhone และ Xiaomi ทำให้ภาพดูแข็งไปหน่อย ส่วนโทนสี Samsung OPPO vivo นั่นถือว่าออกมาคล้าย ๆ กัน แต่ของ iPhone มีภาพโทนอุ่นกว่า ส่วน Xiaomi ภาพออกสีฟ้าเด่นชัดแบบ LEICA

ให้นางแบบนั่งในฉากบนโต๊ะอาหารครึ่งตัว ชุดนี้เหมาะกับกล้องสีสดอย่าง Samsung ทำให้สีเส้นผมและใบหน้าดูอวบอิ่ม ส่วน OPPO ก็ออกมาสวยเป็นธรรมชาติแม้ไม่ได้เร่งสีเท่าไหร่ โทนคล้าย ๆ กับ vivo อีกแล้ว ต่างกันตรงการเกลี่ยหน้าที่ vivo ปรับหน้ามาเห็นได้ชัด ส่วน Xiaomi ก็ยังคงจัดหน้ามาแน่น แต่ก็มาด้วยโทนสีเย็น ออกขาวฟ้าเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่ iPhone เน้นความสว่าง สีออกเหลือง และใบหน้าชัดสมจริงไม่ได้แต่งอะไร

ในด้านการตัดขอบ Xiaomi และ vivo รอบนี้ตัดได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ ขอบวัตถุมีจุดมัวเป็นเส้นเห็นได้อย่างชัดเจน ดีขึ้นก็เป็น OPPO ที่ตัดสินใจตัดขอบโดยไม่ค่อยใช้เบลอเส้นขอบ แต่ถ้าเลือกตัดพลาดก็มีส่วนภาพเกินแปลก ๆ  ส่วน Samsung และ iPhone ตัดได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ มีการใช้เบลอมาเฉพาะจุดที่จำเป็นอย่างตามเส้นผม ทำให้เหมือนว่าผมถูกเบลอไปตามระยะถ่ายของกล้อง

โหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait + HDR

พอลองถ่ายซีนนี้แบบ Portrait HDR แล้วพบว่า iPhone ปรับค่าคอนทราสต์บนตัวคนน้อยที่สุด ทำให้ตัวคนดูสว่างขึ้นมาทุกส่วน สังเกตได้จากแสงเงาบนใบหน้าและเส้นผม ส่วนค่ายที่ปรับคอนทราสต์สูงสุดเป็น Xiaomi ที่ความสว่างต่างกันมาก ดูคล้ายแสงสปอตไลต์ฉายลงจากด้านบน และด้านหลังยังมีระเบิดแสงบนท้องฟ้า สว่างวาบทำรายละเอียดหาย

ส่วนด้านโทนสี iPhone ดูไม่เน้นความอิ่มตัวของสีเท่าค่ายอื่น บางคนอาจมองว่าซีดไปหน่อย ส่วน Samsung ปรับสีเข้มคล้าย ๆ กับบน vivo x80 ที่ช็อตนี้ดูไม่ค่อยเห็นเป็นโปรไฟล์สี ZEISS แบบที่เคยเห็น ส่วน OPPO ดูสีอยู่กึ่งกลางทั้ง 5 รุ่น ในขณะที่ Xiaomi สียังออกฟ้าม่วง เย็น ๆ อยู่ตามสไตล์ LEICA

และก็เหมือนเดิม เรื่องการเกลี่ยใบหน้าก็เห็นว่า Xiaomi และ vivo ใส่เอฟเฟกต์มาเยอะสุด ดูหน้าเนียนเรียบไปเลย ในขณะที่เจ้าอื่นยังเห็นพื้นผิวได้อยู่บ้าง

กล้องหน้าถ่ายภาพเซลฟี่

การเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าก็คือเป็นอีก 1 โหมดปราบเซียน และเป็นตัวชี้ชัดความเด่นของกล้องแค่ละรุ่นได้ดีครับ สิ่งแรกที่สังเกตได้คือการปรับผิวหน้าให้สวยงามขึ้น iPhone นี่เรียกได้ว่าเป็นหน้าสด แทบไม่ตกแต่งอะไรมาให้ เห็นรอยผิวชัดเจนมากที่สุด รองลงมาเป็น vivo ที่เห็นผิวหนังชัดแต่ก็มีการปรับให้ดูเรียบเนียนมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่ากำลังดีดูเป็นธรรมชาติ

ความชัดรองลงมาเป็น Samsung ที่ปรับหน้ามาพอเห็นร่องรอยดูสมจริงอยู่ระดับนึง พอ ๆ กันกับ Xiaomi โดยมีความต่างอยู่ที่โทนสีซะมากกว่า ส่วนรุ่นที่แต่งหน้าให้เวลาเซลฟี่เยอะสุด คือ OPPO ที่ให้เครื่องมาแน่น ดูผิวเกลี่ยเรียบไปเยอะอยู่

อีกเรื่องคือการเบลอพื้นหลัง จะสังเหตุเห็นได้ว่า Samsung เบลอให้เยอะกว่าใคร ทำให้ภาพดูมีมิติ ส่วน iPhone ไม่ค่อยปรับเบลอเท่าไหร่ ภาพชัดกันทุกส่วน  ส่วนเรื่องโทนสีแต่ละรุ่นยังคงเป็นเหมือนกล้องหลังอยู่ทุกตัว

ถ่ายภาพอาหาร

พอมาดูหมวดภาพถ่ายอาหาร จานนี้ก็ถือว่าจัดการให้สวยยากเพราะไม่ค่อยมีสีสันเยอะ และในร้านที่ถ่ายก็มีแสงสีออกเหลืองอุ่น ๆ อยู่แล้วด้วย แต่จะเห็นว่า Samsung ปรับสีจัดจ้านดูดราม่ามาก เหมือนใส่ฟิลเตอร์สีลงไป มีสีดูเทียบเคียงกับ iPhone เลย ซึ่งต้องขอแจ้งไว้ว่ากล้อง iPhone 14 Pro Max นี้ต้องหันไปใช้เลนส์ซูม x2 เพราะว่ากล้องหลักมีระยะถ่ายใกล้ขนาดนี้ไม่ได้

ลองมาดูฉากถ่ายอาหารหลายจานจากด้านบน แต่ละรุ่นยังคงจุดเด่นเอาไว้อยู่ อย่าง iPhone ที่ยังเน้นดึงภาพให้สว่างเข้าไว้ กลายเป็นว่าออกมาภาพคล้าย vivo ที่มีโปรไฟล์สีเย็น ๆ และสว่างทั่วกัน ส่วน Xiaomi นี่ถ่ายแล้วกลายเป็นว่าไม่ค่อยดึงแสงขึ้น ทำภาพออกมามืด

โหมดถ่ายภาพกลางคืน Night Mode

ซีนนี้จะใช้ลองโหมดถ่ายภาพตอนกลางคืนกัน อันนี้เราไม่ได้กำหนดค่าวินาทีเลย ให้แต่ละเครื่องกำหนดค่าชัตเตอร์กันไป ตัว iPhone ก็เห็นได้ว่ามีความสว่างขึ้นมาจากรุ่นก่อน ๆ มาก และแต่ละรุ่นก็สว่างใกล้เคียงกัน แต่ Xiaomi ให้ภาพโดยรวมค่อนข้างมืดกว่ารุ่นอื่นในบางส่วน

ส่วนซีนนี้เป็นภาพที่มืดที่สุดตอนกดถ่าย เห็นได้ชัดเลยว่า iPhone 14 Pro Max ภาพสว่างที่สุด รองลงมานี่ยกให้ vivo กับ OPPO ที่ดูสูสีกัน จากนั้น Samsung และ Xiaomi สว่างน้อยลงมาตามอันดับ แต่ด้านโทนสีในที่มืดกลายเป็นว่า vivo จับสีใด้อวบอิ่มได้มากที่สุด ส่วน iPhone ดูสว่างมากแต่ก็ดูซีดมากพอกัน

เทียบภาพเซ็ตสุดท้ายกันด้วยภาพตึกและเมืองกรุงยามค่ำคืน ดูเหมือนว่า Samsung จะถ่ายภาพแบบนี้ออกมาแล้วดูสว่างที่สุด ในขณะที่ vivo ก็สว่างพอกัน แต่มีติดสีขาวฟุ้ง ๆ ทั่วจอครับ ส่วน OPPO ดูท้องฟ้ามืดที่สุดเพราะดูเหมือนจะเน้นแสงจากด้านล่างท้องถนนมากกว่า และก็ต้องชื่นชม iPhone ที่ปรับสว่างขึ้นได้มากขึ้นเยอะ พร้อมใส่ sharpness เข้ามาเสริมให้ภาพคมชัดด้วย

ทั้งหมดนี้ก็จะถือเป็นการลองเทียบกล้องมือถือเรือธงของค่ายดังทั้งฝั่งไอโฟน และแอนดรอยด์ สามารถพูดได้ว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นและจุดด้อยต่างกันไป ทั้งมู้ดและโทนของภาพก็เป็นคนละแนวเลย สุดท้ายแล้วหากใครจะเลือกซื้อมือถือจากกล้อง ก็ควรเลือกสไตล์ที่ตรงใจเราที่สุด และอาจดูฟีเจอร์ลูกเล่นกล้องอื่น ๆ เช่นโหมดแสง เอฟเฟกต์ และการซูมไว้ด้วยนะ

ส่วนใครเป็นสาวก iPhone ก็ไปดูการเปรียบเทียบกล้องไอโฟน 14, 13, 12, 11, และ XS Max ที่เราเคยเขียนเอาไว้ได้เหมือนกันครับ

Play video